“มาเล่นมวยปล้ำด้วยกันนะคะ”! ฉันสัญญาว่าจะทำให้มวยปล้ำตีตลาดไปให้เยอะที่สุด ไม่ใช่แค่ในเมืองไทย แต่จะกระจายไปทั้ง มาเลเซีย สิงคโปร เวียดนาม กับพูชา และประเทศในละแวกนี้ให้หมดเลย
หลายๆ คนอาจจะทราบกันแล้วว่าในเมืองไทยมีสมาคมมวยปล้ำอาชีพเกิดขึ้นในชื่อของ GATOH MOVE PRO WRESTLING ในความร่วมมือกับสมาคมมวยปล้ำในญี่ปุ่น ตอนนี้สมาคมเดินทางมาจะ 3 ปีแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย เราจึงคิดว่าเป็นโอกาสดีในการพูดคุยกับ “เอมิ ซากุระ” ตำนานนักมวยปล้ำญี่ปุ่นที่เป็นคนก่อตั้งสมาคมและถือได้ว่าเป็นผู้วางรากฐาน วงการมวยปล้ำให้กับประเทศไทย ไปอ่านกันได้เลยครับ !

Q – รบกวนแนะนำตัวเองให้กับแฟนๆ มวยปล้ำว่าเป็นใครมาจากไหน และได้รางวัลอะไรที่น่าสนใจมาบ้างจากญี่ปุ่น
A – สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ เอมิ ซากุระ เป็นนักมวยปล้ำจากประเทศญี่ปุ่นค่ะ ฉันเป็นนักมวยปล้ำหญิงยอดเยี่ยมประจำปี 2009 และตอนนี้ก็เดินทางมาเมืองไทยเพื่อที่จะมาเปิดสมาคมมวยปล้ำหญิงขึ้นเป็นแห่ง แรกภายในปีนี้ค่ะ
Q – ทำไมถึงเลือกมาเปิดค่ายมวยปล้ำในเมืองไทย ทั้งๆที่อยู่ไกลจากญี่ปุ่นและไม่เคยมีสมาคมมวยปล้ำอย่างจริงจังมาก่อน
A – อืม… อย่างแรกเลยฉันคิดว่าที่ญี่ปุ่นมีสมาคมมวยปล้ำเยอะแล้วนะ ต่างจากในเมืองไทยที่ยังไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้แฟนมวยปล้ำในเมืองไทยยังมีโอกาสได้ชมมวยปล้ำญี่ปุ่นหลายๆรายการรวม ไปถึง ไอซ์ ริบบอน (สมาคมมวยปล้ำหญิงชั้นนำที่เอมิ ซากุระเคยเป็นเจ้าของ) ด้วย เลยน่าจะพอมีพื้นฐานตรงนี้อยู่บ้าง ดังนั้นฉันจึงคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีและเหมาะสมที่สุดแล้วล่ะค่ะ

Q – จากที่มาอยู่เมืองไทยได้สักพักหนึ่งแล้ว คุณเห็นข้อแตกต่างระหว่างเด็กไทยและเด็กญี่ปุ่นอย่างไรบ้างครับ
A – ฉันขอตอบในแง่ของมวยปล้ำนะ คือฉันคิดว่าความรู้ความเข้าใจในมวยปล้ำต่างกันเยอะเลยล่ะค่ะ เพราะเด็กญี่ปุ่นส่วนใหญ่เนี่ยจะรู้จักมวยปล้ำเป็นอย่างดี แต่สำหรับเด็กไทยที่ชอบมวยปล้ำ ยังถือว่าเป็นกลุ่มน้อยมากๆ เลย
Q – ถ้าอย่างนั้นเราอยากให้คุณพูดถึงข้อแตกต่างระหว่างมวยปล้ำ กับกีฬาต่อสู้ที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยอย่างเช่น มวยไทย เทควันโด หรือยูโด สักหน่อยดีกว่า เผื่อจะช่วยให้แฟนๆหันมาสนใจกีฬามวยปล้ำมากขึ้น
A – (หัวเราะ) แม้ฉันจะยอมรับว่ามวยไทย เทควันโด หรือยูโดเป็นสิ่งที่สุดยอดก็เถอะแต่ฉันคิดว่ามวยปล้ำเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ไม่แพ้กันเพราะอย่างที่เราทราบกันดีใช่ไหมคะว่ามวยปล้ำเป็นสิ่งที่เน้นความ บันเทิงมากกว่าความจริงจังในรูปแบบของกีฬา และต่างจากการแข่งขันชนิดอื่นอย่างสิ้นเชิง
Q – วกเข้ามาในเรื่องของการฝึกมวยปล้ำกันบ้างดีกว่าครับ คำถามนี้เป็นคำถามที่หลายคนอยากจะทราบกันเหลือเกิน นั่นก็คือเรื่องคุณสมบัติในการเข้าฝึกมวยปล้ำ บางคนมีปัญหาทางด้านสายตาสั้น สายตายาว ส่วนบางคนอาจจะคิดว่าตัวเองเตี้ยเกิน หรือสูงเกิน สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการฝึกมวยปล้ำไหมครับ?
A – ฉันยืนยันได้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เป็นอุปสรรคในการฝึกค่ะ ใครๆก็สามารถเป็นนักมวยปล้ำได้ด้วยกันทั้งนั้น ยกตัวอย่างในสมัยก่อน WWE มีนักมวยปล้ำพิการที่ชื่อว่า แซค โกเวน เขามีขาข้างเดียว แต่ก็สามารถเป็นนักมวยปล้ำที่ดีได้ ฉันคิดว่าต่างคนต่างมีวิธีการในการนำเสนอตัวเอง หรือเรียกได้ว่าต่างคนก็มีคาร์แรกเตอร์แตกต่างกันไปซึ่งมันจะช่วยเสริมสร้าง ความน่าสนใจให้กับตนเองได้น่ะค่ะ ฉันสอนทุกคนเสมอว่าการฝึกให้มากคือปัจจัยสำคัญที่สุด ดังนั้นปัญหาที่ผู้ฝึกต้องเอาชนะให้ได้ก็คือความยากและความเหนื่อยล้า ถ้าทนตรงนี้ไหวทุกอย่างก็สบายแล้วล่ะค่ะ

Q – ในเรื่องของอายุที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกมวยปล้ำควรจะอยู่ที่ประมาณกี่ปี ครับ อย่างมวยไทยเนี่ยอายุประมาณ 7 – 8 ปีก็เริ่มฝึกได้แล้ว ไม่ทราบว่ามวยปล้ำใกล้เคียงกันรึเปล่า
A – ก็พอๆ กันนะคะ ยกตัวอย่างเช่น ริโฮ (นักมวยปล้ำหญิงชั้นนำของญี่ปุ่น) ก็เริ่มฝึกมวยปล้ำตั้งแต่อายุ 8 ขวบ การฝึกมวยปล้ำไม่มีคำว่าเร็วไปหรือช้าไป คือจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ถ้ามีความมุ่งมั่นและใจรัก แต่ถ้าถามความเห็นของฉันจริงๆ ฉันคิดว่าอายุที่เหมาะสมสำหรับการลงแข่งอยู่ที่ระหว่าง 15 ปี ถึง 25 จากนั้นร่างกายก็จะค่อยๆถดถอยลงไปค่ะ
Q – หลายๆคนพูดถึงความแตกต่างระหว่างมวยปล้ำอเมริกา และมวยปล้ำญี่ปุ่น โดยบอกว่ามวยปล้ำค่ายใหญ่ๆในอเมริกาฝึกน้อยมากหากเทียบกับญี่ปุ่น แต่ไปเน้นในเรื่องของบทบาทแทน ซึ่งต่างจากในญี่ปุ่นที่ต้องฝึกจนฝีมือดีก่อน จึงจะได้มีโอกาสปล้ำจริง คุณคิดอย่างไรกับความเห็นดังกล่าวครับ
A – ฉันก็ไม่ทราบนะคะว่าที่นั่นเป็นอย่างไร แต่ฉันคิดว่าทุกคนก็ฝึกหนักหมดล่ะ ทั้งในญี่ปุ่นหรือใน WWE เพราะถ้าคุณจะเป็นนักมวยปล้ำ คุณหลีกเลี่ยงการซ้อมหนักไม่ได้หรอกค่ะ
Q – ในเมืองไทยหลายๆ คนหลายๆ ครอบครัวมองว่ามวยปล้ำเป็นของใหม่สำหรับสังคมและมองว่าเป็นกีฬาที่อันตราย เราจะบอกสังคมอย่างไรดีว่ามวยปล้ำไม่ได้อันตรายอย่างที่สังคมคิด และคุณจะอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่อยากให้ลูกมาฝึกมวยปล้ำอย่างไรครับ
A – ไม่ใช่แค่เมืองไทยหรอกค่ะ ในญี่ปุ่นก็เหมือนกัน คุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมเป็นห่วงลูก ยิ่งเป็นลูกสาวด้วย ฉันเคยฝึกให้กับทั้ง ริโฮ, คุรุมิ, สึกุชิ (ทั้งสามเป็นนักมวยปล้ำรุ่นเด็ก อายุต่ำกว่า 15 ปี) และได้แสดงให้เห็นว่าถ้าเกิดเราฝึกอย่างต่อเนื่อง ฝึกให้มากๆ มวยปล้ำ ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ เราต้องทำทุกอย่างให้เป็นแบบมืออาชีพค่ะ จนเมื่อเวลาผ่านไปสังคมก็จะเห็นเองว่ามวยปล้ำไม่ใช่เรื่องอันตรายเลย
Q – แต่ในช่วงหลายปีมานี้ มีข่าวนักมวยปล้ำเสียชีวิตมากมาย และข่าวเหล่านี้ได้เข้ามาตอกย้ำให้กับสังคมในประเด็นเรื่องความโหดร้ายของ กีฬามวยปล้ำ ไล่มาตั้งเรื่องของคริส เบนวา (ปล้ำจนเกิดอาการกระทบกระเทือนทางสมอง จนนำไปสู่การฆ่าบุคคลในครอบครัวและฆ่าตัวตาย) เรื่อยมาจนถึง มิตซุฮารุ มิซาว่า (นักมวยปล้ำระดับตำนานของญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนเวที) เราจะพูดถึงประเด็นเหล่านี้อย่างไร
A – มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้นหรอกค่ะ ฉันคิดว่าการขับรถยังเสี่ยงอันตรายมากกว่าเป็นนักมวยปล้ำเลย ฉันว่าบางทีกีฬามวยปล้ำก็เหมือนถูกเพ่งเล็งจับผิดนะ ฉันตอบไปก่อนหน้านี้แล้วว่าหากเราฝึกซ้อมอย่างเต็มที่และทำทุกอย่างตาม แนวทางที่เตรียมมาอย่างสมบูรณ์ กีฬามวยปล้ำก็จะไม่ใช่สิ่งอันตรายอีกต่อไป เมื่อไม่กี่วันมานี้ฉันไปเล่นสงกรานต์ที่ไทยมาค่ะ ฉันคิดว่าสงกรานต์ยังอันตรายกว่าการเล่นมวยปล้ำซะด้วยซ้ำ ฉันรับประกันตรงนี้เลยว่ามวยปล้ำไม่ได้เป็นสิ่งอันตรายถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ
Q – และนักมวยปล้ำจะมีข้อห้ามหลักๆ อะไรบ้างครับ อย่างเช่นห้ามมีแฟน ห้ามกินเหล้า ห้ามสูบบุหรี่
A – ในญี่ปุ่นเนี่ยต้องอายุเกิน 20 ก่อนถึงจะซื้อพวกเหล้า เบียร์กินได้ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าต่างจากในไทยรึเปล่านะ แต่มันก็พอช่วยควบคุมได้ในระดับหนึ่ง ประเด็นที่ฉันต้องพูดถึงอยู่บ่อยๆก็คือเรื่องของคนดูค่ะ คนดูคือคนสำคัญสำหรับวงการมวยปล้ำ เราต้องแคร์คนดูเป็นอันดับแรกเสมอ พวกเขามีค่าที่สุด คือเราไม่ได้มีกฏห้ามอย่างจริงจังในเรื่องการห้ามมีแฟน หรือการห้ามกินเหล้า อะไรนะคะ แต่คนที่เป็นนักมวยปล้ำต้องรู้จักควบคุมตัวเองและรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง เอาไว้ด้วย หากรู้ว่าจะทำอะไรที่ไม่เหมาะสม ก็ไม่ควรให้แฟนๆ ที่สนับสนุนเห็น ถ้าจะสูบบุหรี่ ก็ต้องเลี่ยงไปหาที่ลับตาคน หรือถ้าจะกินเหล้า กินเบียร์ ก็ต้องจริงจังกับการฝึกซ้อมไปด้วยให้ได้ค่ะ
Q – สุดท้ายอยากให้ฝากข้อความถึงแฟนๆมวยปล้ำครับ
A – “มาเล่นมวยปล้ำด้วยกันนะคะ”! ฉันสัญญาว่าจะทำให้มวยปล้ำตีตลาดไปให้เยอะที่สุด ไม่ใช่แค่ในเมืองไทย แต่จะกระจายไปทั้ง มาเลเซีย สิงคโปร เวียดนาม กับพูชา และประเทศในละแวกนี้ให้หมดเลยค่ะ
Q – ขอบคุณสำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ครับ
A – ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงฝากสมาคมของฉันด้วยนะคะ
นี่ก็เป็นอีกเรื่องราวดีๆ ที่คนไทยร่วมมือกับคนญี่ปุ่นในการสร้างมันขึ้นมา และก็ช่วยเติมเต็มความฝันให้คนไทยได้หลายคนเลยล่ะครับ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ!