ซาโต้ หนุ่มญี่ปุ่น ตาตี่ ผิวสีแทน ไปเวียดนามโดนทักเป็นคนเวียดนาม ไปเขมรโดนคนเขมรถามทาง โดยรวมๆคือ หน้าตาออกเอเชียอาคเนย์ เราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน หลังจากเรียนจบ ซาโต้ก็ไปทำงานธนาคารแห่งหนึ่งในโตเกียว แล้วเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก
ซาโต้ เป็นหนุ่มญี่ปุ่น ตาตี่ ผิวสีแทน ไปเวียดนามโดนทักเป็นคนเวียดนาม ไปเขมรโดนคนเขมรถามทาง โดยรวมๆคือ หน้าตาออกเอเชียอาคเนย์ เราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน หลังจากเรียนจบ ซาโต้ก็ไปทำงานธนาคารแห่งหนึ่งในโตเกียว แล้วเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก


การเดินตลาดจตุจักรของเรา เปลี่ยนจากการพาชมตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กลายเป็นการเดินตลาดหาซื้อเสื้อผ้าและของใช้สำหรับซาโต้เผื่ออีก 5 วันข้างหน้า มันบอกว่า ถ้าโดนล้วงกระเป๋าที่สวนจตุจักรอีก ทริปนี้มันคงไม่เหลืออะไรติดตัวแล้ว เราได้เสื้อมา 2 ตัว ตัวละ 170 บาท ด้วยความเป็นเจ้าบ้านที่ดี เราก็บอกจะต่อราคาให้ มันทำหน้าตกใจ ถูกอย่างนี้ หล่อนยังจะต่ออีกเหรอ (170 บ. ในญี่ปุ่น คงซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ซักชามค่ะ)

ก่อนจะออกจากจตุจักร อิฮั้นก็ถามว่า อยากได้อะไรอีกมั้ย ในใจคือ ชั้นหิวแล้ว เหนื่อยแล้ว ไปหาอะไรกินเหอะ มันบอกว่า อยากซื้อคนอร์ซุปไก่ อิฮั้นก็งง ถามว่าจะเอาไปทำอะไร มันบอกว่า เจ้านายมันฝากซื้อ เห็นว่าคนอร์ของเมืองไทยอร่อยกว่า รสชาติเข้มข้นกว่าญี่ปุ่น ตลาดจตุจักรขึ้นชื่อว่ามีทุกสิ่งที่คุณสร้างสรรค์ (จะคิดหาซื้อ) แต่อิฮั้นก็จนปัญญา ไม่รู้ว่าจะพามันไปหาหมวดไหน เลยบอกให้ตัดใจซะ เดี๋ยวค่อยไปหาซื้อตามซูเปอร์เอา ที่ไหนๆ ก็มี ตอนเย็น ไปกินข้าวเสร็จก็ขับรถแวะไปห้าง พามันไปซื้อกางเกงใน ต้องมากับผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนเรา และมานั่งถามคนขายเกี่ยวกับรูปแบบและไซส์กางเกงในชาย ทุเรศจริงๆ

อีก 2 วันถัดมา มันบอกจะมาแถวออฟฟิศอิฮั้น เราก็เลยนัดเจอกันที่จุฬาฯ เพราะมันอยากมาดูมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของไทย เราก็อธิบายว่า ให้ลงรถไฟใต้ดินสถานีสามย่าน เดินข้ามมานิดเดียวถึงมหาลัย บ่าย 2 โมงมันโทรมา บอกอยู่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ แล้ว เราเลยแอบหลบเจ้านายเดินไปหามัน มองแล้วมองอีกก็ไม่เห็นวี่แวว พอโทรไป มันบอกว่า “เอ่อ…เราก็อยู่ตรงหน้าศูนย์หนังสือแล้ว อยู่ตรงคณะอะไรหว่า…อ่านไม่ออก เอ……คณะ British Council!” ปรากฎมันเดินจากสถานีสามย่านเลยไปจนถึงสยาม จำเป็นข้อเตือนใจตัวเอง ต่อไปนี้ จะระบุสาขาและสถานที่นัดหมายให้ชัดเจนยิ่งๆ กว่านี้ ถ้าเป็นไปได้ เดี๊ยนจะทำแผนที่ เอา Google Street View มาแปะให้อีกทีเพื่อความชัวร์
อิฮั้นเลยโวยซาโต้ว่า ก็บอกแล้วไง เดินจากสถานีมานิดเดียว มันบอกว่า เดินผ่านจุฬาฯแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นมหาวิทยาลัย ป้ายก็ไม่มี พอดีมันเห็นเด็กใส่ยูนิฟอร์ม เลยนึกว่าเป็นโรงเรียนมัธยม รู้ตัวอีกทีก็เดินไปถึงสยามแล้ว น่าสงสารมาก…. คือที่ญี่ปุ่น เด็กมหาลัยไม่ต้องใส่เครื่องแบบค่ะ ซาโต้เห็นนิสิตจุฬาฯใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวๆ คล้ายๆ เครื่องแบบนักเรียนญี่ปุ่นตอนหน้าร้อน ก็เลยเข้าใจผิด เดินไปหามหาวิทยาลัยถึงสยามนู่น

หลังจากให้ซาโต้เดินกลับมาหาเราที่จุฬาฯ (เลวจริงๆ) เราก็เดินไปหาซื้ออะไรนั่งกินกัน ตอนนั้นก็เกือบจะ 3 โมงแล้ว โรงอาหารปิด เราเลยไปสหกรณ์ ในนั้น ก็มีขนม ของขบเคี้ยว ผลไม้เยอะแยะ แต่สรุป… มันเลือกซื้อทาโกยากิ นัยว่าอยากลองกินทาโกยากิไทย ไส้มี 3 ไส้ คือ ปลาหมึก กุ้ง แล้วก็ปูอัด ปกติ ที่ญี่ปุ่นจะมีแต่ไส้ปลาหมึกอย่างเดียว ซาโต้เลยอยากลองกินไส้ปูอัดดู ได้มาเสร็จ เราก็ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน รสชาติคล้ายๆ ของญี่ปุ่นดีเหมือนกันค่ะ

ด้วยความที่เป็นหนุ่มแบงค์ ซาโต้บอกว่า เมื่อตอนเช้า มันเดินไปสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพมา ไอ้เราก็ถาม ทำไมต้องธนาคารกรุงเทพ รู้จักมาก่อนเหรอ คุยไปคุยมา มันเข้าใจผิดว่า ธนาคารกรุงเทพคือธนาคารแห่งประเทศไทย อิฮั้นก็นั่งหัวเราะสมน้ำหน้ามัน ซาโต้บอก…ไม่เป็นไร มันก็ได้เห็นสิ่งอะเมซซิ่งคุ้มค่าแก่การไปเยือนแล้ว

มันเล่าต่อว่า สิ่งที่ตกใจคือ แม้ธนาคารนี้จะเป็นสาขาใหญ่ แต่ยามหน้าประตูดูชิวมาก ขนาดมันสะพายเป้ใบใหญ่ๆ เดินดุ่มๆ เข้าไปถ่ายรูปแชะๆๆ ยามยังไม่ว่ามันซักคำ สิ่งต่อมาที่ซาโต้ช็อค คือ ชั้นล่างและรอบๆธนาคารเป็นร้านค้า ร้านกับข้าวต่างๆ คนเดินไปมาขวักไขว่มาก มันถาม นี่ขนาดสำนักงานใหญ่นะ สำคัญมากนะ ทำไมปล่อยให้วุ่นวายขนาดนี้ ประเทศยูไม่มีมาตรการรักษาหรือระวังความปลอดภัยเลยเหรอ เออ…จริงของมัน
พอซาโต้เห็นอิฮั้นทำท่าหงอยๆ ไม่ต่อปากต่อคำ มันก็ได้ใจ และเล่าต่อว่า …
“เมื่อวาน ตอนเราไปนวดไทย สาวที่นวดให้เราก็นวดไหล่ไป ดูละครทีวีไป ขำไป เราก็ง่วงๆ จะหลับเลยบอกว่า ไปพักดูทีวีก่อนก็ได้ หล่อนบอก อาริกาโต้ แล้วเดินหายไปซักพัก เธอชวนเพื่อนอีก 2 คนมานั่งดูทีวีด้วยกัน สรุปห้องที่ใช้นวดตูกลับกลายเป็นห้องพักหมอนวดไปในบัดดล”
น้ำเสียงมันเริ่มคับแค้นใจมากขึ้น มันบอก …
“เท่านั้นไม่พอ เรานอนอยู่บนฟูก ขาคงยื่นไปหน่อย เพื่อนหล่อนเดินมาเตะโดนขาเราแล้วก็บอกให้เราเขยิบขาเข้าไป”

ไม่รู้ว่ามันโม้หรือเปล่า แต่มันยังบอกอีกว่า 3 สาวนั่นดึงๆ ผ้าห่มของมันไปห่มตัวเองเฉยเลย มันบอกว่า มันก็อยู่ในห้องนั้นแบบมึนๆ ว่าตกลงมันมานี่เพื่ออะไร ในฐานะใคร ลูกค้าหรือลูกจ้าง มันแอบบ่นน้อยใจ แต่พอละครจบ 3 สาวก็เข้ามารุมนวดให้มัน คนนึงไหล่ คนนึงขา คนนึงตัว มันถึงค่อยครึ้มอกครึ้มใจมาวันนี้ได้ ซาโต้บอกว่า เป็นประสบการณ์ที่หามิได้ในญี่ปุ่นจริงๆ
ก่อนดิฉันจะกลับไปทำงานต่อ ก็แนะให้มันเดินไปแถวคณะอักษรศาสตร์ดู อาคารหลังคาไทยๆ สวยดี มันก็เห็นดีเห็นงาม แต่ขอแวะซื้อของที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ก่อน มันบอก อยากซื้อสมุดโน้ต ซื้อป้ายมหาลัยไปฝากเพื่อนที่ออฟฟิศ สีชมพูๆ สาวๆ คงชอบ ดูมัน ดูมัน

วันนี้ขอหยิบคนญี่ปุ่นมานินทาแบบเจาะบุคคล ใส่รายละเอียดมากๆ นะคะ ขณะที่เขียนสคริปต์นี้ มันก็ยังป้วนเปี้ยนอยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละค่ะ มันเปรยๆ ว่า อยากมาทำงานที่เมืองไทย ถ้ามาจริง จะมีตอน Gossip ต่อไปแน่นอนค่ะ!
ภาพประกอบโดย : Choco
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Japan Gossip by เกตุวดี Marumura