ในบรรดาของฝากที่มีอยู่มากมาย ขนมยัทสึฮาชิสามารถครองอันดับหนึ่งสำหรับของฝากยอดนิยมที่ใครๆ ก็ซื้อเมื่อมาเยือนเกียวโตตลอดกาลอีกด้วยล่ะ รองลงมาก็จะเป็นพวกเครื่องรางและวัตถุมงคลจากวัดต่างๆ นั้นเองค่ะ
หากใครเคยมีเพื่อนที่เพิ่งกลับจากการไปเที่ยวเมืองเกียวโต อาจจะเคยได้รับของฝากที่มีชื่อว่าขนมยัทสึฮาชิ (Yatsuhashi) กันมาบ้างนะคะ ขนมกล่องเล็กๆ ที่มีส่วนผสมของข้าว ,น้ำตาล และอบเชย ซึ่งขนมชนิดนี้ไม่ได้มีชื่อเสียงเพียงแค่เป็นของฝากขึ้นชื่อเท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของเมืองอันเก่าแก่แห่งนี้อีกด้วย เพราะไม่มีสิ่งไหนที่จะสามารถบอกได้ว่าเราได้ไปเยือนเมืองเกียวโตได้เท่ากับขนมยัทสึฮาชิอีกแล้วล่ะค่ะ และในบรรดาของฝากที่มีอยู่มากมาย ขนมยัทสึฮาชิก็ยังสามารถครองอันดับหนึ่งสำหรับของฝากยอดนิยมที่ใครๆ ก็ซื้อเมื่อมาเยือนเกียวโตตลอดกาลอีกด้วยล่ะ รองลงมาก็จะเป็นพวกเครื่องรางและวัตถุมงคลจากวัดต่างๆ นั้นเองค่ะ
ต้นกำเนิดของขนมยัทสึฮาชิ
ขนมยัทสึฮาชิเป็นขนมที่มีความเก่าแก่มากที่สุดชนิดหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นประวัติความเป็นมาก็อาจจะมีแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตามประวัติที่ได้รับการยอมรับและน่าเชื่อถือมากที่สุดนั้นต้องย้อนกลับไปในสมัยเอโดะ มีพระภิกษุตาบอดรูปหนึ่งชื่อว่า ยัทสึฮาชิ เค็งเกียว (Yatsuhashi Kengyo) ท่านเป็นทั้งนักดนตรี นักแต่งเพลง ที่ชื่นชอบและหลงใหลในเครื่องดนตรีโคโตะ (Koto, 箏) เครื่องดนตรีประเภทสายของญี่ปุ่น ท่านยัทสึฮาชิ เป็นคนอ่อนน้อม เรียบง่ายและสมถะ เวลารับประทานอาหารท่านยัทสึฮาชิจะคอยระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่ปล่อยให้อาหารเหลือทิ้งและเสียเปล่า หากวันไหนมีเศษข้าวเหลือติดก้นหม้อ ท่านยัทสึฮาชิก็จะนำมาทำเป็นของว่าง โดยนำเศษข้าวก้นหม้อมาผสมน้ำตาลและอบเชย จากนั้นนำไปอบและเก็บไว้กินกับน้ำชายามว่าง ซึ่งแนวคิดและวิธีปฏิบัตินี้ก็ยังถูกถ่ายทอดแก่บรรดาชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงอีกด้วย
และหลังจากที่ท่านยัทสึฮาชิ เค็งเกียวมรณภาพ ร่างของท่านก็ได้ถูกนำไปฝังยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใน วัดคองคาอิ โคเมียวจิ แต่ด้วยความรักและความศรัทธาที่ชาวบ้านมีให้จึงรู้สึกว่าเท่านี้อาจจะยังไม่เพียงพอต่อความรู้สึกของผู้คนที่มาเยี่ยมหลุมศพของท่านยัทสึฮาชิ หลังจากนั้น 4 ปี ขนมที่มีชื่อว่ายัทสึฮาชิ ก็ถือกำเนิดขึ้น โดยมีรูปร่างเหมือนกับเครื่องดนตรีโคโตะที่ท่านยัทสึฮาชิรักมาก และสูตรของขนมก็ยังคงเป็นสูตรต้นตำรับเดิมที่ท่านยัทสึฮาชิเคยทำนั้นเองค่ะ โดยขนมชนิดนี้ถูกวางขายครั้งแรกที่ร้านน้ำชาท้องถิ่นที่อยู่ไม่ไกลจากวัดนั้นเอง
ประวัติความเป็นมาของขนมยัทสึฮาชิ
ในตอนแรกขนมยัทสึฮาชิจะมีลักษณะคล้ายกับขนมเซ็มเบ ค่อนข้างแข็งแต่ว่าบางกว่าเซ็มเบ ซึ่งความแข็งนี้มาจากกรรมวิธีในการทำ การอบด้วยอุณหภูมิที่พอเหมาะจะทำให้แผ่นข้าวเกิดการโค้งมนทำให้มีรูปร่างคล้ายกับเครื่องดนตรีโคโตะ น้ำตาลและอบเชยทำให้เพิ่มรสชาติ และเข้ากันได้ดีกับน้ำชาร้อนๆ ขนมยัทสึฮาชิแบบดั้งเดิมนี้ถูกขายให้กับนักแสวงบุญและผู้มาเยือนในเมืองแห่งนี้ โดยวางขายครั้งแรกที่ร้านโชโกอิน ขนมที่มาจากร้านนี้จึงถูกเรียกว่าโชโกอินยัทสึฮาชิ (Shogoin yatsuhashi) และหลังจากขนมเริ่มวางขายก็ได้รับความนิยมจากผู้มาเยือนเป็นอย่างมาก จนสุดท้ายในปี ค.ศ. 1900 ขนมยัทสึฮาชิก็ถือได้ว่าเป็นของฝากประจำเมืองเกียวโต ที่ไม่ว่าใครผ่านมาก็ต้องหาซื้อกลับไปเป็นของฝาก
ในสมัยก่อนการเดินทางไม่ได้รวดเร็วอย่างในปัจจุบัน ขนมยัทสึฮาชิที่ถูกอบจนแห้งสามารถเก็บได้นานถึง 3 เดือนดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าผู้รับจะได้รับของฝากที่ยังไม่เสียและสามารถรับประทานได้ สิ่งนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ขนมชนิดนี้ได้รับความนิยมนั้นเองค่ะ แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1889 ขนมยัทสึฮาชิก็ยังได้รับรางวัลเหรียญเงินในงาน Paris Expo ในฐานะขนมที่ได้รับความสนใจและชื่นชอบจากผู้ที่มาร่วมงานอีกด้วย ถือได้ว่าขนมชนิดนี้สามารถสร้างชื่อเสียงและทำให้ผู้คนรู้จักเมืองเกียวโตและประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นนั้นเองค่ะ
ต่อมาในปี ค.ศ.1960 ก็มีการคิดค้นขนมยัทสึฮาชิแบบนิ่มขึ้นมาโดยทำมาจากแป้งข้าวที่นำมาหุ่งและตีให้คล้ายกันกับขนมโมจิจากนั้นก็สอดไส้ถัวแดง หรือชาเขียว โดยขนมยัทสึฮาชิแบบนิ่มนี้จะถูกห่อเป็นรูปสามเหลี่ยมและจะรู้จักกันในชื่อว่าอันอิริ นามะ ยัทสึฮาชิ (an-iri nama yatsuhashi) ซึ่งนอกจากไส้ยอดนิยมอย่างถั่วแดง และชาเขียวแล้ว ขนมยัทสึฮาชิแบบนิ่มก็ยังมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนรสชาติของตัวแป้งและไส้ออกมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ถั่วดำ งา อบเชย เกาลัด สตรอว์เบอร์รี ช็อกโกแลต เป็นต้น และด้วยการคิดค้นและพัฒนามาอย่างยาวนานจึงทำให้ขนมยัทสึฮาชิไม่ความแตกต่าง และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้
ในปัจจุบันถึงแม้ว่ารูปแบบดั่งเดิมของขนมยัทสึฮาชิแบบนิ่มจะเป็นรูปสามเหลี่ยมอย่างที่เราคุ้นเคย แต่ก็ยังสามารถพบเห็นรูปแบบแปลกๆ ที่แตกต่างออกไปจากเดิมเช่นรูปถุงเงินเล็กๆ หรือทำเป็นรูปดอกไม้ หรือแม้กระทั้งแบบแข็งต้นตำรับก็ยังถูกนำมาทำเป็นรูปทรงแท่งม้วน ที่ดูแตกต่างไปจากเดิมมาก แต่ถึงกระนั้นรูปทรงแบบดั่งเดิมก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย
หากท่านยัทสึฮาชิ เค็งเกียว ยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะรู้สึกภาคภูมิใจที่ความมัธยัสถ์ของเขาจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนและทุกสิ่งทุกอย่าง เฉกเช่นตัวโน๊ตและบทเพลงของเขาที่ถูกทิ้งไว้เป็นมรดกแก่ชนรุ่นหลังที่หลงใหลในท่วงทำนองของโคโตะฉันใด สิ่งที่ดูเรียบง่ายที่สุดของเขาก็สามารถพบเจอได้ตามบ้านเรือนทั่วไปฉันนั้น
เรื่องแนะนำ :
-4 เกมกระดาน การละเล่นโบราณของญี่ปุ่น
-Hobonichi Techo 2020 วางจำหน่ายแล้ว และเปิดตัวสมุดบันทึกแบบใหม่ Day-Free เมื่อ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
– เกมจับคู่และศิลปะบนเปลือกหอย ไคอะวาเซะ (Kai-awase)
– ไพ่คารุตะ การละเล่น กีฬา และศิลปะ
– ยอดดาวน์โหลดแรงแซงโค้ง Mario Kart Tour ทะยานขึ้นอันดับ 1 ทั้งระบบ iOS และ Android
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
-https://samuraimeetups.or.jp/food/the-history-and-guide-to-yatsuhashi-a-delightful-kyoto-sweet-treat
-https://simple.wikipedia.org/wiki/Yatsuhashi
-https://en.wikipedia.org/wiki/Yatsuhashi_Kengyo
-https://omiyadata.com/jp/area/kyoto/