ทริปนี้..เที่ยวเอาจริงเอาจังมาก จากเกาะทางใต้ ภูมิภาคคิวชู จังหวัดโอกินาว่า นั่งเครื่องต่อไปยังภูมิภาคคันไซ จังหวัดนารา (Nara)…เอาเซ่!! ไกลแค่ไหนทริปเดียวก็เที่ยวได้ 😉
พวกเราอยู่ที่จังหวัดโอกินาว่า เที่ยวทั้งที่เกาะอิชิงากิ แล้วก็เกาะอิริโอโมเตะ กันมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว และแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราจะกลับไปสู่อารยธรรมญี่ปุ่นในอีกภูมิภาคหนึ่ง จากจังหวัดโอกินาว่า มุ่งหน้าเกาะสู่เกาะใหญ่ ฮอนชู ณ ภูมิภาคคันไซ … จังหวัดนารา (Nara)

นารา (Nara Prefecture) นั้นเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 710 – 784 ซึ่งร่องรอารยธรรม ความเจริญรุ่งเรืองเหล่านั้น ก็ยังคงมีเหลือตกทอดมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ทำให้ปัจจุบันมีหลายๆ สถานที่ของจังหวัดนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (World Heritage Site) ด้วย โดยรับการขึ้นทะเบียนในชื่อ “Historic Monuments of Ancient Nara” เห็นมั้ยว่าน่าสนใจ… งั้นมาดูกันว่าเราจะแวะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง
ก่อนอื่น.. เราก็ต้องออกเดินทางจากเกาะอิชิงากิกันก่อน น่าเสียดายที่เที่ยวบินช่วงเช้าที่บินตรงสู่สนามบินคันไซนั้นไม่ค่อยอำนวย เราจึงต้องไปต่อเครื่องกันที่สนามบินนาฮา บนเกาะใหญ่ของจังหวัดโอกินาว่ากันก่อน แต่ก็ไม่ลำบากอะไร นั่งเครื่องไม่ถึงชั่วโมง แถมเที่ยวบินแถวโอกินาว่าเนี่ย วิวสวยออก… ^^



หลังจากชื่นชมอาคารผู้โดยสารภายในประเทศของสนามบินนาฮากันเล็กน้อย ก็ได้เวลาขึ้นเครื่องต่อไปยังสนามบินคันไซ เวลาพอดีๆ เชียว พอให้เม้าท์มอยยืดแข้งยืดขากันได้
รู้มั้ยอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศของสนามบินนาฮานะ เล็กกระจิดเดียว เป็นอาคารชั้นเดียว เล็กมากๆ แต่เค้าก็กำลงสร้างอาคารอินเตอร์หลังใหม่ใหญ่โตอลังการพอๆ กับอาคารโดเมสติกเลย เห็นว่าจะเปิดปีหน้า ปี 2014 เนี่ยแหล่ะ ใครมาลงสนามบินนี้ ก็คงจะสะดวกสบายกันยิ่งขึ้นไปอีกเนอะ





เวลาประมาณ 13.15 น. เราก็มาถึงสนามบินคันไซ จากนั้นก็นั่งรถบัสมุ่งหน้าสู่จังหวัดนารากันเลย วันนี้เขาพาเราไปสัมผัสประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับพิธีชงชาของชาวญี่ปุ่นกันล่ะ

วัดจิโคอิน เป็นวัดเล็กๆ แสนสงบ สวนก็สวย วิวก็งาม แล้วยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับพิธีชงชาให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราด้วย ค่าเข้าชมภายในบริเวณวัดแค่เพียง 1,000 เยน ซึ่งก็รวมค่ากิจกรรมพิธีชงชาด้วย ใครใคร่เดินชมภายในบริเวณวัดก็ได้ ทั้งภายในอาคาร และด้านนอก ราคานี้ ก็จัดว่าคุ้มอยู่นะ
ชอบบรรยากาศแสนสงบที่นี่จัง อุณหภูมิก็กำลังพอดี อากาศเย็นสบาย กับสายลมเบาๆ …..เพ้อซะละ





พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันเป็นนานสองนาน ก็บรรยากาศที่นี่ดีจริงๆ นี่นา
ก่อนที่เราจะเข้าที่พัก ก็อยากจะแวะช้อปปิ้งซื้อขนม ของกิน ของฝากก่อน ตามประสานักท่องเที่ยว ชอบสำรวจห้าง เราจึงแวะกันที่ Aeon Mall Yamatokooriyama
สารภาพด้วยความสัตย์… ไม่รู้มาก่อนว่านาราก็มีห้าง Aeon
แล้วก็มีสินค้ามากมาย เท่าเทียมกับสาขาอื่นๆ แต่ที่ดูจะเด่นเป็นพิเศษเห็นจะเป็นร้านอาหารจำนวนมาก ที่เรียงรายกันอยู่ เดินเท่าไร ก็ไม่หมดสักที ดูไปก็น้ำลายสอไป ก็พวกเราเริ่มจะหิวกันแล้วนั่นแหล่ะ
เดินช้อปปิ้ง ได้ของติดไม้ติดมือกันมานิดหน่อย … มุ่งหน้าไปที่โรงแรมกันต่อเลย!!

คืนนี้เราพักกันที่โรงแรม Nara Plaza Hotel (Nara Health Land)
แว๊บแรกที่เห็น… แม่เจ้า! นารามีโรงแรมแบบนี้ด้วย เป็นสถานที่ที่ใหญ่มาก แบ่งเป็นโซนโรงแรม แล้วก็โซน Health Land ซึ่งภายใน Health Land นะ ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อนอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นมุมตู้เกม เก้าอี้นวด ห้องเงียบ ซึ่งเป็นห้องนอนแบบรวม ใหญ่มาก มีเก้าอี้นอนให้ทุกคนนอนพักผ่อน นอกจากนี้ก็ยังมีห้องนวด (มีนวดหลากหลายประเภท รู้สึกจะมีนวดแบบไทยด้วยนะ) มีร้านอาหาร และอีกหลายสิ่ง แต่ที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือ ห้องอาบน้ำแร่
ตกกลางคืน ไปทดลองนอนแช่น้ำแร่ ที่ Health Land แอบหลงทางอยู่ในห้องล็อคเกอร์ (ตู้เยอะมาก เป็นร้อยๆ ตู้ แถมห้องล็อคเกอร์ก็มีตั้ง 2 ชั้นแน่ะ) แช่บ่อนู่น ลงบ่อนี้ เพลินมาก เพราะไม่มีผู้คนเนื่องจากดึกมากแล้ว ห้องอาบน้ำแร่แห่งนี้จึงเป็นของเราคนเดียว สบายสุดๆ
ค่ำนี้เราได้กินเนื้อย่างแสนอร่อยกันอีกแล้ว เป็นเซ็ตเนื้อย่าง (Yakiniku) ของร้านเอ็นยะ ซึ่งอยู่ภายใน Health Land เนี่ยแหล่ะ มีที่นอนกว้างๆ มีสถานพักผ่อนใหญ่ยักษ์ แล้วยังมีอาหารอร่อยๆ ให้กินอีก ไม่ต้องออกไปไหนไกลเลย สบายสุดๆ

วันรุ่งขึ้นได้เวลาทัวร์นารากันแล้ว ตื่นกันเช้าหน่อย เพราะเรามีนัดกับเหล่ากว้างที่สวนนารา (Nara Koen) ไปชมโชว์เรียกฝูงกวาง (ชิกะโยเสะ) กันเจ้าค่ะ เลิศเลอเพอเฟ็คสุดๆ ขอบอก แนะนำๆๆๆๆๆ ได้ดูฝูงกวางมารวมตัวกัน แล้วก็เอาของกินให้กับมืออย่างสุภาพกว่าที่หน้าวัดโตไดจิอักโข


คือ…ส่วนตัวแล้ว เราไม่ค่อยถูกกับสัตว์อัธยาศัยดี กวางที่หน้าวัดโตไดจิสักเท่าไร พอบอกว่าจะพาไปดูโชว์เรียกฝูงกวาง จินตนาการแย่ๆ ก็โผล่มาเลย แต่ขอบอกว่าผิดคาดสุดๆ เป็นการเรียกกว้างปริมาณมากที่มาร่วมตัวกันได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ยิ่งตอน วิ่งหน้าตั้งเข้าแถวตอนเรียงกันมา ภายใต้การดูแลของจ่าฝูงนะ ยิ่งเท่ห์ ราวกับฝูงกวางเรนเดียร์ วิ่งลากรถซานต้ามาเลย …จินฯ ไปได้ขนาดนั้น

กิจกรรมวันนี้เราแน่นเอี๊ยด เพราะพวกเราอยากรู้อยากเห็น อยากไปจุดที่ไม่เคยไปหลายๆ จุด ดังนั้นต้องวิ่งทำเวลากันหน่อย (เดี๋ยวจะว่า.. วันเดียวทำไมไปหลายที่จริง)

เดินจากจุดชมโชว์เรียกฝูงกวางมาไม่ไกล (มาก) ก็เป็นศาลเจ้า Kasuga Taisha (Kasuga Grand Shrine) มีวิหาร ศาลเจ้าเล็กน้อย อยู่ด้านในหลายจุด แต่เราไปกันที่ศาลเจ้าแห่งความรัก ซึ่งอยู่ภายใน Kasuga Taisha กันมา เสี่ยงดวงความรักกันหวี๊ดวิ้ว สนุกสนาน

เสี่ยงทายความรัก โดยเช่ากระดาษแผ่นนี้มา แล้วก็ขอพร ลอยในน้ำด้านหน้าศาลเจ้า แล้วก็หาคนอ่านภาษาญี่ปุ่นได้ แปลซะ!


ขึ้นรถ.. ไปต่อกันที่วัดโตไดจิ ไม่ได้มานานแล้ว เคยมาครั้งเดียวเอง ครั้งนั้นยังเดินไม่ทั่วเลย ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ฮะ ฮะ ก็อาศัยเดินวนหนึ่งรอบ เก็บภาพๆๆๆๆ แล้วค่อยมาระลึกเอาว่าอะไรเป็นอะไร แต่ที่ฮาคือ… คราวก่อนมาเจอเด็กนักเรียนต่อแถวลอดเสาไม้ เพื่อความเป็นสิริมงคล คราวนี้ก็เจออีก (แต่แถวยาวกว่าเดิมหลายเท่าตัว คาดว่าน่าจะเป็นช่วงทัศนศึกษาของเด็กญี่ปุ่น) แล้วก็ยังเจอเด็กผู้หญิงตัวกลมๆ ค้างเติ่งอยู่ที่รูลอดที่เสาของวิหารเหมือนครั้งที่แล้วอีก หวังว่าจะไม่ใช่เด็กคนเดิม ฮะ ฮะ

อีกหนึ่งที่หมายที่อยากไปลองดูคือนารามาจิ เป็นย่านเดินเล่นเก๋ๆ อีกย่านหนึ่งของนารา มีจุดน่าสนใจหลายแห่ง แถมยังร้านจุดทดลองใส่กิโมโนเดินเล่น หัดชงชา โอ้ย! อีกหลายสิ่ง (ขอบอกว่าที่นี่… กำลังมา หมายถึงกำลังอินเทรนด์น่ะ นั่นคือเหตุผลว่าขอมาดูซะหน่อย) น่าเสียดาย เราไปเช้าไปนิด เลยได้แต่เดินดูอาคารบ้านเรือน ผู้คนยังไม่ค่อยมาก ไม่เหมือนที่วัดโตไดจิเมื่อกี้


เหตุที่ต้องวิ่งๆๆๆๆ ให้ทันเวลา เพราะเรามีนัดกินข้าวกลางวันที่ร้านอุเมะโมริ ซึ่งเราจะต้องทำเอง กินเองซะด้วย เมนูก็คือ… ซูชิ เป็นกิจกรรมฮาเฮดีนะ ชอบๆ แม้จะฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไรก็เหอะ (ดีน่ามีล่ามมาด้วย รอดตัว) แต่บรรยากาศมันพาไป ครึกครื้นมากๆ โดยเฉพาะโต๊ะนักท่องเที่ยวชาวจีน บอกให้เฮก็เฮ บอกให้ร้องก็ร้อง ที่ร้านเค้าบิ้วให้พวกเราสนุกกันไปได้ แม้จะสื่อสารกันคนละภาษาก็ตาม

กิจกรรมต่อไปเป็นการเข้าคอร์สเรียนการทำพู่กันญี่ปุ่นสไตล์นาราที่เป็นที่นิยม (นาราฟุเดะ) ที่ Akashiya Showroom งานนี้ได้ท่านปรมาจารย์สอนเองเลย ท่านมีนามว่า Matsutani Fumio มีประกาศนียบัตรรับรองวิชาชีพ Master of Traditional Crafts มาครอบครองซะด้วย (ไม่ใช่จะได้กันง่ายๆ นะ ขอบอก!) ท่านดูน่าเกรงขาม เป็นท่านอาจารย์ที่ค่อนข้างดุทีเดียว วอกแวกเมื่อไหร่นะโดน! (ถ้าเป็นเมืองไทย อาจเจอแปรงลบกระดานบิน) แต่ถ้าซักถามเยอะๆ นะ ท่านปล่อยของ เล่าทุกสิ่งละเอียดยิบ แล้วดูท่านสนุกกับการสอนมากๆ เลยด้วย เป็นท่านอาจารย์ที่ดีเลยทีเดียว แล้วร้านนี้นะไม่ได้มีแต่พู่กันเท่านั้น ซึ่งก็ดี เพราะคนไทยอาจจะไม่ค่อยได้ใช้พู่กันกันมากเท่าไร แต่ที่นิยมอีกอย่างหนึ่งคือแปรงปัดแก้ม อุปกรณ์แต่งหน้าของพวกสาวๆ นั่นเอง ดัดแปลงจากสินค้าที่เป็นพู่กันมา จนได้ดิบได้ดีเลยนะ




ไปต่อกันที่จังหวัดสุดท้ายของทริปนี้… โอซาก้า
ไม่ต้องรอช้าไปช้อปปิ้งกันที่ Q’s Abeno ได้ตุ๊กตาเป็นที่ระลึกด้วยตัวนึง น่ารักนะ… แล้วก็กินมื้อค่ำที่ร้านอิจิบัง ชิน เป็นเมนูคุชิคัทสึ (สารพัดชุบแป้งทอด) อาหารอีกประเภทที่กินง่าย เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี
ก่อนจะเข้าที่พักย่านชินไซบาฉิ โรงแรมใหญ่โต เดินช้อปสะดวกสบาย Nikko Osaka Hotel นั่นเอง (อยู่ฝั่งเดียวกับ America mura)

วันนี้ใช้เท้าสปีดเยอะไปหน่อย ด้วยความละโมบอยากไปหลายที่ ทั้งๆ ที่ได้รับคำเตือนแล้วว่าจะมีเวลาแต่ละที่น้อย แต่พวกเราเต็มใจ อย่างไรก็ตามเท้ามันบอกว่าไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงเลื่อนการเดินเล่นชินไซบาฉิออกไปก่อน คาดว่าพรุ่งนี้คงจะได้เดิน วันนี้ก็อาศัยเดินโฉบไปโฉบมาเล็งๆ ไว้ แต่ยังไม่ซื้อ (ช่างทรมานจิตใจกันจริงๆ)
แล้วมาติดตามกันนะคะ ว่าพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ คร่อก!
สนับสนุนการเดินทางการเดินทางโดย :
Okinawa Convention & Visitors Bureau (www.visitokinawa.jp)
Nara Prefectural Government (www.pref.nara.jp)
Osaka Prefectural Government (www.pref.osaka.jp/)
เรื่องที่เกี่ยวข้อง>>
-รีวิวทริปเดียวเที่ยวทั้งโอซาก้า-นารา-โอกินาว่า : Ishigaki
– รีวิวทริปเดียวเที่ยวทั้งโอซาก้า-นารา-โอกินาว่า : Iriomote
– รีวิวทริปเดียวเที่ยวทั้งโอซาก้า-นารา-โอกินาว่า : Osaka
ขอบคุณข้อมูล :
http://en.wikipedia.org/wiki/Nara,_Nara
http://www.ishigaki-airport.co.jp/
http://www.kasugataisha.or.jp/