เที่ยวเซนได…วันนี้เราจะออกเดินทางไปยังเมือง Hiraizumi จังหวัดอิวาเตะ เพื่อไปที่ Chusonji Temple วัดที่มี Konjikido หรือ Golden Hall (วิหารทอง) ที่เก็บทรัพย์สมบัติ ภาพวาดสมัยโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยตระกูลฟูจิวาระ
เรื่องและภาพโดย : The 21st Ronin www.marumura.com
ขอขอบคุณ : Nippon Travel Agency (NTA) ที่สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้
เคยมีความรู้สึกแบบนี้มั้ย? ว่าเหมือนมีใครมากดปุ่ม shut down เราตอนกลางคืน แล้วกด start ขึ้นใหม่ที่โผล่อีกทีก็เช้าของอีกวันแล้ว เพราะรู้สึกว่า นี่เราได้นอนไปแล้วเหรอ ทำไมมันเช้าเร็วจัง?
แต่ก็อ่ะนะ คงเพลียๆ ด้วยแหละทั้งเดินทั้งนั่งรถ แถมอากาศก็ชวนนอนยืดยาวจริงๆ อากาศตอนเช้าของที่ญี่ปุ่นยังหนาวเหมือนเช่นเคย ถึงแม้จะอยู่ในห้องพัก แต่ก็ยังแอบมีขนลุกเป็นหนังไก่ไม่แพ้อยู่ข้างนอกเลย ฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ดีที่เราจะขอไม่อาบน้ำในเช้านี้ละกันนะ 555+ แหมก็มันหนาวนี่นา (แหมๆ ทำเป็นร้อง อี๋! มารังเกียจ รู้นะว่า เคยทำเหมือนกันอ่ะ 555+) เปลี่ยนเรื่องๆ เรามาดูหน้าตามื้อเช้าของที่นี่กันดีกว่าเน๊อะ



ขอบอกเลยว่าเป็นคนชอบทานอาหารญี่ปุ่น ใจนี้อยากลองกินสักครั้งว่ามันจะเป็นยังไง เลยไม่แปลกที่เมื่อเห็นกล่องนัตโตะตั้งอยู่ตรงบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าปุ๊บก็แทบกระโดดเข้าใส่ รีบแกะนัตโตะเทซองซอสใส่ลงไปตีๆ นัตโตะให้เหนียวหนืด ตามด้วยไข่ลวกเทลงข้าวสวยและโซยได้เลย แต่เอิ่ม! กลิ่นนี่มิไหวนะ โดนนิ้วทีรับรองว่า มีกลิ่นมาดามหอมชื่นใจเลยละเทอเอ๋ย แต่ว่ารสชาติ โอเคนะถือว่า อร่อยแบบแปลกๆ ดี
แต่ก่อนจะออกจาก Hanamaki Onsen เจ้าหน้าที่ที่สร้างความประทับให้เราเมื่อครั้งตอนมาถึงที่พัก ตอนกลับยังทำให้เราปลื้มได้อีกอ่ะ เพราะเค้าเตรียมเสื้อคลุม เอกสารต่างๆ แถมยังมีลูกพลับแห้ง ของฝากชื่อดังของที่นี้ให้เราไปทานอีก พูดได้คำเดียว เอาใจพี่ไปเลยน้อง (^^) <3




และเราก็ถึงเวลาออกเดินทางจากที่พักแสนสบายและร่ำลาเจ้าหน้าที่ที่น่ารักทุกคนเพื่อเดินทางไปยัง “Takahashi Strawberry”
หา! สวนสตรอเบอรี่ กรี๊ดดด จะไปสวนสตรอเบอรี่เหรอ ตื่นเต้นมากอ่ะ เพราะไม่คิดว่าจะได้ไปสวนสตรอเบอรี่แถมยังได้เด็ดและทานสดๆ จากต้นด้วยมือเราเลย ที่สำคัญช่วงเวลาที่เราไปนั้นยังใกล้กับเทศกาลคริสมาสอีก ซึ่งสตรอเบอรี่ช่วงนี้ถือว่า เป็นสินค้าที่ตลาดต้องการอย่างมากเพื่อนำมาเป็นเค้ก หรืออาหารฉลองเทศกาลที่จะถึงนี้ แต่เราและพี่ๆ กลับได้มีโอกาสได้ทานกัน อิอิ บอกแล้วว่าตอนที่สามนี้หนะเด็ด เป็นไงบอกไว้ตอนที่แล้วว่า ตอนที่ 3 เด็ด 555+

พอรถบัสขับมาถึงที่หมายสิ่งแรกที่เห็นคือ หน้าบ้านที่ตั้งโดดเด่นอยู่หลังเดียวไม่เห็นไร่หรือสวนอะไรเลย ไหนอ่ะ? สวนสตรอเบอรี่ ของช้าน แต่โวยวายได้ไม่นานก็ต้องเงียบเพราะ เมื่อเดินเข้าไปใกล้บ้านพักก็เห็นทางเข้าอยู่ทางซ้ายของบ้าน ซึ่งหากไม่สังเกตก็ไม่เห็นอ่ะ ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งตื่นตา พึ่งรู้ว่า ที่นี่เป็นสวนปิด สวนแต่ละส่วนถูกปกคลุมไปด้วยหลังคาถูกปิดทางเข้าออกด้วยพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง และเมื่อเดินเข้าไปถึงก็พบกับ คุณป้าเจ้าของสวนผู้มีรอยยิ้มเปื้อนหน้าอยู่ตลอดเวลา คุณป้ากล่าวทักทายนิดหน่อย พร้อมยื่นถาดพลาสติกมาให้พวกเราคนละใบ งงละสิว่า ให้ทำไม? เอาไว้ใส่สตรอเบอรี่ที่เราเด็ดและขั้วของมันเวลากินเสร็จค่ะ

เรามาเริ่มเด็ดกันเลยดีกว่า เราเลือกเด็ดตรงแถวที่มีชื่อพันธุ์ว่า แก้มแดง แต่เดี๋ยวก่อนเราขอย้อนเล่าอะไรให้ฟังหน่อยคือว่า ก่อนที่จะเดินทางมาเซนไดมีพี่มารุมุระคนหนึ่งได้สอน “วิธีการเด็ดสตรอเบอรี่ที่ถูกต้องให้เราฟัง” อั่ยย่ะ! แค่เด็ดสตรอเบอรี่ยังมีวิธีการเด็ดด้วยหรอ คือมันก็ไม่ถึงกับว่า เป็นวิธีที่ผิดหรือถูกหรอก แต่วิธีการเด็ดที่พี่บอกเราเนี้ย มันทำให้เวลาเราเด็ดผลสตรอเบอรี่จากก้านที่ติดกับขั้วที่ยื่นออกมาจากต้นนั้น “ไม่ช้ำ” ก้านที่ถูกเด็ดผลไปยังคงสวยงามไม่หัก ไม่บู้บี้เหมือนเวลาเราเด็ดแบบใช้เล็บจิกแล้วดึงผลมันออกมา ที่สำคัญถ้า คนญี่ปุ่นมาเห็นว่า เด็ดแบบที่พี่บอกเรานะ รับรองเลยว่า เค้าต้องอึ้งแถมชื่นชมอีกว่า “รู้ได้ยังไง”



รสชาติหวานฉ่ำอร่อยมาก ทานสดๆ ได้ตลอดเลยแบบไม่ต้องกลัวสารเคมี คุณป้าเล่าให้ฟังว่า ดินที่ใช้ปลูกไม่มีสารเคมี คุณป้าเอาไส้เดือนมาใส่ดินให้ทำหน้าที่พรวนดินแบบธรรมชาติ และใช้ผึ้งในการผสมเกสรให้กับสตรอเบอรี่ โดยคุณป้าจะซื้อผึ้งมากล่องหนึ่งที่ในนั้นจะมีแต่ “ผึ้งงานไม่มีเหล็กใน และไม่มีนางพญา” จึงทำให้ผึ้งแต่ละตัวทำหน้าที่หาน้ำผึ้งผสมเกสรเพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่ว่าผึ้งเหล่านี้จะมีชีวิตอยู่ได้แค่ 3 เดือนเท่านั้นก็ตาย ยังไม่หมดนะ มีการนำวิทยุมาเปิดเพลงให้เหล่าต้นสตรอเบอรี่ฟังด้วย






และเราก็ถึงเวลาบอกลา คุณป้าเจ้าของสวนเพื่อเดินทางไปยัง เมือง Hiraizumi จังหวัดอิวาเตะ เพื่อไปที่ Chusonji Temple วัดที่มี Konjikido หรือ Golden Hall (วิหารทอง) ที่เก็บทรัพย์สมบัติ ภาพวาดสมัยโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยตระกูลฟูจิวาระ และวัดชูซอนจิที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 850 แห่งนี้ยังได้ขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกว่า เป็นสมบัติล้ำค่าของชาติและสมบัติทางวัฒนธรรมอีกด้วยค่ะ










ปล. ข้างในห้ามถ่ายรูปเลยไม่มีรูปมาฝากนะค่ะ แต่จากที่เข้าไปพูดได้คำเดียว “สุดยอด” มีแต่ของที่ทำจากทองอายุเก่าแก่มาก ตั้งแต่ภาพวาด ดาบ คัมภีร์ สมบัติล้ำค่ามากกว่า 3,000 ชิ้น อลังการจริงๆ ถ้าได้มาที่นี่ต้องเข้าไปดูให้ได้นะค่ะ

















หลังทานมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อยก็มาเดินย่อยพุงน้อยๆ กันที่ AEON Hall ต่อค่ะ เป็นแหล่งช้อปปิ้งอีกที่หนึ่งที่ผู้นำเที่ยวบอกว่า ต้องลองมาเดินดู มีของหลากหลาย แต่จากที่เห็นก็ดูใหญ่เหมือนกันจะเดินไหวมั้ยเนี้ย…. (ทำแบ้วไปงั้นแหละจริงๆ สบายมาก ช้อปปิ้งกับผู้หญิงมันของคู่กันอยู่แล้ว 555)






ตอนที่ไปเป็นช่วงที่เครื่องสำอางแข่งกันลดราคาลดมาก ลดน้อยแล้วแต่ยี่ห้อซึ่งก็ถูกแพงปนๆ กันไป แต่สุดท้ายเราก็ได้ eye liner มาลองใช้ตั้งหนึ่งแท่ง 555 ซึ่งจากที่ลองใช้แล้วชอบนะ ขอบอกว่า เดินเยอะและเร็วมากเพราะต้องแข่งกับเวลาที่ได้มาน้อยนิดในการดูของ สูญเสียพลังไปเยอะ มาเติมพลังกันหน่อยดีกว่ากับ “ชาบูชาบู”



เมื่ออิ่มกับชาบูชาบูกันเสร็จ พวกเราก็ออกเดินทางไปยังที่พักที่ใหม่ ซึ่งคราวนี้เราจะพักในตัวเมืองเซนไดกัน ที่พักของเราคืนนี้คือ Hotel Metropolitan Sendai อยู่ติดกับสถานี JR Sendai เลยละค่ะ คืนนี้ต้องเดินดูรอบๆ สักหน่อยแล้วว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง




















คืนนี้เราและพี่ๆ เดินตะลุยดูแค่นิดหน่อยเท่านั้นเพราะ สภาพอากาศตอนนั้นหนาวมาก แถมยังมีฝนตกปรอยๆ อีก งั้นขอลาด้วย วิวสวยๆ จะห้องพักเราละกันนะ แล้วกันตอนหน้าตอนสุดท้ายที่เราจะได้ชมแสงสียามค่ำคืนของเซนไดกันค่ะ บ๊ายบาย (^ v ^)/
เรื่องและภาพโดย : The 21st Ronin www.marumura.com
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวเซนได รอบปฐมฤกษ์ : ตอนที่ 1 ควันออกปากที่เซนได
– เที่ยวเซนได รอบปฐมฤกษ์ : ตอนที่ 2 น้ำลายสอที่อิวาเตะ
– เที่ยวเซนได รอบปฐมฤกษ์ : ตอนที่ 4 Starlight wink in Sendai ค่ำคืนสุดท้ายของดวงดาว