ละครเศร้าญี่ปุ่น แม้จะทำให้คนดูอย่างเราเสียน้ำตาไปมากแค่ไหน แต่ในขณะเดียวกันก็กลับเป็นละครที่มอบพลังใจให้เราพร้อมใช้ชีวิตต่อไป วันนี้เลยขอมาแนะนำละครแนวดราม่า เศร้าๆ เคล้าน้ำตา ที่แฝงไปด้วยข้อคิดที่เป็นพลังบวกให้ได้รู้จักกันค่ะ
ละครญี่ปุ่นแนว “ดราม่า” แม้เนื้อเรื่องจะเศร้า จนทำให้คนดูอย่างเราเสียน้ำตาไปมากแค่ไหน แต่ในขณะเดียวกันก็กลับเป็นละครที่มอบพลังใจให้เราพร้อมใช้ชีวิตต่อไปค่ะ วันนี้เลยขอมาแนะนำละครแนวดราม่า เศร้าๆ เคล้าน้ำตา ที่แฝงไปด้วยข้อคิดที่เป็นพลังบวกให้ได้รู้จักกันค่ะ
1. 1 Litre of Tears
ไม่พูดถึงละครเรื่องนี้ไม่ได้ค่ะ ละครชื่อดังจากญี่ปุ่นที่ คนไทยหลายคนรู้จักค่ะ เป็นละครที่สร้างจากเรื่องจริงของเด็กสาวที่ชื่อ “อายะ” ที่ป่วยเป็นโรค Spinocerebellar ataxia หรือภาวะกล้ามเนื้อเสียหายเป็นเหตุให้ไขสันหลังพิการ ซึ่งเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แม้เธอจะเพิ่งมีอายุได้ไม่มาก อนาคตกำลังจะเป็นไปได้อย่างสวยงาม แต่ก็เหมือนโลกทั้งใบต้องหยุดหมุน เมื่อมารู้ข่าวร้ายว่า ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่นาน แม้จะสิ้นหวัง แต่เธอก็เลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยมุมมองที่ดี พร้อมทิ้ง “ไดอารี่ส่วนตัว” ของเธอเอาไว้ในวันที่เธอไม่อยู่แล้ว เพื่อให้คนที่ยังอยู่อย่ายอมแพ้กับโชคชะตา และมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม
“ฉันจะไม่พูดว่า อยากกลับไปเป็นเหมือนวันเก่าๆอีก…
ฉันจะยอมรับในความเป็นตัวเองและใช้ชีวิตต่อไป”
2. Boku no ita jikan
ละครอีกหนึ่งเรื่องที่เรียกน้ำตาไม่แพ้เรื่องแรกเลยค่ะ และมีเนื้อเรื่องที่ค่อยข้างคล้ายและใกล้เคียงกับเรื่อง 1 Litre of Tears แต่ความต่างก็คือ ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ ไม่ได้สร้างมาจากเรื่องจริง และโรคที่พระเอกต้องต่อสู้มีความแตกต่างจากโรคของอายะค่ะ ซึ่งพระเอกในเรื่องป่วยเป็นโรค ALS หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงค่ะ เรื่องราวก็เกี่ยวกับชีวิตของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า “Sawada Takuto” ที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ และชีวิตกำลังจะเป็นไปได้สวย แม้ตอนแรกจะเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ผลสุดท้ายเขาก็ได้งานที่ดี ทำงานในบริษัทที่มั่นคง พร้อมปลูกต้นรักกับหญิงสาวคนหนึ่ง แต่แล้วเขาก็มาค้นพบว่า ตัวเองป่วยเป็นโรค ALS ซึ่งหมอได้บอกว่า ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และกล้ามเนื้อของเขาจะอ่อนแรงเรื่อยๆ จะไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ในที่สุด หรือแม้แต่จะหายใจเองก็ทำไม่ได้ Takuto รู้สึกสิ้นหวัง เนื้อเรื่องก็เริ่มเข้าสู่จุดที่หดหู่สุดๆ แต่ความเศร้านี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นพลัง ตรงที่ Takuto เลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ด้วยมุมมองที่ดี พร้อมการให้กำลังใจจากคนรอบข้างอย่างครอบครัวและคนที่เขารักค่ะ
3. Ashita Mama ga Inai
แม้ชื่อเรื่องจะดูเศร้าไปสักนิด (พรุ่งนี้ไม่มีแม่แล้ว) และเนื้อเรื่องตลอดทั้งเรื่องชวนให้เราต้องเสียน้ำตา แต่ท้ายที่สุดก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มอบพลังบวกให้กับเราค่ะ เรื่องราวของละครเรื่องนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของเด็กกำพร้ากลุ่มหนึ่งที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง และได้มาอยู่ในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นบ้านหลังเล็กๆ ทุกคนอยู่กันเหมือนเป็นครอบครัว เด็กพวกนี้เชื่อว่า สักวัน “แม่” ของเขาจะกลับมา แต่แล้ววันหนึ่ง ทุกคนก็ได้ค้นพบว่า “แม่” ที่พวกเขาเฝ้าคิดถึง จะไม่มีวันกลับมาหาพวกเขาอีกแล้ว แม้ว่าตอนนี้แม่จะยังอยู่ตรงไหนสักที่บนโลกใบนี้ก็ตาม ละครเรื่องนี้ไม่ได้สื่อให้เห็นแค่สภาพชีวิตของเด็กกำพร้า ที่สังคมต้องหันมาตระหนักมากขึ้น แต่ยังให้ข้อคิดที่ดีอีกค่ะว่า บางทีชีวิตของคนเราก็ไม่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง เราอาจเกิดพบเจอกับอดีตที่เลวร้าย แต่ชีวิตเราก็ต้องเดินต่อไป ต่อให้ไม่มีแม่แล้ว แต่เราก็ต้องเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีชีวิตที่ดีให้ได้
ดงกิ : “ใช่ เธอไม่ควรลืมเขา”
เปียมิ : “เราควรลืมแค่เรื่องเลวร้ายก็พอ”
โพสสึโตะ : “ใช่ มองไปข้างหน้า แล้วเก็บความทรงจำดีๆ ใส่กระเป๋ากันดีกว่า”
4. Shinigami Kun
ละครที่มีเรื่องราวพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของ “ความตาย” แต่ละครเรื่องนี้ได้แทรกข้อคิดการใช้ชีวิต “อยู่ต่อไป” ในทุกๆ ตอนค่ะ Shinigami Kun เป็นเรื่องราวของยมทูตหน้าใหม่ ที่มีหน้าที่มาบอกเวลาที่เหลืออยู่ในห้วงสุดท้ายให้กับคนที่กำลังจะเสียชีวิตลงอีกภายในไม่ช้า แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่ทำให้เขาทำงานพลาดบ่อยๆ และบางครั้งก็ชอบอ่อนไหวไปกับความรู้สึกของมนุษย์ เรื่องราวในแต่ละตอนก็จะเล่าถึงชีวิตช่วงสุดท้ายของคนที่กำลังลาจากโลกนี้ไปค่ะ ว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาอยากทำก่อนตาย แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องตาย แต่มนุษย์ก็ยังใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความหมาย และเต็มไปด้วยพลังจนถึงวันหมดลม หลายครั้งเราคงบ่นว่า อยากตาย เพราะความเหนื่อยยากในบางครั้งใช่ไหมคะ แต่ละครเรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่า ความตายไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด
“เมื่อถึงเวลา ถึงคุณจะไม่อยากตาย แต่ความตายจะมาหาคุณเอง”
แต่สิ่งที่ควรทำคือ การพยายามต่อความยากลำบากให้ถึงที่สุด คนเราเกิดมาได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้น ต้องใช้ชีวิตที่มีอย่างคุ้มค่า
“ไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงใด พวกเขาก็มองหาความหวังและมีชีวิตอยู่ต่อไป
นั่นน่ะ…คือความเข้มแข็งของมนุษย์ไม่ใช่เหรอครับ”
5. Ending Planner
เคยสงสัยไหมคะว่า “ผลสุดท้ายคนเราก็ต้องตายอยู่แล้ว” ถ้าอย่างนั้น…คนเราจะเกิดมามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ทำไมเราต้องมาใช้ชีวิตอันเหนื่อยยากแบบนี้ทุกวี่ทุกวัน ความหมายของการเกิดมาบนโลกใบนี้คืออะไร? ละครเรื่องนี้มีคำตอบ โดยการเล่าผ่านเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่ทำอาชีพเป็นคนจัดพิธีงานศพ ในแต่ละวัน พวกเขาต้องพบเจอกับความตาย เห็นคนร้องไห้เสียใจไปกับการจากไปของคนที่เรารัก และนี่ก็เป็นคำถามค้างคาใจที่ทำให้คิดมาตลอดว่า “ในเมื่อผลสุดท้ายคนเราต้องตาย และเราจะเกิดมาทำไม” และ “พอตายแล้ว คนเราจะไปที่ไหน”
และจากการจัดพิธีงานศพ การที่พวกเขาได้สร้างโอกาสให้คนได้ไว้อาลัยคนที่จากไปอย่างเหมาะสม ทำให้เขาได้ค้นพบว่า “สถานที่แรกที่คนตายจะเดินทางไปถึงคือ การเดินเข้าไปในความทรงจำของใครสักคน” ดังนั้น ความหมายของการมีชีวิตอยู่อาจไม่ใช่ความสำเร็จในหน้าที่การเงิน มีชื่อเสียง มีเงินทอง แต่หากเป็นการได้ใช้ชีวิตกับผู้คนที่เรารักให้ได้มากที่สุด ได้สร้างความทรงจำที่ดีต่อกัน แม้วันใดที่เราหรือเขาไม่อยู่ แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์คือ ความทรงจำดีๆ ที่ได้ร่วมสร้างกันมา เป็นละครอีกเรื่องที่ดูแล้วน้ำตาท่วมจอ แต่ได้ความหมายของการมีชีวิตอยู่ต่อไปค่ะ
นี่ก็คือส่วนหนึ่งของละครญี่ปุ่นแนวเศร้า ดราม่า แต่กลับให้พลังบวก เพราะความพยายามที่จะต่อสู้ชีวิตจากละคร ทำให้คนดูพลอยได้พลังที่จะก้าวเดินต่อไปด้วยรอยยิ้มของวันพรุ่งนี้ หลังจากเสียน้ำตา
เรื่องแนะนำ :
– ศิลปินญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับเพลงที่ฟังแล้ว Feel Good
– มารู้จักเพลงประกอบเพิ่มความอินให้ละครญี่ปุ่นกัน!
– Okitegami Kyoko แฟนเดย์ เป็นนักสืบแค่วันเดียว
– เทคนิคที่ละครญี่ปุ่นใช้เล่าเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่าย
– ประโยชน์จากซีรีส์สืบสวนญี่ปุ่น ที่ได้มากกว่าความสนุก
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
http://4.bp.blogspot.com/-TeTDqvmPBTk/Tj2wMfF9FBI/AAAAAAAAAlI/PIUmvoTtR7Y/s1600/aya+family.jpg
http://nani-kani.blogspot.com/2014/06/drama-review-boku-no-jikan-ita-hours-of.html
http://mydramatea.com/
http://thetreenuts.blogspot.ru/2014/04/shinigami-kun-01.html
https://prcm.jp/album/yous2/pic/11952584