หลายคนชอบมากเวลาทานปลาดิบหรือซูชิแล้วได้ลิ้มลองรสชาติของ Wasabi ด้วย ฉุนขึ้นจมูกลามไปถึงสมองหน้าแดงน้ำตาเล็ดกันที่เดียวเชียว แต่ก็ชอบกันจังนะ ก็เพราะมันอร่อยนี่นาใช่มั้ย
มารู้จักวาซาบิแท้ๆ (わさび) กันเถอะ !!
หลายคนชอบมากเวลาทานปลาดิบหรือซูชิแล้วได้ลิ้มลองรสชาติของวาซาบิด้วย ฉุนขึ้นจมูกลามไปถึงสมองหน้าแดงน้ำตาเล็ดกันที่เดียวเชียว แต่ก็ชอบกันจังนะ ก็เพราะมันอร่อยนี่นาใช่มั้ย ^^ เจ้าต้นพืชชนิดนี้อยู่คู่กับญี่ปุ่นมานานมากเชียวนะ นอกจากจะมีรสชาติที่ซาบซ่าแล้ว ยังให้ประโยชน์รอบตัวอีกด้วย มาอ่านประวัติวาซาบิคร่าวกันก่อนดีกว่า
![Wasabi](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Japanist%20Talkative/Wasabi/Wasabi1.jpg)
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Japanist%20Talkative/Wasabi/Wasabi2.jpg)
ต้นพืชวาซาบิอยู่คู่กับญี่ปุ่นมานานมากเลยนะ เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยนะระพันกว่าปีที่แล้วโน่นแน่ะ ในสมัยนั่นผู้คนใช้เจ้าวาซาบินำมาใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคกันมากกว่า นำมาดองเป็นอาหารบ้างก็มี
โดยแท้จริงแล้วตามบันทึกในสมัยก่อน ชื่อ วะซะ คือชื่อของสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีการเปรียบเทียบการใช้คำประมาณนี้ว่า คำว่า WA (和) แปลว่า สมาน คำว่า SA (佐) แปลว่า สงเคราะห์หรือช่วยเหลือ ความหมายรวมๆ ก็คงจะหมายถึง 和佐 (wasa) การรักษานั่นเอง ไม่ได้ใช้ชื่อ วาซาบิ มาตั้งแต่แรกหรอกนะ
ในยุคต่อมายุคเฮอัน มีการทำศึกสงครามกัน คนที่รอดก็หนีกันไปยังบนภูเขากัน ส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นซามูไรและคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในเกียวโตแล้วต้องมา อยู่กลางป่ากลางธรรมชาติบนภูเขา พวกเขาต้องใช้ต้นและใบของวาซาบิมาดองรวมกับพืชป่าอื่นๆ ที่สามารถทานได้ ส่วนรากของวาซาบิก็นำมาทานเคียงกับปลาและเนื้อกวางสด
เวลาล่วงเลยไปในสมัยเอโดะ วาซาบิ เป็นที่โปรดปรานของท่านโชกุน โทะกุงะวะ อิเอะยะสุ มากทีเดียวเลยสั่งให้พื้นที่ในแถบชิซุโอกะทำการเพาะปลูกและยังให้เป็นสิ่ง ที่มีค่าเป็นพิเศษอีกด้วย และในสมัยเมจิต้นๆ ก็เริ่มมีการผลิต ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับวาซาบิออกมาและทำกำไรได้ดีอีกด้วย
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Japanist%20Talkative/Wasabi/Wasabi3.jpg)
เรื่องการเพาะปลูก ทำไมต้องปลูกที่ชิซุโอกะก็เพราะว่า เป็นเขตที่มีภูเขา ลำธาร อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก และ ต้นพืชวาซาบิชอบอยู่ในที่แบบนี้ ต้องปลูกในที่อากาศเย็น ไม่เกิน 15 องศากำลังดี ชอบความชื้นสูง ให้รากโดนน้ำที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุไหลผ่านตลอดเวลา ไม่ชอบแสงแดดเอาอย่างมาก สมัยนั้นต้องปลูกแบบธรรมชาติจึงปลูกยากมากทีเดียว
ในสมัยนี้ก็มีการพัฒนาสามารถปลูกแบบเรือนกระจกก็ได้หรือแบบไฮโดรโปนิคก็ได้ แต่ก็นะค่าใช้จ่ายก็เยอะตามไปด้วย ใช้เวลาปลูกค่อนข้างนานทีเดียว น้อยสุดก็ปีครึ่ง มากสุดก็สามปี เพราะรากเหง้าเติบโตช้าและมีความเปราะบางสูงมาก ส่วนวาซาบิที่ขึ้นตามป่าก็มี ในดินที่ชื้นอย่างมากส่วนใหญ่จะพบอยู่บนภูเขา มีฟาร์มที่ปลูก ในแถบชิซุโอกะ แถบนางาโนะ แถบโอคุยามะ (โตเกียว) แถบชิมาเนะ แถบอิวาเตะ ต่างประเทศก็มี ไต้หวัน จีน นิวซีแลนด์ ประมาณนี้
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Japanist%20Talkative/Wasabi/Wasabi4.jpg)
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Japanist%20Talkative/Wasabi/Wasabi5.jpg)
ประโยชน์ของวาซาบินั้นมีรอบด้านเลย ที่ต้องทานร่วมกับปลาดิบหรืออาหารสด นั่นก็เพราะว่าสามารถฆ่าเชื้อโรคและพยาธิที่อยู่ในอาหารสดได้ดี สร้างภูมิคุ้มกันบางชนิดได้ในภาวะของการเป็นภูมิแพ้บางชนิด ต่อต้านโรคมะเร็งในการรับประมานอาหารสดได้ด้วย มีพวกสารอาหาร วิตามินซี วิตามินบี 6 แคลเซียม แมงกานิส บีต้า-แคโรทีนสารเริ่มต้นของวิตามินเอ กลูโคซิโนเลต ต้านมะเร็งได้ ทำลายเชื้อแบคทีเรียสแตฟฟิโลคอกได้คือโรคติดเชื้อที่เกิดบนผิวหนังนั่นเอง ช่วยล้างพิษในตับและทางเดินอาหารอีกด้วยเยอะแยะมากมายทีเดียว
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Japanist%20Talkative/Wasabi/Wasabi6.jpg)
แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว วาซาบิที่เราทานอยู่นั้น หากจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงก็ควรจะเป็นวาซาบิที่มาจากต้นวาซาบิแท้ๆ ไม่ใช่มาจาก วาซาบิเทียม ที่แพร่หลายในต่างประเทศอย่างมาก วาซาบิแท้นั้นจะนำเหง้ารากมาขูดกับเครื่องมือที่เรียกว่า วาซาบิโอโระชิ ในขณะที่ขูดออกมานั้นเนื้อวาซาบิเกิดการผสมผสานกับอากาศภายนอกจึงทำให้เกิด รสชาติเผ็ดร้อนกลมกล่อมและอมหวานขึ้นมา ที่สำคัญไม่ฉุนมากเกินไป
ส่วนวาซาบิเทียมนั้น เกิดจากการผสมของผงมัสตาร์ด แป้ง สีผสมอาหาร และ ต้นฮอสแรดิช พืชที่ให้สรรพคุณเผ็ดฉุนมากกว่าวาซาบิ ปัจจุบันมีการขายแพคเกจวาซาบิแท้ในรูปแบบต่างๆ มีการขายออนไลน์ ราคาก็พอตัวเลยล่ะ ก็อย่างว่าล่ะเพาะปลูกยากขนาดนั้น
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Japanist%20Talkative/Wasabi/Wasabi7.jpg)
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวาซาบิ ก็มีหลากหลายมากทีเดียว ทั้งนำมาปรุงอาหาร เช่น น้ำซุปราเมน เส้นราเมน เส้นอุด้ง ขนมญี่ปุ่นรสวาซาบิ ซอฟครีมวาซาบิ ไวน์วาซาบิ ชาวาซาบิ น้ำซุปวาซาบิ (ใช้ส่วนต้นและใบมาต้ม เผ็ดร้อนนิดหน่อย) แยมวาซาบิ ช็อคโกแลตวาซาบิ ถั่วคลุกผงวาซาบิ สแน๊ควาซาบิต่างๆ ลามไปถึงอาหารแถบยุโรปที่นำวาซาบิไปปรุงได้อีก
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Japanist%20Talkative/Wasabi/Wasabi8.jpg)
มาพูดถึงการทานวาซาบิ ร่วมกับซูชิ ให้ถูกธรรมเนียมแบบญี่ปุ่นกันดีกว่า เวลาเสิร์ฟซูชิทางร้านอาหารจะมีซอสโชยุ (ซอสถั่วเหลือง) วาซาบิ (บางร้านไม่ให้เพราะเค้าใส่ไว้ในตรงกลางซูชิเรียบร้อยแล้วจ้า) ขิงดองหั่นสไลด์
อย่างแรกเลยต้องทานขิงดองเผื่อล้างปากจากรสชาติอาหารที่ทานมาก่อนเลย เวลาทานซูชิจะได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงได้ อย่าเผลอวางขิงไว้บนซูชิแล้วค่อยทานล่ะ เพราะรสชาติอาจจะเพี้ยนไปก็ได้
ต่อมาเวลาทานจะใช้ตะเกียบก็ได้แต่แนะนำว่าใช้มือจะสะดวกกว่าในการหยิบซูชิ เวลาทานซูชิให้แตะ วาซาบิ ลงบนหน้าซูชิก่อน หากไม่ได้รับจากร้าน ก็ให้หันด้านที่ไม่ใช้ข้าวจิ้มซอสโชยุลงไป เพื่อที่ข้าวจะได้ไม่ลงไปผสมกับซอสยังไงล่ะ อย่านำวาซาบิลงไปผสมกับโซยุเด็ดขาดเพราะไม่ใช่น้ำซุปนะจ๊ะ และชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมทำเพราะเห็นว่าทานแบบนั้นง่ายกว่า มีภาพมาให้ดูด้วย
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Japanist%20Talkative/Wasabi/Wasabi9.jpg)
ไม่น่าเชื่อต้นพืชต้นเล็กๆ จะมีที่มายาวนานและสรรพคุณเลิศขนาดนี้ เป็นยังไงกันบ้างเวลาทานปลาดิบก็อย่าลืมทานวาซาบิไปด้วยล่ะ ความเผ็ดร้อนที่แท้จริง มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การรับประทานอาหารที่ถูกวิธีจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขกับการ รับประทานอาหารที่ชอบไปอีกนานด้วยนะจ๊ะ
บทความโดย : The 19th Ronin www.marumura.com
เรื่องแนะนำ :
– ทำไม “วาซาบิ” จึงปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจได้ยาก
– ปลาดิบทำไมต้องกินกับวาซาบิ (Wasabi)
– สิ่งที่คนญี่ปุ่นสงสัยเกี่ยวกับร้านอาหารในไทย
– ทำไมซูชิถึงนิยมเสิร์ฟจานละ 2 คำนะ
– “Nadeshiko Sushi” ร้านซูชิหญิงร้านแรกของญี่ปุ่น