เราจะมาพูดถึงศาลเจ้าชินโตเล็กๆ ที่อยู่ถัดจากตลาดปลาทสึคิจิแห่งนี้ไปเพียงไม่กี่ก้าวต่างหาก ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อว่า “นามิโยเกะจินจะ”
ตลาดปลาทสึคิจิ (Tsukiji) เป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะตลาดค้าส่งอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เราไม่ได้จะมาพูดถึงตลาดปลาแห่งนี้กันเป็นพิเศษหรอกนะจ้ะ คราวนี้เราจะมาพูดถึงศาลเจ้าชินโตเล็กๆ ที่อยู่ถัดจากตลาดปลาแห่งนี้ไปเพียงไม่กี่ก้าวต่างหาก ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อว่า “นามิโยเกะจินจะ”


คำว่า “นามิโยเกะ” ถ้าแปลกันอย่างตรงๆ ตัวตามศัพท์แล้วแปลว่า “ป้องกันคลื่น” โดยศาลเจ้านามิโยเกะจินจะ (Namiyoke Shrine) หรือชื่อแบบเต็มๆ ก็คือ Namiyoke Inari Jinja (波除稲荷神社) ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นในปี 1930 แต่ศาลเจ้านามิโยเกะดั้งเดิมนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 17 (ค.ศ. 1659) เลยทีเดียว ซึ่งเล่ากันต่อๆ มาว่า สมัยก่อนนั้นพื้นที่แถบที่เรียกว่า Tsukiji ในปัจจุบันยังเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมถึงอยู่ (ก็ทะเลน่ะแหล่ะ) ต่อมาก็มีความต้องการจะก่อสร้าง (ถมดิน) บริเวณดังกล่าวทำเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ (Tsukiji ในปัจจุบัน) แต่ทะเลในบริเวณอ่าวโตเกียวนั้นคลื่นลมแรงมาก การก่อสร้างจึงลำบากและล่าช้า จึงได้มีการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้น บูชาเทพเจ้า Inari Myojin (ที่หน้าตาเป็นจิ้งจอกน่ะ) เพื่อขอให้คลื่นลมสงบลง จนในที่สุดก็สามารถก่อสร้างพื้นที่แถบนี้ให้กลายเป็น Tsukiji สำเร็จจนได้


หลังจากที่ตลาดปลาทสึคิจิถูกสร้างขึ้นหลังแผ่นดินไหวใหญ่ในเขตคันโตเมื่อปี 1923 (Great Kanto Earthquake) ศาลเจ้าแห่ง Namiyoke แห่งนี้ก็เป็นเสมือนศาลเจ้าที่ปกป้องรักษาตลาดปลาแห่งนี้ รวมถึงคุ้มครองผู้ที่ทำมาค้าขายบริเวณตลาดปลาแห่งนี้อย่างไม่เป็นทางการไปซะอย่างนั้น
และอย่างที่บอกว่าศาลเจ้าแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ภายในศาลเจ้ากลับมีอะไรน่าสนใจ สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คนในย่านตลาดปลาทสึคิจิได้เป็นอย่างดี นอกจากอาคารไม้ที่เป็นวิหารหลักแล้ว รอบๆ บริเวณศาลเจ้าก็มีก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ (ป้ายหินสัญลักษณ์แสดงถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว) ที่คนแถบนี้มาสักการะกันมาก ซึ่งก็ไม่เหมือนใครซะจริงๆ เพราะเป็นหินสัญลักษณ์ตัวแทนของกินหลายชนิด อาทิ หินซูชิ หินกุ้ง หินปลาอังโกะ มีกระทั่งหินไข่?!? เก๋ซะ!


ว่าแต่..ทำไมศาลเจ้านามิโยเกะแห่งนี้จึงสำคัญต่อผู้คนในละแวกนี้ และสำคัญยิ่งสำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ในตลาดปลาทสึคิจึกันล่ะ? ที่น่าแปลก.. ทำไมต้องมีหินสัญลักษณ์ของของกินอยู่ในศาลเจ้าด้วย เอ..?!? เหตุผลก็คือเนื่องจากพวกเขาดำรงชีวิตอยู่ด้วยการคร่าชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะขอบคุณสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่ทำให้พวกเขาสามารถทำงาน และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ได้อย่างไรล่ะ แหม…วิถีญี่ปุ่นแต้ๆ เลยนะเนี่ย (^^)






นอกจากนี้ผู้คนทั่วไปก็ยังมาที่นี่ เพื่อขอพรให้เทพเจ้าช่วยปกป้องพวกเขาให้อยู่เย็นเป็นสุขด้วยนะ เพราะเชื่อกันว่าที่ศาลเจ้า Namiyoke แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องการปกปักษ์รักษา ทำมาค้าขึ้น การก่อสร้างปลอดภัย ฯลฯ แต่หลักๆ ผู้คนมักจะมาขอพรให้เดินทางปลอดภัยและปัดเป่าโชคร้ายกันมากที่สุด (คำขอแบบเบสิคๆ มากๆ เลยนะเนี่ย)

มีมังกรเกาะขอบบ่อด้วย ไฮโซ…




ในเดือนมิถุนายนของทุกปี ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีเทศกาลประจำปีชื่อว่า “Tsukiji Shishi Matsuri”เป็นการนำหัวสิงโตทะเลที่ทำจากไม้ทั้งสองหัว เอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของศาลเจ้า Namiyoke แห่งนี้ ไปแห่รอบตลาดปลา ซึ่งเป็นธรรมเนียมการขอพรให้เทพของศาลเจ้าแห่งนี้ปกป้องจากภัยธรรมชาติ โชคร้าย ขอให้ปลอดภัยจากการก่อสร้างใดๆ รวมถึงขอให้ทำมาค้าขึ้น ธุรกิจเจริญรุ่งเรื่องอีกด้วย
*ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ามังกรเป็นผู้ควบคุมเมฆ เสือควบคุมลม และสิงโตทะเล (Shishi) จะควบคุมคนอื่น (ฮะ ฮะ) ดังนั้นการนำหัวสิงโตคำรามมาแห่รอบตลาดปลาก็จะทำให้พรสัมฤทธิ์ เพราะทุกสิ่งต้องเชื่อฟัง ควบคุมได้ เอาอยู่ๆ ละม้างงงง ^^ ซึ่งแต่ก่อนหัวสิงโตทะเลของศาลเจ้าแห่งนี้ใหญ่กว่าในปัจจุบันมาก แต่เพราะในอดีตมีทั้งแผ่นดินไหวบ้าง ไฟไหม้บ้าง ที่เหลืออยู่ก็เป็นอย่างที่เห็นน่ะแหล่ะ ซึ่งก็ยังคงใหญ่อยู่นา…



ตลาดปลาทสึคิจิเป็นตลาดกลางค้าส่งสัตว์น้ำของกรุงโตเกียวที่มีการขนส่งสัตว์น้ำกว่า 2,880 ตันต่อวัน มีการนำสัตว์น้ำมาจำหน่ายที่ตลาดแห่งนี้ราว 450 ชนิด มูลค่าในการซื้อขายสูงถึงกว่าเกือบวันละสามพันล้านเยน ทำให้ตลาดปลาอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นแห่งนี้ (อันดับสองและสามคือตลาดปลา Ota และตลาดปลา Adachi) กลายเป็นตลาดกลางค้าส่งสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปโดยปริยาย และนอกจากสัตว์น้ำแล้ว ที่นี่ยังจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ด้วย หลักๆ ก็จะเป็นพวกพืชผัก เนื้อสัตว์ รวมไปถึงดอกไม้ด้วยจ้า ก็เข้าใจว่าสถานที่แห่งนี้มันยิ่งใหญ่ในจิตใจของชาว Tsukiji มากๆ การที่ต้องมีศาลเจ้าสักแห่งไว้คอยยึดเหนี่ยวจิตใจ คอยปกป้องรักษาสถานที่อยู่ ที่ทำงาน ที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับพวกเขา ก็เป็นเรื่องสำคัญสินะ (^^)
Namiyoke Inari Jinja
ที่ตั้ง : 6-20-37, Tsukiji, Chuo, Tokyo 104-0045
เดินทาง : ใกล้สถานี Tsukiji (Hibiya Line) และ Tsukijishijo (Oedo line)
เปิด : 09.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
ขอบคุณข้อมูล :
-http://www.namiyoke.or.jp/
-http://www.tsukiji-market.or.jp/
-http://www.youtube.com/watch?v=eh5gYcMNO7w
-http://tokyobling.wordpress.com/2012/04/26/namiyoke-inari-shrine-tsukiji/