เมื่อสี่ปีที่แล้วคุณจำกันได้ไหม ที่กลางสนามกีฬา “มาราคาน่า สเตเดียม” ที่บราซิล มีท่อสีเขียวขนาดใหญ่วางอยู่กลางสนาม ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากท่อนั้น เขาคือ ซูเปอร์มาริโอจากโตเกียว นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ!!
“ฉันเป็นเพียงชายคนหนึ่ง ที่อยากดูแล ห่วงใยเธอ (ชาวญี่ปุ่น) เท่านั้น
ขอแค่เพียง ยังมีใครที่ห่วงใยกัน อาเบะก็ไม่ต้องการสิ่งใด”
เมื่อสี่ปีที่แล้วคุณจำกันได้ไหม ที่กลางสนามกีฬา “มาราคาน่า สเตเดียม” ที่บราซิล มีท่อสีเขียวขนาดใหญ่วางอยู่กลางสนาม ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากท่อนั้น
เขาคือ ซูเปอร์มาริโอจากโตเกียว นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ!!
ชายคนนี้สวมหมวกสีแดง เขาชูลูกบอลสีแดงขึ้นฟ้าท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย คนเรือนแสนในสเตเดี้ยม กับคนพันล้านทั่วโลก ร้องว้าว…
ถึงใบหน้าของอาเบะซังเต็มไปด้วยริ้วรอยย่นยับจากการผ่านศึกหนักในโลกการเมือง… แต่สายตายังเปี่ยมความหวัง
ผู้พากย์กีฬาหลายสำนัก ร้อง โอ้มายก็อดดดดด ญี่ปุ่นจัดเต็มขนาดเอาท่านนายกฯ มาเล่นเองเลยเว้ยเฮ้ย
ผู้นำระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศมหาอำนาจ ลงทุนหนักมากมายอมเล่นเป็นมาริโอ เพื่อรับช่วงและแสดงออกถึงความมั่นใจ การมีส่วนร่วม เป็นตัวตั้งตัวตีเจ้าภาพโอลิมปิก
แต่ถ้าเกิดมีใครนั่งยานไทม์แมนชีนจากอนาคตมาอยู่ในสนามมาราคาน่าและพูดว่า…
“พ่อแม่พี่น้องครับ อีกสี่ปีข้างหน้า ไม่มีโอลิมปิกว่ะ”
คนทั้งโลก คงด่าเจ้าหมอนี่ว่า มั่วนิ่มจริงๆ พูดจาไม่เป็นมงคล
แต่แล้ว… เหมือนโลก ไม่สิ โรคก็เล่นตลก…
แต่วันนี้… มันไม่ตลกแล้ว
เดือนที่แล้ว อาเบะซังรวมถึงญี่ปุ่นทั้งประเทศ ซับน้ำตายอมชักธงขาว ยอมเลื่อนโอลิมปิกทั้งๆ ที่อุตส่าห์ ยื้อจนไม่รู้จะยื้อยังไง
ยังไม่พอๆ
อาทิตย์ที่แล้ว หลังจากที่มีข่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่น ประกาศจะส่งหน้ากากอนามัยถึงทุกครัวเรือนในประเทศเจแปน “สองชิ้น” โลกโซเชียลของญี่ปุ่นก็ลุกเป็นไฟ…
ถึงแม้อีกไม่ถึงหนึ่งวัน รัฐบาลก็แก้เกม เปิดไพ่ที่ตอนนี้กำลังฮิตทั่วโลก “แจกเงินเยียวยา” แต่เรื่องแจกหน้ากากยังคงสร้างความงงงวย และไม่พอใจจากผู้คนในเกาะญี่ปุ่นหนักมาก
“มันเป็นนโยบายที่โง่เขลา” (ไม่รู้เรียกว่าโชคดีไหมที่ญี่ปุ่นเขาไม่มีแอชแท็ค #พนงรจตกม)
“รัฐบาลทำเรื่องที่โคตรจะไร้ประโยขน์”
แต่เรื่องนี้มีข้อน่าสนใจอย่างนึง มีคอลัมน์ใน NIKKEI BUSINESS พูดถึงเรื่องนี้และมีคนไลค์คนแชร์เป็นพัน จนติด top 3 คอลัมน์ฮอตประจำสัปดาห์ เนื้อหาด้านล่างอ้างอิงจาก https://business.nikkei.com
“マスク作戦はなぜ止められなかったのだろう”
“ทำไมยุทธศาสตร์หน้ากาก ถึงไม่มีใครหยุดมันไว้ก่อนวะ “
เรื่องแรกที่คอลัมนิสต์ตั้งข้อสันนิษฐานคือ
“คนญี่ปุ่นอย่างเราถูกสอนไว้ว่า ถึงจะพยายามอะไรที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์ แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย“
นั่นเลยกลายเป็นหนึ่งเหตุผลให้มีหนึ่งครัวเรือน สองหน้ากากโผล่ขึ้นมา…
แต่เราก็ยังมีคำถามเพิ่มต่อไปอีกว่า คนในสภาญี่ปุ่น ก็กินข้าวไม่ได้กินหญ้า พวกเขาต้องรู้แน่ๆ ว่าการออกนโยบายนี้ออกไป น่าจะเป็นเรื่องโง่เขลา มากกว่าเกิดประโยชน์ เหตุใดจึงไม่มีใครห้าม ?
มี 2 ข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้คือ
หนึ่งไอเดียนี้มาจากผู้หลักผู้ใหญ่ ที่แม้แต่อาเบะเองก็เกรงใจ
กรอบความคิดของคนญี่ปุ่น
“ถึงจะพยายามอะไรที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์ แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย“
ก็เลยออกมาว่า งั้นทำๆ ไปก่อนละกัน อย่างน้อยก็เป็นการแสดงหลักฐานว่า “รัฐบาลใส่ใจ และห่วงใยคุณ”
เพราะอย่าลืมว่าถึงจะเป็นญี่ปุ่น ก็ไม่ใช่มีเงินเป็นอนันต์ ยิ่งโดนเรื่องโอลิมปิกเลื่อนไปอีก ก็เจ็บไม่น้อย มันเลยก็ต้องประหยัดๆ ให้หน้ากากสักสองชิ้นกำลังดี…
ส่วนข้อสันนิษฐานอีกข้อคือ อาเบะอาจหวังดีเป็นคนคิดเรื่องนี้ขึ้นมา และเหล่าคนรอบข้างฝ่ายค้าน จงใจวางยา
“ปล่อยให้อาเบะ ทำๆ ไปเถอะ ช่างเหอะ”
“เอาที่สบายใจ”
ไม่แน่… หน้ากากที่ให้มา… อาจจะมีประโยชน์ตอนที่เราใส่ซ่อนหน้าตัวเองตนเดินประท้วงก็ได้
ตอนนี้ผมอ่านข่าวญี่ปุ่นทุกวัน เอาจริงๆ ตอนนี้คนญี่ปุ่นก็ด่ารัฐบาลไม่ได้ต่างกับที่เราด่ารัฐบาลไทย
แต่ในฐานะ ที่ผู้เขียนก็เคยอยู่ญี่ปุ่นใต้รัฐบาลของอาเบะซัง
ใช่แล้ว… อาเบะซัง ก็เป็นเพียงชายคนหนึ่ง ที่อยากดูแล ห่วงใยเธอชาวญี่ปุ่นเท่านั้น
แต่ยังไงก็อยากเอาใจช่วย
ใช่แล้วครับ ประเทศญี่ปุ่นต้องชนะ (เหมือนไทย) ^^
เรื่องแนะนำ :
– 信頼 SHINRAI มีนาคมของญี่ปุ่นในปี 2011 แอบคล้ายๆ กับโลกในวันนี้ … มีนาคม 2020
– [ดราม่าฤดูโควิด-19] ประสบการณ์สุดพิเศษ “ไปญี่ปุ่น ได้อะไรมากกว่าที่คิด”
– คำถามสิบปีกับวันที่โตเกียว ไม่มีมาราธอน…
– [ทดความคิด] ดราม่าโอลิมปิก – เป้าหมายคุณแน่แค่ไหน?
– อวสาน SUN BOOKS – Book off version Thai “เพราะโลกต้องหมุนไปและตะวันก็ต้องลับฟ้า”