ซากุระความงามที่ไม่จีรังและความเป็นจริงของชีวิต
หนึ่งในดอกไม้ที่หมอชอบมากที่สุด คือ ดอกซากุระค่ะ :)) นอกจากความน่ารักของดอกซากุระที่ผลิดอกบานสะพรั่งในช่วงเวลาที่แสนสั้นประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว การมีอยู่และดับไปของดอกไม้นี้ได้ให้สอนความเป็นจริงของชีวิตให้กับเราด้วย “ยินดีเมื่อเกิดขึ้น ยอมรับเมื่อดับไป”
ซากุระ (桜, 櫻) เป็นพืชตระกูลจำพวกเชอร์รี่ พืชชนิดนี้เติบโตได้ในหลายที่ ประเทศที่มีดอกซากุระดังที่สุดและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก คือ ประเทศญี่ปุ่น ลักษณะของดอกจะมีสีขาวหรือสีชมพู แต่ละสายพันธุ์มีจำนวนกลีบต่างกัน การบานของดอกซากุระเป็นสัญญาณการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ หลังจากที่ต้นไม้ต้องทนกับความหนาวเหน็บตากหิมะมาหลายเดือน แม้จะบานแค่ช่วงสั้นๆ ทว่างดงามจับใจ เวลาที่ดอกร่วงหล่นจะร่วงพร้อมกันหมด ทิ้งไว้แต่ภาพความทรงจำราวกับความฝัน ความหมายของดอกซากุระในภาษาดอกไม้ คือ ความสำเร็จ การประสบผลสำเร็จ และหัวใจที่เข้มแข็ง วิถีนักรบของคนญี่ปุ่นใช้ดอกซากุระในการสื่อว่าพร้อมที่จะสู้ตายไปด้วยกัน ต่อให้มีชีวิตที่แสนสั้น แต่เจิดจ้ากล้าหาญ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ชาวญี่ปุ่นถือโอกาสที่ซากุระบานจัดงานรวมตัวสังสรรค์กัน กินอาหาร จิบเหล้า พร้อมๆกับการเฝ้ามองดอกซากุระที่เบ่งบานอยู่บนต้น
การบานและร่วงโรยของซากุระเปรียบเสมือนอารมณ์หรือเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์ ซึ่งมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับด้านจิตวิทยาในแง่ของเรื่อง “สติ” (Mindfulness) และการทำใจยอมรับว่าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นจริง (Radical Acceptance)
เรื่องของสติเป็นสิ่งที่โลกตะวันออกให้ความสนใจมานานแล้ว เช่น ศาสนาพุทธ ส่วนชาวตะวันตกเริ่มให้ความสนใจเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 1970 โดยมีการพัฒนาวิธีการลดความเครียดด้วยการเจริญสติ (Mindfulness- based stress reduction- MBSR) ซึ่งได้มีการนำวิธีการนี้มาใช้ในการรักษาโรคทางจิตเวชหลายโรค เช่น โรคซึมเศร้า, โรควิตกกังวล, โรคติดสารเสพติด นอกจากนี้คนทั่วๆ ไปยังสามารถฝึกและนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้น
“สติ” (Mindfulness)
สติ หมายถึง สภาวะของจิตใจที่จดจ่ออยู่กับขณะปัจจุบัน เปรียบเหมือนเราเป็นคนสังเกตเฝ้ามอง แต่ไม่ได้ไปตัดสินว่าสิ่งนั้นดีหรือไม่ดี สิ่งที่ต้องรู้ คือ อารมณ์ที่เกิดขึ้น, ความรู้สึกตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย (เช่น หนาว-ร้อน, ปวด-ไม่ปวด) และสิ่งที่กำลังเกิดรอบตัว ตามธรรมชาติของจิตมนุษย์เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นเรามักจะรู้สึกและตัดสินเรื่องนั้น ส่งผลให้มีอารมณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น
วันนี้ต้องไปทำงานติดต่อลูกค้าแต่ลืมเอามือถือออกมาจากบ้าน ทำให้ต้องเสียเวลาเดินทางกลับไปเอา จนไปพบลูกค้าสาย เราอดที่จะโทษและโกรธตัวเองไม่ได้ว่า “ทำไมเราเป็นคนแย่แบบนี้” พอช่วงกลางวันได้กินอาหารอร่อยทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ตอนเย็นกลับบ้านไปดูซีรีส์เรื่องโปรดเรารู้สึกมีความสุขจนลืมเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า
ตอนคบกับแฟนแรกๆ มีความสุขมาก แต่พอคบกันนานยิ่งเห็นข้อเสียของอีกฝ่าย มีแต่เรื่องทะเลาะ ทำให้หงุดหงิด น้อยใจ เวลาที่เจอกันไม่มีความสุขเหมือนแต่ก่อน จนตอนนี้อยากจะเลิก
จะเห็นได้ว่าอารมณ์และความคิดของเราเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามเหตุการณ์ที่ผันเปลี่ยน ไม่มีอะไรที่คงอยู่ถาวร ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่ดีหรือไม่ดี อย่างตอนที่ต้นซากุระเริ่มจะแตกหน่อออกดอกเรารู้สึกตื่นเต้น ต้องแวะไปดูการเปลี่ยนแปลงของมันด้วยใจจดใจจ่อ พอถึงวันที่ต้นซากุระบานสะพรั่งเราดีใจสุขใจ เตรียมอาหาร เหล้า เสื่อ และไปชวนนัดแนะกับคนอื่นๆ เพื่อมาร่วมเทศกาลชมดอกไม้กัน ทว่าเวลาที่ผ่านไปดอกซากุระร่วงหล่นจนสุดท้ายกลับกลายเป็นต้นซากุระที่ไม่มีดอกอีกต่อไป เราเศร้าใจโหวงๆ
ฤดูซากุระบานได้ผ่านพ้นไปแล้ว แม้เราหวนกลับไปคิดถึงความสุขตอนที่ดอกซากุระยังบานอยู่ ข้อเท็จจริง คือ สิ่งเหล่านั้นจะไม่กลับมาอีก จนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิในปีหน้า การที่คาดการณ์ไปล่วงหน้าว่าซากุระจะบานอีกเมื่อไร อาจทำให้ทุกข์ใจได้ เพราะแต่ละปีซากุระบานในช่วงเวลาที่ไม่เหมือนกัน หากโชคร้ายมีพายุฝนหรืออากาศแปรปรวน มันอาจจะไม่บานก็ได้ ซึ่งปัจจัยอื่นๆ ที่เกิดจากนอกตัวเราเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ในชีวิตนี้มีน้อยเหลือเกิน แต่สิ่งที่เป็นของจริงนั้น คือ เรื่องในปัจจุบัน เราไม่สามารถที่จะห้ามอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ แต่เรารู้ตัวได้และพยายามไม่ไปตัดสินอารมณ์ที่เกิดขึ้นว่าดีหรือไม่ดีเพราะอาจจะทำให้ใจเราเป็นทุกข์
เวลาที่เรารู้สึกแย่มากๆ เรามักจะจมดิ่งกับความคิดความรู้สึกนั้นจนยากที่จะปีนขึ้นมาจากหลุม แต่การฝึกเรื่องสติ (ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นการนั่งสมาธิ เดินจงกรมเสมอไป) เช่น การหัดสังเกตการเข้าออกของลมหายใจผ่านการดูการยุบพองของท้อง จะทำให้เราเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องที่ทุกข์ไปได้
เมื่อเรามีสติ (mindfulness) รับรู้ความคิด อารมณ์ และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เราต้องฝึกทักษะการทำใจยอมรับว่าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นจริง (Radical Acceptance) เพื่อที่เราจะอยู่กับความเจ็บปวดที่เกิดได้โดยไม่ทุกข์จนเกินไปนัก
การทำใจยอมรับว่าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นจริง (Radical Acceptance)
ความทุกข์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดการมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เช่น อยากกินไอติมแต่พอไปถึงร้านร้านดันปิด, สอบตก, ถูกแฟนเท ดังนั้นเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความทุกข์ได้ เราจึงต้องฝึกที่จะทำใจยอมรับมัน โดยที่ไม่ตัดสิน เมื่อไม่ตัดสินจะทำให้ไม่มีอารมณ์ต่อสิ่งนั้น ทำให้เราสามารถที่จะเข้าใจสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ข้อดีข้อเสียของสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เลือกจะทำต่อ ทำให้เราสามารถตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยเหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์
เวลาที่เรารู้สึกแย่มากๆ เราต้องเบี่ยงเบนความสนใจไปทำอย่างอื่นแทนก่อน เพื่อให้อารมณ์เย็นลงแล้วค่อยตัดสินใจที่จะทำอะไรอย่างมีสติ เช่น การทำกิจกรรมที่ชอบ, การช่วยเหลือคนอื่น, การเบี่ยงเบนด้วยระบบประสาทสัมผัส (เช่น สัมผัสของเย็น, กินของเผ็ด)
พูดถึงดอกซากุระหมอก็อดหวังไม่ได้ว่าปี 2021 นี้สถานการณ์ COVID-19 จะดีขึ้น จนสามารถบินไปดูซากุระบานที่ญี่ปุ่นได้ค่ะ
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
เรื่องแนะนำ :
– เหมยโรยรา ซากุระเบ่งบาน
– สิ่งที่ควรเตรียมเวลาไปชมดอกซากุระ (花見:hanami)
– 20 สิ่งเกี่ยวกับซากุระที่รู้ไว้เถิดจะเกิดผล
– ฤดูใบไม้ผลิญี่ปุ่นกับการเริ่มต้นสิ่งใหม่
– วิถีแห่งซากุระญี่ปุ่น
#ซากุระ