ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้...วันนี้เราจะไปพักที่เมืองออนเซน Jozankei แต่หลังจากเรานั่งรถต่อมาประมาณ 50 นาที เราก็ขอหยุดจุดไฮไลท์สำคัญของย่านนี้ Café Gakeno-Ue นี่เป็นคาเฟ่เล็กๆ สไตล์โฮมเมด ที่โลเคชั่นชนะเลิศ…
เรื่องโดย : The 8th Ronin www.marumura.com
วันนี้เราจะไปพักที่เมืองออนเซน Jozankei แต่หลังจากเรานั่งรถต่อมาประมาณ 50 นาที เราก็ขอหยุดจุดไฮไลท์สำคัญของย่านนี้ Café Gakeno-Ue นี่เป็นคาเฟ่เล็กๆ สไตล์โฮมเมด ที่โลเคชั่นชนะเลิศ กาแฟกับขนมเขาก็ทำออกมาอร่อยนะ แต่สิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทุกคนให้ดั้นด้นมายังร้านนี้ (แม้จะไม่ได้พักที่ Jozankei ก็ตาม) ก็คือวิวเลอค่านี่แหล่ะค่ะ ตัวร้านตั้งอยู่ริมหน้าผา ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานไหม ในความคิดของผู้เขียนอ่ะนะ เพราะรากฐานดูไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไร ฮะ ฮะ แต่วิวตรงหน้านี่เอาไปห้าดาวเลยจร้าาาาา
วิวสวยๆ ที่ร้าน Café Gakeno-Ue
อาคารหลังน้อยๆ ตั้งอยู่ริมหน้าผาอย่างอดทน (มั่กๆ)
ผู้คนเนืองแน่น ด้านในเห็นเล็กๆ อย่างนั้น ก็ยังมีคนนั่งจิบกาแฟ ชิมขนม ชมวิวสวยๆ แบบชิลๆ เพราะข้างในมันอุ่น!!
ด้านนอกถึงอากาศจะเย็นยะเยือก… แต่เพื่อให้ได้ชมวิวสวยๆ นักท่องเที่ยวอย่างเราสู้ตาย!!
Café Gakeno-Ue หรือ Café on the cliff (คาเฟ่ริมผา)
ที่ตั้ง : 567-36 Jozankei Onsen, Minami-ku, Sapporo, Hokkaido
เปิดทำการ : เปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 10.30 น. ถึงราวๆ พระอาทิตย์ตกดิน หยุดทุกวันจันทร์ และเดือนธ.ค. – ก.พ. เปิดแค่วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการ
และแล้วก็ได้เวลาไปฟินกับโรงแรมในเมืองออนเซนของเรา Jozankei View Hotel ใหญ่โต อลังการ สิ่งอำนวยความสะดวกเกินกว่าคำว่าครบ สระว่ายน้ำมีเนื้อที่กว่า 4,000 ตารางเมตร มีทั้งกลางแจ้งและในร่ม ก็เรียกได้ว่าสวนน้ำชัดๆ (ใส่ชุดว่ายน้ำนะ) สำหรับออนเซนนั้นก็มีให้เลือกใช้บริการแบบว่าชิลเงียบๆ ที่ชั้นล่าง หรือจะชิลแบบวิวพาโนราม่าที่ชั้นบนของโรงแรมก็จัดกันไป แช่กันได้ 24 ชม. ^^ ที่นี่นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมาก แต่ไม่มีความรู้สึกเลยว่าสิ่งอำนวยความสะดวกไม่พอ หรืออย่างไฮไลท์เด็ดของที่นี่นะ ซึ่งก็คือบุฟเฟ่ต์ ทั้งมื้อเช้าแล้วก็มื้อค่ำ ถ้าไม่ใช่สายกิน รับรองว่าชิมไม่ครบทุกอย่าง อย่างแน่นอน ห้องอาหารหลักๆ มี 2 ห้อง แบบธรรมดากับแบบพรีเมี่ยม (แค่ห้องแบบธรรมดา ก็รองรับแขกได้ราวๆ 1,000 คนเลยทีเดียว) ใครจ่ายมาแบบไหนก็จะได้กินแบบนั้น (แค่แบบธรรมดา ก็กินกันลมจับแล้ว พูดเลย..) วิวทั้งจากห้องนอน ห้องอาหาร รอบโรงแรมในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีทำให้โรงแรมแห่งนี้ ต้องรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเข้าพักคืนละเป็นพันคน ห้องมีเยอะแค่ไหน ก็ยังเต็มเกือบตลอด ที่สำคัญโรงแรมนี้ไม่แพงอย่างที่คิด ลองไปเช็คราคากันดูได้ ถ้าพักอยู่ที่นี่สักสองสามคืนได้ ผู้เขียนยอมอยู่ต่อเลยจริงๆ
นี่ๆ ด้านห้องอาหารของโรงแรม มีแม่น้ำไหลผ่าน ท่ามกลางทิวไม้ที่เปลี่ยนสี (ความเป็นกวี..มาเต็ม)
ใครนั่งห้องอาหาร (ห้องที่เป็นราคาธรรมดานะ ไม่ใช่ห้องที่เป็นราคาพรีเมี่ยม) จะได้วิวเลิศๆ
วิวบนชั้นห้องพัก …ระหว่างรอลิฟต์
บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำหน้าโรงแรม Jozankei View เป็นจุดถ่ายรูปที่เพลิดเพลินมากๆ
แวะมาดูโซนสระว่ายน้ำ …ขอโทษ! ข้างนอกหนาวมาก แต่ข้างในน้ำอุ่นจ้า เล่นกันให้ตัวเปื่อยกันไปข้างนึงเลย มีทั้งน้ำวน เครื่องเล่น สไลเดอร์ ฯลฯ
บ้านนี้..นั่งแพยางชิลกันทั้งครอบครัวไปเลย (คุณป้าชิลมากค่ะ)
ดูวิว!! ใบไม้เปลี่ยนสีจากสวนน้ำในร่ม
แก๊งค์นี้สู้กล้องมากค่ะ ..แต่พอสไลด์ลงไปแล้ว ไม่สามารถตามถ่ายได้ทัน เพราะทางค่อนข้างคดเคี้ยว ฮะ ฮะ
เอ้าท์ดอร์ก็ได้อารมณ์จ้า..นี่ยังอยู่ในโซนของสวนน้ำ ไม่ใช่โซนของออนเซนแต่อย่างใด
สไลเดอร์ลงบ่อน้ำอุ่นๆ กลางดงไม้สวยๆ กันไปเลย
ในส่วนของห้องอาหารนั้น …นี่เป็นเมนูบางส่วนของมื้อค่ำที่ถ่ายมาจากไลน์บุฟเฟ่ต์ของห้องอาหารแบบราคาปกติ ธรรมดาๆ ย้ำ! ว่า…บางส่วน อันน้อยนิดเท่านั้น
ในขณะที่ …เราไม่สามารถแยกได้จริงๆ ว่าเมนูในห้องอาหารในราคาพรีเมี่ยมนั้นต่างกันอย่างไรบ้าง (- -)
ถ้าจะให้เปรียบเมนูต่อเมนู ระหว่างห้องอาหารทั้งสองนั้น เราไม่สามารถแฮะ มันเยอะจริงๆ ขอเวลาอยู่ในห้องอาหารสัก 2 วัน 555 ดูเผินๆ ก็ดูจะเป็นเมนูเดียวกัน หรือคล้ายๆ กันไปหมด ปูก็มี เนื้อวัวก็มา ซูชิ ซาซิมิก็มีคล้ายๆ กันด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ ห้องอาหารพรีเมี่ยมไม่วุ่นวายเท่าห้องอาหารราคาปกติ ซึ่งคนเยอะมาก แม้จะค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อยก็เหอะ (แต่ห้องพรีเมี่ยมก็รับคนได้หลายร้อยเหมือนกันนะ อื้มมมม) รวมไปถึงในห้องอาหารพรีเมี่ยมนั้น การจัดจานแต่ละเมนูดูไฮโซมากค่ะ (แต่ว่า…ห้องอาหารราคาปกติ ก็จัดสวยอยู่นะ เอ๊ะ ยังไง?!?) เอาเป็นว่าถ้าเรามาอีกรอบ..เราก็อาจจะเลือกห้องอาหารแบบธรรมดา เพราะเมนูที่เราชอบๆ ก็มีอยู่ในห้องอาหารนั้นเหมือนกัน แถมวิวยังดีอีกด้วย (อันนี้ต้องเป็นมื้อเช้าละ เพราะมื้อค่ำมองไม่เห็นวิว ฮะ ฮะ …)
นี่คือชุดแรกที่ข้าพเจ้าสามารถจัดมาได้จากห้องอาหารพรีเมี่ยม (และจะทยอยตามๆ กันมาอีกราวๆ 4 ชุด ไม่รวมของหวาน แต่นั่นก็ยังชิมไม่ได้เสี้ยวของเมนูทั้งหมดเลย เหอๆ)
สำหรับห้องพักนั้น ได้มาตรฐาน ไม่ต้องเป็นห่วงเป็นกังวลใดๆ พอลงไปกินอาหารค่ำ กลับขึ้นมาก็จะได้เห็นฟูกนุ่มๆ รอให้เราล้มตัวลงนอนอยู่แล้ว … ความเหน็ดเหนื่อยในการพยายามชิมมื้อค่ำให้มากที่สุดนั้น จะได้รับการบรรเทา หรือจะไปแช่ออนเซ็นสักนิดก็ช่วยได้มาก (ที่นี่มีห้องออนเซ็น 2 จุด) … แต่ว่า มื้อเช้าก็เยอะเว่อร์วัง ถ้าท่านจะชิมอาหารที่ Jozankei View ให้ครบทุกอย่าง อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 – 3 มื้อ หึ หึ
Jozankei View Hotel
ที่ตั้ง : Jozankei Onsen
เว็บไซต์ : http://www.jozankeiview.com
เที่ยวที่เมืองซัปโปโรกันมาสองวันแล้ว สังเกตไหมค่ะว่าทริปนี้เราไม่ค่อยเที่ยวในเมืองกันเลย ทริปนี้เราจะเน้นนอกเมืองมากกว่าในเมืองนิดนึง แต่วันนี้เราก็แอบมีย่องกลับเข้ามาในซัปโปโรกันนิดหน่อยเหมือนกันนะ มาติดตามกันค่ะ
ช่วงเช้า เราไม่รีบกันมากนัก เพราะสไตล์เมืองออนเซนแล้ว เราจะเข้าโรงแรมเร็ว และเช็คเอ้าท์สายๆ สายชิลไงคะ จะรีบไปไหนล่ะ สถานที่แบบนี้เขามีไว้ให้พักผ่อนนี่นะ หลังจากจัดการกับอาหารเช้าสุดอลังการไม่แพ้มื้อค่ำไปแล้ว ช่วงเช้าเราจะทัศนางานอาร์ตๆ สไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ กันค่ะ มุ่งหน้าสู่ Aizome Zabo (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที)
Aizome Zabo ที่นี่เป็นร้านที่ให้ความรู้ด้านการย้อมผ้าพื้นเมืองสไตล์ญี่ปุ่น (ผ้าย้อมคราม) ซึ่งชาวญี่ปุ่นนิยมใช้กันมากเมื่อราว 300 ปีก่อน การย้อมผ้านี้จะคล้ายๆ กับผ้าม่อฮ่อมของไทยค่ะ แต่วัตถุดิบต่างๆ รวมถึงขั้นตอนในการย้อม ในรายละเอียดแล้ว มีความแตกต่างกันพอสมควรค่ะ ใครสนใจงานประเภทนี้ แล้วอยากนำมาต่อยอด ลองมาร้านนี้ดูสิคะ นอกจากจะได้ช้อปปิ้งงานฝีมือดีๆ ที่น่าซื้อมากๆ แล้ว ความรู้ด้านผ้าย้อมครามของที่นี่ น่าสนใจทีเดียวค่ะ
คุณครูพร้อม
เริ่มต้นด้วยการเรียนประวัติศาสตร์ ชนิดของลวดลาย วัสดุอุปกรณ์ และขั้นตอนเบื้องต้นของการทำผ้าย้อมครามของที่นี่
และแปลงโต๊ะเรียน เป็นห้องปฏิบัติการในทันที (เห็นบ่อครามสี่เหลี่ยมธรรมดาแบบนี้ ตกลงไปมีสิ้นชีวิตนะคะ ลึกมาก ประมาณ 2 เมตร …เขาต้องทำไว้ย้อมผ้าชิ้นใหญ่ๆ ยาวๆ ด้วยน่ะ)
ผ่านกระบวนการมัดนู่น นี่ นั่น มาเรียบร้อย …มาดูรูปตอนย้อมกันเลย…
ย้อมๆ คลี่ๆ ผึ่งๆ วนๆ ไป ตามความเข้มของสีที่ชอบ
ล้าง แล้ว แกะ
แกะ แล้วก็ ล้างๆๆๆ …จนได้ moment of truth!! ฮะ ฮะ หมายถึงว่าผลงานจะเป็นอย่างไร ก็จะได้เห็นในขั้นตอนนี้นี่แหล่ะ ก่อนที่ทางร้านจะเอาไปทำให้แห้ง และมอบให้เรานำกลับบ้าน…
หลังจากนั้นก็เป็นการช้อปปิ้ง อิ อิ แต่ละอย่างน่าใช้มาก ผ้าก็นุ้มมมม นุ่ม มีร้อยหมดร้อย มีหมื่นหมดหมื่น
โชว์รูมเล็กๆ น่ารัก (มีแคตาล็อกออนไลน์ด้วยนะ ไม่ธรรมดาๆ) แต่ของดี น่าใช้หมดเลย
AIZOME ZABO
ที่ตั้ง : 1-5, Kita 8 Johigashi 16-chome, Higashi-ku, Sapporo, Hokkaido 065-0008
เปิดทำการ : เวลา 10.00 – 20.00 น. หยุดวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ
ค่าเข้าชม : 2,680 – 8,000 เยน แล้วแต่ชนิดของชิ้นงาน ซึ่งถ้าจะทำ work shop ต้องจองล่วงหน้า (จองออนไลน์ได้)
เว็บไซต์ : http://www.zaboblue.com/
ก่อนที่เราจะไปสนามบิน New Chitose เราขอเข้าไปยังย่านกลางใจเมืองซัปโปโรแป๊บนึง (ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ) ที่โรงแรม ANA Hotel Sapporo แห่งนี้ ไม่ได้มีดีแค่ที่พัก ภายในโรงแรมมีร้านขนมชื่อว่า Café Minamo ซึ่งมีเมนูสุดเลิศชื่อว่า “Gateau Tamanegi Sapporo” ที่คิดค้นโดยเชฟสุดน่ารักของทางร้านคือเชฟ Konno Naomi โดยเมนูนี้ได้คว้ารางวัลที่บรรดาคนทำขนมหวานแห่งซัปโปโรจะเข้าร่วมประกวดกันมากมายด้วย และโจทย์ที่เชฟได้มาก็คือทำขนมจากผัก ตอนที่ได้รางวัล ข่าวของเธอดังมากเลยนะ และเชื่อไหมว่าขนมของเธอนั้นทำจากหัวหอม ทำได้อร่อยมาก จนต้องชิมซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่จะอร่อยอย่างไร ก็ต้องมาชิมกันสิเนอะ (^^)/
Café Minamo
ของน่าอร่อยเต็มตู้เลย (@_@)
นี่ไง “Gateau Tamanegi Sapporo” ที่เราตามหา
น่ากินชิมิ (อร่อยด้วยล่ะ หวาน หอม แต่ไม่เลี่ยน)
ขณะที่คุณเชฟกำลังพรีเซ้นต์เค้กคริสต์มาสตัวใหม่.. ไม่รู้โดนมุกของพี่ไทยคนไหนเข้าไป ขำกลิ้งเลย (ตอนแรกก็น่านิ่งๆ อ่ะนะ 555)
โรงแรม ANA Hotel Sapporo (ร้าน Café Minamo)
ที่ตั้ง : 3-jo Nishi 1-chome 2-9, Chuo-ku, Sapporo, Hokkaido 060-0003
เปิดทำการของร้าน : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30 – 20.00 น.
เว็บไซต์ : http://www.anahotel-sapporo.co.jp
เอาหล่ะ ได้เวลาบ๊ายบายซัปโปโร ลงใต้ไปหาอากาศอุ่นๆ กันนิดนึงที่เมืองเกียวโต ขากลับเราต่อเครื่องของเจแปนแอร์ไลน์กลับมาลงที่สนามบินอิตามิ (Itami Airport) ของโอซาก้า แล้วนั่งรถไปอีกราวๆ 1 ชม. เพื่อเข้าพักและรับประทานอาหารค่ำกันที่เมืองเกียวโตค่ะ คราวนี้เราจะไม่ย้ายโรงแรมกันแล้ว จะพักกันที่โรงแรม Brighton ยาวๆ ไปเลย เคยมาพักที่นี่แล้ว สะดวกดี เพราะอยู่ใกล้สถานี ใกล้ห้าง ใกล้ร้านอาหาร แถมยังไม่พลุกพล่านมาก ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากสถานีเกียวโตแค่นิดเดียว
Hotel Brighton City Kyoto Yamashina
ที่ตั้ง : 23 Anshu sajiki-cho, Yamashina-ku, Kyoto 607-8012 (ติดสถานี JR Yamashina และรถไฟใต้ดิน Yamashina)
เว็บไซต์ : http://www.brightonhotels.co.jp
เย็นย่ำค่ำแล้ว เรากลับไปเดินช้อปปิ้งแถวๆ โรงแรม แล้วก็จัดมื้อค่ำกันดึกหน่อย เพราะว่าเพิ่งกินหมี่เย็นกันมาอ่ะนะ แถวๆ โรงแรมมีอิซากายะ (ร้านเหล้าญี่ปุ่น) ซึ่งมีอาหารให้เลือกหลากหลายเมนู สามารถตอบโจทย์ทุกคนในเดอะแก๊งค์ได้ จึงเป็นร้านที่เราเลือกเข้าประจำ สำหรับทริปนี้ … แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ (^^)/
อ้อ! และขอทิ้งท้ายเพิ่มเติมไว้ให้สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเดินทางในเส้นทางเดียวกันนี้ สามารถเดินทางได้ด้วยรถโดยสารประจำทาง ซึ่งก็อาจจะต้องเช็คเรื่องเส้นทางเดินรถ แล้วก็ตารางเวลากันอยู่สักหน่อย (ส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาญี่ปุ่นอ่ะนะ) แต่ว่าถ้ามีใบขับขี่ต่างประเทศ แนะนำว่าเช่ารถขับเลยจะดีกว่ามาก โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงนะ สวยงาม ตระการตา ขับไป ชมวิวไป แวะถ่ายรูปไป ชิลมาก… นอกจากนั้น ความน่าสนใจระหว่างการเดินทางของเส้นทางในทริปนี้ยังสามารถติดตามชมกันได้ ทางรายการ “ผจญภัยไร้พรมแดน” ซึ่งน่าจะออกอากาศให้ชมกันในเร็วๆ นี้ ก็รอติดตามชมกันได้ทางททบ. 5 (ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 21.50 – 22.15 น.)
เรื่องโดย : The 8th Ronin www.marumura.com
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้ ตอนที่ 4 : Bishamon-do
– รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้ ตอนที่ 3 : เที่ยวเกียวโต
– รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ซัปโปโร – เกียวโต ทริปเดียวก็เที่ยวได้ ตอนที่ 1 : มุ่งสู่ Sapporo