วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (7) ประชุมวิทยายุทธแมว
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน พบกันอีกแล้วนะครับ ขณะที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่ตอนนี้ ผมก็ยังอยู่ในระหว่างการ “กักตัว” ครับ ซึ่งผมก็กักตัวมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว ชีวิตตอนนี้ยังไม่มีปัญหาสุขภาพอะไร แต่นั่งอ่านข่าวว่ามันโผล่มาตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างในเชียงใหม่ชักจะใกล้บ้าหนักขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าคราวนี้คงไม่ต้องเดินห้างกันละ (ปกติก็ไม่ค่อยเดินห้างครับขี้เกียจวนเข้าตึกจอดรถ) ยังไงก็ขอให้ท่านผู้อ่านพยายามรักษาร่างกาย ฟิตร่างกายให้จงดี จะได้หลีกหนีโรคภัย ครับ
วันนี้ผมขอพูดถึงเนื้อหาจากหนังสือเล่มเดิมของพระอาจารย์ไทเซน (อีกละ) ซึ่งวันนี้จะมาเล่านิทานเรื่อง “ประชุมวิทยายุทธแมว” บอกเลยว่าคราวนี้แมวไม่ได้มาแค่สามตัวแล้วนะครับ (ฮา) แต่ก่อนจะเข้าเรื่องนิทานผมขอเกริ่นนำตามในหนังสือก่อน ว่าด้วยเรื่องมูลเหตุจูงใจว่าทำไมพวกนักดาบซามูไรของญี่ปุ่นจึงมาศึกษาเซน
การที่คนเราฝึกวิชาต่อสู้ หรือการที่วิชาต่อสู้ทั้งหลายมันเกิดขึ้นมาในโลกนี้ แรกเริ่มเดิมทีมันก็เกิดมาเพื่อ “ฆ่า” หรือ “ทำร้าย” กันทั้งนั้นแหละครับ พูดแบบจริงใจไม่แอ๊บนะครับ คนเรานั้นจริงๆ ก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีสัญชาตญาณของการทำลายล้างอยู่ในตัว แต่ความที่มนุษย์ร่างกายอ่อนแอกว่าสัตว์อื่น แต่มีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้นมากกว่าสัตว์อื่น มันก็เกิดเป็นวิชาทั้งวิชาอาวุธและวิชามือเปล่า
พอเรามาพูดถึงอาวุธ ในที่นี้ก็ขอพูดถึงเรื่องของ “ดาบซามูไร” ละกันนะครับ ดาบซามูไรนั้นสมัยก่อนน่าจะยุคเซนโกกุ ดาบมันใช้กลางทุ่งฉะนั้นมันก็จะยาวๆ หน่อย ดาบยาวๆ อย่างนี้เรียกว่า ทะจิ 太刀 “ดาบใหญ่” ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า ทะจิ 絶ち “สะบั้น” ก็คือมันเป็นเครื่องมือที่มีไว้ “ฟันให้สะบั้น” ซึ่งโดยมากก็คือฟันคนให้สะบั้นนั่นแหละ
แน่นอน ซามูไรสมัยนั้นก็อยากจะเก่งกล้า อยู่ยงคงกระพัน กับเขาเหมือนกัน ลุยไฟได้ไม่ไหม้ หินหล่นทับก็ไม่ตาย ซามูไรพวกนี้จึงเข้าสู่การฝึกจิตเพราะคิดว่าฝึกสำเร็จแล้วจะมีฤทธิ์เดชแบบนั้นบ้าง แต่พอไปๆ มาๆ ก็จะเลิกสนใจเรื่องพวกนี้ไป เมื่อคำสอนของเซนได้เข้ามาในญี่ปุ่นในสมัยหลัง แนวทางคำสอนของเซนก็ได้กลายเป็นเหมือนกับ “ศาสนาของซามูไร” ไป และนักดาบที่ว่ากันว่าได้รับอิทธิพลแนวทางคำสอนของเซนมามากๆ ก็คือมิยาโมโตะ มูซาชิ นี่แหละครับ
ซึ่งเมื่อมาถึงจุดนี้ การฝึกจิตคือการฝึกที่จะ “สะบั้น” ใจของตนเอง กล่าวคือ การที่คนเรา หากคิดอยากจะแกร่งกล้าเอาชัย ใจต้องเด็ดขาด (Strength and victory flow from decisiveness) คือต้องกล้าตัดความลังเลสงสัย ความคิดฟุ้งซ่านอะไรต่างๆ ไปเสีย หยุดเลือกนั่นเอานี่ แค่ตัดสินใจ แล้วก็ทำ just do it!
คำนี้ผมอ่านแล้ว ขอเอาไว้ใช้เตือนตนเองเวลาซ้อมทั้งบนเบาะและอยู่กับบ้านนะครับ
คนเรานั้นไม่เหมือนเสือหรือสิงโต เสือหรือสิงโตนั้นแข็งแรง เต็มไปด้วยสัญชาตญาณปรารถนาอยากจะ “เอาชนะ” แต่พวกมันไม่รู้จักการละอัตตา แต่จิตของคนเรานั้น (หากฝึกมาดีแล้ว) อาจก้าวข้ามอัตตาหรือกระทั่งความตายได้
ทีนี้ก็ขอเข้าสู่นิทานเลยนะครับ
เมื่อราวสองร้อยกว่าปีก่อน (น่าจะราวปลายยุคเอโดะ) มีนักดาบชื่อโชเค็น ซึ่งตอนนั้นมีหนูยักษ์มาคอยก่อกวนที่บ้านจนกลางคืนไม่เป็นอันนอน เลยไปถามเพื่อนที่เป็นคนฝึกแมว ได้แมวมาตัวหนึ่ง แมวตัวนี้เป็นแมวข้างถนน ว่องไว กล้ามแน่น อุ้งตีนแข็งแกร่ง แต่พอเจอกับหนูตัวต่อตัวเข้า แค่เห็นหน้าก็ม้วนหางหนีแล้ว แสดงว่าหนูตัวนี้ “ไม่ธรรมดา”
คราวนี้เลยไปยืมแมวตัวที่สอง แมวตัวนี้มีพลังลมปราณ (คิ 気) กล้าแข็งแกร่งกร้าว แต่พอสู้กับหนูไปๆ มาๆ สู้หนูไม่ได้ต้องรีบเผ่น
คราวนี้เลยยืมแมวตัวที่สามมาอีกละ แต่ก็ ยังชนะหนูไม่ได้อีกตามเคย
คราวนี้ก็เลยยืมแมวตัวที่สี่ มันเป็นแมวดำแก่ๆ แลดูไม่โง่แต่ก็ไม่แข็งแรงเท่าตัวที่หนึ่งหรือตัวที่สอง มันเดินเข้ามาในห้อง เข้ามาก็นั่งนิ่งๆ ไม่ขยับอะไร หนูมันก็เอะใจสงสัย ค่อยๆ ขยับเข้าไปดู พอเข้าใกล้มากๆ ชักจะเกรงๆ หน่อยๆ ทันใดนั้นแมวก็ตะปบคอหนูเข้าให้ สังหารหนูแล้วลากไปที่อื่นเสีย
ทีนี้โชเค็นเลยไปถามเพื่อนว่า “ข้าเอาดาบไม้ไล่ตีหนูหนูมันยังข่วนข้าเลย ทำไมแมวดำถึงเอาชนะหนูได้?”
เพื่อนก็บอกว่า “ลองจัดประชุมแล้วถามพวกแมวดูไหม จะได้เข้าใจในหลักวิชา”
ตัดภาพมาที่การประชุม แมวตัวแรกที่เป็นแมวข้างถนนบอกว่า “ข้าแข็งแรงมากๆ เลยนะ”
“อ้าวแล้วทำไมไม่ชนะล่ะ” แมวดำแก่ถาม
“จริงๆ นะ ข้าแข็งแรงมากๆ เลยนะ ข้ารู้กระบวนท่าจับหนูเป็นร้อยท่าเลยนะ อุ้งตีนก็แข็งแกร่ง กล้ามก็แน่นปั๋ง แต่หนูนั่นมันไม่ใช่หนูธรรมดา”
แมวดำแก่เลยบอกว่า “งั้นพละกำลังกับกระบวนท่าของเจ้าก็คงไม่เท่าเทียมหนู เจ้าอาจจะมีกล้ามกับกระบวนท่าเยอะ แต่แค่ทักษะอย่างเดียวไม่พอหรอก ไม่มีทาง”
แมวตัวที่สองพูด “ข้าแข็งแรงเหลือหลาย นั่งฌาณฝึกวิชาลมปราณเป็นอาจิณ กินแค่ผักกับน้ำข้าวบำเพ็ญเพียร แต่ทำไมข้าถึงเอาชนะหนูไม่ได้?”
แมวดำแก่ตอบว่า “เจ้ามีพลังยิ่งใหญ่ แต่หนูมีพลังใหญ่ยิ่งกว่าเจ้า เจ้าจึงอ่อนแอกว่า หากเจ้ายึดติดกับพลังลมปราณ หลงภูมิใจไปกับมัน มันก็จะเหมือนไขมันหย่อนๆ ส่วนเกินในร่างกาย พลังปราณของเจ้าพรั่งพรูออกมาตูมเดียว มันอยู่ไม่ทน แป๊บเดียวก็กลายเป็นแค่แมวโกรธฟอดๆ พลังปราณของเจ้าก็เหมือนแค่น้ำออกจากก๊อก แต่ของหนูนั่นมันเหมือนน้ำพุร้อน นี่แหละทำไมหนูถึงแข็งแกร่งกว่า ถึงเจ้าจะมีลมปราณกล้าแกร่ง แต่จริงๆ มันอ่อนแอเพราะเจ้ามั่นใจในตัวเองมากไป”
มาถึงคิวของแมวตัวที่สาม ซึ่งก็โดนหนูเล่นงานมาเหมือนกัน มันไม่ได้แข็งแรงอะไรมากมาย แต่มันมีญาณหยั่งรู้ (ซาโตริ 悟り) สำเร็จกระบวนท่าแล้ว ฝึกนั่งฌานทั้งวัน แต่เพราะจิตยังละจากการทำอะไรโดยหวังผล (มุโชะโตะกุ 無所得) ไม่ได้ พอรักตัวกลัวตายมากๆ เข้าก็ต้องเผ่นเหมือนกัน
แมวดำแก่บอกมันว่า “เจ้ามีปัญญามาก และก็แข็งแรงด้วย แต่ที่เจ้าชนะหนูไม่ได้เพราะว่าในจิตของเจ้ายังมีเป้าประสงค์ ดังนั้นการรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณของหนูจึงดีกว่าของเจ้า พอเจ้าเดินเข้ามาในห้องมันก็รู้เลยว่าเจ้าคิดอะไร ในใจเจ้าเป็นอย่างไร นี่แหละทำไมเจ้าถึงเอาชนะมันไม่ได้ พละกำลัง กระบวนท่า จิตสำนึกของเจ้ามันไม่ไปทางเดียวกัน มันแยกกันเป็นส่วนๆ แทนที่จะประสมเข้ากันเป็นหนึ่ง”
“ส่วนข้าน่ะ แค่ชั่วขณะเดียว ใช้ทั้งสามสิ่ง (กาย เทคนิค ใจ) ไปเลยทีเดียวแบบไม่ต้องคิด ไปของมันเองธรรมดาๆ นั่นแหละที่ว่าทำไมข้าจึงฆ่าหนูได้”
“แต่ข้ารู้จักแมวตัวหนึ่งในหมู่บ้านหนึ่งไม่ไกลจากแถวนี้ แมวตัวนั้นแข็งแกร่งกว่าข้าเสียอีก มันแก่มากจนหนวดหงอกหมดแล้ว ข้าเคยเจอมันทีนึง ดูแล้วไม่อะไรที่ชวนให้คิดได้ว่าแข็งแกร่งเลย มันนอนได้ทั้งวัน ไม่กินเนือไม่กินปลา กินแค่น้ำข้าว นานๆ ทีค่อยกินเหล้าสาเกซักหยด และมันก็ไม่เคยได้จับหนูเลยสักตัวเดียวเพราะมันไปไหนพวกหนูก็กลัวกันแทบตายเผ่นหายกันไปหมด หนีกันไปหมดจนไม่เคยได้จับสักตัว
มีวันหนึ่งมันไปบ้านหลังหนึ่งที่มีหนูเต็มบ้าน ปรากฎว่าหนูพากันไปอยู่บ้านหลังอื่นกันหมด ชนาดมันนอนเฉยๆ ยังไล่หนูได้ เจ้าแมวแก่หนวดหงอกนี่ช่างลี้ลับน่าประทับใจจริงๆ พวกเจ้าควรเป็นให้ได้อย่างมัน อยู่เหนือท่วงท่า อยู่เหนือการหายใจ อยู่เหนือจิตสำนึก”
นี่เป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่สำหรับนักดาบอย่างโชเค็น
และก็เป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่สำหรับยูยิตสูสายขาวอย่างผมเช่นกัน
หากคนเรามองเห็นหนทางที่จะไปข้างหน้า ไม่มีคำว่าตันหรอกครับ หากเรายังฝึกต่อไป มองหาหนทางที่จะพัฒนาตัวเองไปได้ทุกๆ วัน จะช้าจะเร็วก็ต้องไปข้างหน้าได้ วันนี้ตอนที่เขียนอยู่อากาศก็ร้อนดีใช้ได้ เย็นๆ ค่อยออกกำลังกาย
รักษาสุขภาพกันด้วยครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะครับผม
เรื่องแนะนำ :
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (6) การบำบัดใจด้วย “กายคตาสติปัฏฐาน” ผ่านการฝึก BJJ
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (5) แมวสามตัว กับการจัดการกับ Ego ของตัวเองในการเรียน BJJ
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (4) กาย เทคนิค ใจ จากซามูไรถึงยูยิตสู
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (3) เรียนรู้การ “ทะลวงชีวิต” เมื่อพบกับ “วิกฤติวัยกลางคน”
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (2) “ฮิชิเรียว” 非思量 เมื่อการ “ไม่หยุดคิด” คือทางรอด
ขอบคุณรูปภาพ: https://www.bjjsuccess.com/bjj-vs-japanese-jiu-jitsu/
#เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (7) ประชุมวิทยายุทธแมว