สารภาพกันตามตรงว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้คิดจะลองดูซีรีย์อามะจังก็คือความชอบในตัวของฮาชิโมโตะ ไอ เป็นทุนเดิม และบังเอิญมาเห็นหน้าโนวเน็น เรนะ และเกิดความรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่ารักเหลือเกิน (555555) ดังนั้นลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหาย ซึ่งเหตุการณ์หลังจากนั้นก็คือการที่หยุดไม่ได้อีกเลย
ตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วที่เพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม พยายามยัดเยียด “อามะจัง” ให้ผมรู้จัก และมันก็ใช้เวลาอีกพอสมควร กว่าผมจะหยิบซีรีย์เรื่องนี้มาดูเข้าจริง ๆ และตอนนั้นแหละที่ผมรู้สึกเสียดายว่าทำไมเราถึงรู้จักกับมันช้าขนาดนี้? ช้าเกินไปเสียด้วยซ้ำ
สารภาพกันตามตรงว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้คิดจะลองดูซีรีย์อามะจังก็คือความชอบในตัวของฮาชิโมโตะ ไอ เป็นทุนเดิม และบังเอิญมาเห็นหน้าโนวเน็น เรนะ และเกิดความรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่ารักเหลือเกิน (555555) ดังนั้นลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหาย ซึ่งเหตุการณ์หลังจากนั้นก็คือการที่หยุดไม่ได้อีกเลย จนกระทั่งดูจบครบทุกตอน ซึ่งกินเวลานานอยู่พอสมควร โดยสุดท้ายแล้ว ผมเองรู้สึกว่าการแสดงของโนวเน็น เรนะ ตลอดจนตัวบทที่วางเอาไว้ให้กับอามาโนะ อากินั้น เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของหญิงสาวในสังคมปัจจุบัน ตลอดจนค่านิยมในภาพรวมที่เราเห็นกันอย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดา โดยที่ไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด หรืออย่างร้าย คือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยากทำ หรือเพียงแค่เป็นสิ่งที่ต้องทำ
ถ้าถามว่าสิ่งสำคัญที่เป็นเหมือนแกนของซีรีย์นี้คืออะไร สำหรับผมแล้วมันคือสิ่งที่เรียกว่า Turning Point ซึ่งในอามะจังมันมีตั้งแต่สิ่งที่เป็นขั้นพื้นฐานของตัวบุคคลเอง ที่ได้หลุดจากกรอบเดิมของชีวิตที่เหมือนกับอยู่ในทางตัน ตลอดจนจุดเปลี่ยนของตัวเมือง ซึ่งแผนพัฒนาเมืองเหล่านี้ก็ถือเป็นแกนหลักของอามะจังเช่นเดียวกัน (ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องราวการอยากไปโตเกียวของยุยจัง) อย่างไรก็ตามในที่นี้เราจะพูดถึงเรื่องของโนวเน็น เรนะ ในบทของอามาโนะ อากิ เป็นหลักครับ
อามาโนะ อากิ เป็นคนที่เจอกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิตอย่างไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ หลังจากที่เธอและคุณแม่ (ฮารุโกะ) ได้เดินทางกลับมาที่บ้านเกิด และทำให้อากิได้พบกับสิ่งที่เรียกว่า “อามะ” และกลายเป็นความรัก เป็นความหวังครั้งใหม่ของเธอ ตรงนี้ผมมองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะหากเราย้อนกลับไปมองถึงบริบทเดิมของทางอากิ ที่ได้มีการระบุเอาไว้ว่า อากิเป็นเด็กที่เงียบและหมองหม่น คุณแม่ของเธอกล่าวเอาไว้แบบนั้น และมันก็ฝังอยู่ในหัวของอากิเรื่อยมา นี่ยังไม่รวมถึงประโยคที่บอกว่าบ้านของพวกเขานั้นไม่ค่อยมีใครคุยกันเท่าไหร่ มันเงียบถึงขนาดว่าเสียงถั่วงอกตกยังได้ยินเลย นอกจากนี้ตัวซีรีย์เองในช่วงเริ่มต้นยังถ่ายทอดให้เห็นบ่อยครั้งถึงความไม่สมบูรณ์แบบของสถาบันครอบครัว ผมว่าประเด็นเหล่านี้ คือสิ่งที่อามะจัง ถ่ายทอดออกมาได้ดี และเราสามารถเรียนรู้ หรือรู้สึกตามไปกับมันได้ครับ
ไม่มีใครรู้หรอกว่าการเลือกที่จะทำอาชีพอย่าง “อามะ” คือสิ่งที่ถูกต้องรึเปล่า หรือมันจะเหมาะสมกับเด็กนักเรียนตัวเล็ก ๆ อย่างอากิไหม แต่สิ่งที่อากิได้แน่นอนจากการเป็นอามะก็คือ เธอเริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนจากเด็กสาวที่เงียบเหงา มาเป็นเด็กสาวที่พูดจาเก่งขึ้น มีเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น เธอรู้สึกที่จะรักสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตลอดจนรู้สึกที่จะเสียสิ่งสำคัญของเธอไป เมื่อคราวที่เธอฝ่าฝืนคำสั่งในการว่ายน้ำ และถูกห้ามเป็นอามะ สิ่งเหล่านี้แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ที่เราอาจไม่ได้ใส่ใจอะไรกัน แต่สำหรับบริบทของเด็กสาวที่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว มันกลับเป็นประเด็นที่ใหญ่จนเราไม่สามารถมองข้ามได้เลย
สิ่งที่พิสูจน์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีก็คือเมื่ออากิ ได้พบกับสิ่งที่เป็นเป้าหมายในชีวิต เธอเริ่มเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงตัวเองทีละเล็กทีละน้อย กลายเป็นเด็กสาวที่สดใส ร่าเริง และเข้ากับคนง่าย ราวกับต้องการชะล้างสิ่งที่ผิดพลาด หรือสิ่งที่ขัดขวางความเป็นชีวิคที่สมบูรณ์ของตนในอดีต เธอพัฒนาจนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากจุดที่แม่จำกัดความตัวเธอว่า “หมองเศร้า และมืดหม่น” กลายมาเป็นสิ่งที่คนทั่วไปจำกัดความถึงเธอว่า “อากิเป็นคนน่ารักและใจดี” นี่คือพลังของสิ่งที่เรียกว่า Turning Point ซึ่งจะมีอาณุภาพอย่างยิ่ง ยามเมื่อเราค้นพบ และกล้าที่จะพุ่งเข้าใส่มันอย่างไม่ลังเลใดใด
ในเรื่องของอามะจัง นอกจากประเด็นที่เน้นความสนุกสนานตามแบบฉบับของซีรีย์บันเทิงทั่วไปแล้ว ผมมองว่าประเด็นทางสังคมถูกถ่ายทอดมาอย่างมากมายในซีรีย์เรื่องนี้ หนึ่งในนั้นคือเรื่องการต่อสู้ทางความคิดระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ อากิเองกว่าจะได้เป็นอามะ ก็ต้องต่อสู้กับการต่อต้านของแม่ ซึ่งแม้ตัวแม่เองจะมีเหตุผลมากมายอะไรในตอนแรก แต่สุดท้าย มันก็ไปสู่เหตุผลที่แท้จริงว่า… “ทำไมลูกต้องชอบอะไรที่แม่เกลียดด้วยล่ะ?”… นี่คือบทสะท้อนให้เห็นว่าบางทีเหตุผลที่เรามอบให้กับลูก มันอาจจะไม่ใช่ความจริงใจที่แท้ บางที มันคือความเห็นแก่ตัวอะไรบางอย่าง ที่อยู่ในรูปของความเข้าใจ ที่ไม่ส่งผลดีอะไรเลย
อากิเลือกที่จะต่อสู้กับทุกปัญหาด้วยความจริงใจ เธออาจจะอ่อนต่อโลก? เธออาจจะดูซื่อไปบ้างในบริบทของเด็กรุ่นเดียวกัน แต่เธอก็มีความตั้งใจในแบบของเธอเสมอ อากิเป็นเด็กที่กล้าที่จะฝัน และอยากที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบข้างเสมอ เธอชอบที่จะเห็นคนรักกัน เธอชอบที่จะเห็นบ้านเมืองสงบสุข ทุกคนสนุกสนาน ถามว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะสภาพแวดล้อมนั่นเอง อากิคนนี้ไม่ได้เป็นคนที่ต่างอะไรนักกับอากิในโตเกียวเลย แต่อากิที่โซเดกาฮามะ คืออากิที่เป็นที่รักของทุกคน เป็นอากิที่มีคนพร้อมรับฟังความคิดเห็นตลอดจนปัญหาของเธอเสมอ ดังนั้นถ้าเราหันกลับไปมองรอบตัวเราล่ะ? บางทีเราก็ปฏิเสธโอกาสของคนบางคนไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ใครจะรู้ว่าหากเราให้โอกาสคนเหล่านั้นได้พูด และรับฟังโดยปราศจากอคติ มันอาจจะกลายเป็นพลังบวก และกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของกับคนรอบข้าง อย่างที่อากิกลายเป็นคนสำคัญที่ผลักดันเมืองเล็ก ๆ ของเธอให้มีชื่อเสียง และพัฒนาอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน (แม้กระทั่งตัวยุยจังเองก็ตาม)
นั่นเพราะถ้าเรามองกันจริง ๆ ไม่ใช่ทุกเหตุผลที่แปลว่าถูก การคุยด้วยเหตุผล อาจเป็นเพียงชัยชนะในบทสนทนาเท่านั้น แต่ “พลังบวก” จากความตั้งใจของแต่ละคนต่างหาก ที่เราจะสัมผัสได้ และแม้มันจะผิด แต่เราน่าจะมาช่วยกันแก้ไขพลังบวกที่เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจเหล่านั้นให้อยู่ในรูปรอยที่ถูกต้อง สิ่งนี้จะช่วยให้เราเติบโตอย่างงดงาม แบบที่อากิทำสำเร็จมาแล้วนั่นเอง
อนึ่งการเดินทางของอากิยาวมากกก และ Turning Point ต่อไปช่วงเข้าไปสู่วงการไอดอล จะนำมาพูดถึงในโอกาสอื่น ๆ ซึ่งในภาคไอดอลนั้น เป็นเหมือนภาพแสดงให้เราเห็นว่า อากิที่ผ่านการ “โอบประคอง” จากสังคมที่ถูกต้องและอาจเกิดความมั่นใจในตัวเองขึ้น จะเอาตัวรอดในสังคมจริง ๆ ได้อย่างไร สังคมที่ไม่มีใครรู้จักเธอ และไม่มีใครคอยยืนผลักเธออยู่ข้างหลัง อากิสอนให้เราเอาตัวรอดในหลายๆสถานการณ์ผ่านซีรีย์ “อามะจัง” และเราเชื่อว่าถ้าเรามองอามะจังให้ชัดเจนในภาพรวม เราจะเรียนรู้อะไรได้หลายๆอย่างมากกว่าความสนุกอย่างแน่นอน
อามาโนะ อากิ รับบทโดย โนวเน็น เรนะ นักแสดงมากความสามารถ ที่กำลังตกที่นั่งลำบาก หลังจากเอเจนซี่ของนางแทบจะไม่ป้อนงานอะไรให้เลย
อย่างไรก็ตามจากการที่ตนเองอ่านบทสัมภาษณ์หรือตามข่าวคราวของน้องอยู่บ้าง ก็จะเห็นว่าน้องเป็นเด็กที่โลกส่วนตัวค่อนข้างสูง (มาก) และมักจะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวของเธอเอง ด้วยวิธีการเช่นตะโกนโหวกเหวกบนห้อง หรือนั่งวาดรูป เล่นดนตรี ซึ่งทุกท่านสามารถดูผลงานของน้องได้ทาง http://chunchan912.tumblr.com/ ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าภาพวาดสามารถบอกตัวตนของผู้วาดได้อย่างชัดเจน และภาพวาดของน้องโนวเน็น ก็น่าจะทำให้คนดูรู้สึกสัมผัสตัวตนของเธอเองได้ไม่มากก็น้อย
ยังไงก็แล้วแต่ อามะจังเป็นซีรีย์ที่เราไม่อยากให้ใครพลาดเลย ตอนนี้มีโอกาสได้ชมกันง่ายๆทางช่อง ThaiPBS บ้านเรา ดังนั้นลองเปิดใจดูสักครั้ง รับรองจะไม่ผิดหวังครับ
เรื่องแนะนำ :
– (18+) มวยปล้ำแบบ Ultra Violence เมื่อการหลั่งเลือดคือความสุขของเรา
– The เป็นนักมวยปล้ำญี่ปุ่นต้องทำอะไรบ้าง?
– ว่าด้วยเรื่องของคอสตูมนักมวยปล้ำญี่ปุ่น
– ความน่ากลัวของแฟนมวยปล้ำ
– ความยากลำบากของการเป็นนักมวยปล้ำอาชีพ