สำนึกสาธารณะญี่ปุ่น…สื่อมวลชนญี่ปุ่นได้แสดงจิตสำนึกที่มีต่อส่วนรวมด้วยการพักข่าวความขัดแย้งทางการเมืองไว้ชั่วคราว หันมาเสนอข่าวอุบัติภัยธรรมชาติครั้งประวัติศาสตร์นี้ ด้วยการเน้นย้ำการเข้าแก้ปัญหาของทุกภาคส่วน แต่ก็ไม่แปลกที่…
ในการเดินทางเข้ากรุงโตเกียวครั้งนี้ แทนที่จะพักตามโรงแรม ผมกับเพื่อนร่วมชีวิตเลือกที่จะเช่า serviced apartment เราจะอยู่ที่นี่นานนับสัปดาห์ หากพักโรงแรม ห้องพักขนาดมีที่พอจะยืดแข้งยืดขา มีห้องน้ำในตัว และตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟหลักๆ ของโตเกียว จะแพงจนแทบจับไม่ติด ราคาจะอยู่ระหว่าง 25,000 ถึง 30,000 เยน หรือเฉลี่ยออกมาวันละเกือบ 10,000 บาท

ในราคาที่ถูกกว่าพักโรงแรมกว่าครึ่ง เราโชคดีได้ห้องพักที่ Ikebukuro Duplex Tower ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟในชื่อเดียวกัน ห้องขนาดพื้นที่เกือบ 30 ตารางเมตร ซึ่งตามมาตรฐานโตเกียวนับว่าใหญ่เอาการ นอกจากที่หลับที่นอนแล้วยังมีเครื่องซักผ้า เตารีดพร้อมแผ่นรองรีด มุมทำครัว มีตู้เย็น หม้อหุงข้าว หม้อต้มน้ำ เตาทั้งระบบไมโครเวฟและระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หม้อ กระทะ ช้อนชามมีครบ มีโทรทัศน์จอ 40 นิ้วที่เลือกดูได้ทั้งช่องญี่ปุ่นและต่างประเทศ จากห้องพักสามารถต่อ Internet ความเร็วสูง 100 Mbps.
“ขอโทษด้วยที่เราไม่สามารถเปิดไฟแสงสว่างส่วนกลางได้ทุกดวง” ผู้จัดการบอกกับเราอย่างสุภาพเมื่อเข้าพัก เขาบอกว่าสถานประกอบการทุกแห่งได้รับการร้องขอความร่วมมือ ซึ่งทุกคนต่างทำด้วยความเต็มใจ คนญี่ปุ่นรู้ตัวว่ากำลังไฟฟ้าที่ขาดหายไปนั้น ยากที่จะทดแทนได้ในเวลาอันรวดเร็ว
กระแสการต่อต้านโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ถูกปลุกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าจะมีคนเข้าร่วมแค่หลักพัน แต่รัฐบาลก็รู้ดีว่าจะต้องปรับเปลี่ยนทิศทางการลงทุนด้านพลังงาน วิธีการแบบยุโรปอาทิเช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานจากความร้อนใต้พิภพอาจต้องนำมาใช้ กระทั่งการให้บ้านแต่ละหลังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าให้ใช้ในบ้านตัวเองก็ถูกนำมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ญี่ปุ่นดูประเทศในยุโรป โดยเฉพาะยุโรปเหนือเป็นตัวอย่าง เช่นว่า หลังคาบ้านสำหรับบ้านที่ถูกสร้างหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ จะทำด้วยวัสดุที่สามารถรับแสงอาทิตย์นำมาแปลงเป็นพลังงานความร้อนและพลังงานไฟฟ้า
สำหรับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยเฉพาะฤดูร้อน คนของ TEPCO-Tokyo Electric Power Company กำลังออกเดินทางไปตามประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย ที่ยังคงมีเครื่องปั่นไฟรุ่นเก่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) มีโรงไฟฟ้าเครื่องปั่นไฟใช้น้ำมันดีเซลที่ล้าสมัยปลดระวางไปแล้ว แต่วิศวกรของ กฟผ. ยังคงบำรุงรักษาและเดินเครื่องเป็นครั้งคราวเตรียมพร้อมใช้ในยามฉุกเฉิน โรงไฟฟ้าแห่งนี้อยู่ที่หนองจอก
TEPCO ได้มาเจรจาขอยืมจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตของไทยเป็นระยะเวลาสามถึงห้าปี คนงานจากญี่ปุ่นเร่งถอดชิ้นส่วนของเครื่องปั่นไฟ เตรียมขนลงเรือ…
ญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ พอถึงเดือนมิถุนายน กรกฎาคม ก็จะย่างเข้าฤดูร้อน
หน้าร้อนนี่แหล่ะที่เป็นตัวปัญหา เพราะว่าชาวบ้านจะพร้อมใจกันใช้เครื่องปรับอากาศ คนบ้านเขาอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ ขนาดเท่าแมวดิ้นตาย ยากที่จะเอาอะไรมาทดแทนเครื่องปรับอากาศได้ในฤดูร้อน
น่าสนใจมากครับที่จะคอยดูว่าคนญี่ปุ่นแก้ปัญหานี้อย่างไร
แต่สำหรับวันนี้ ผมเห็นการแสดงออกซึ่งสำนักสาธารณะของคนญี่ปุ่น เด็กนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งพระภิกษุสงฆ์ ในทั่วทุกเมือง ต่างออกมาขอรับบริจาค พวกเขารวมกลุ่มยืนต้านลมหนาวอยู่ตามสวนสาธารณะ ตามสี่แยก ตามหน้าสถานีรถไฟที่มีคนพลุกพล่าน
สื่อมวลชนญี่ปุ่นได้แสดงจิตสำนึกที่มีต่อส่วนรวมด้วยการพักข่าวความขัดแย้งทางการเมืองไว้ชั่วคราว หันมาเสนอข่าวอุบัติภัยธรรมชาติครั้งประวัติศาสตร์นี้ ด้วยการเน้นย้ำการเข้าแก้ปัญหาของทุกภาคส่วน
แต่ไม่แปลกที่เห็นสื่อตะวันตก ประโคมข่าวเรื่องพิษภัยจากสารกัมมันตรังสี สร้างกระแสความหวาดกลัวเกินจริงไปทั่วโลก ทั้งที่ว่าไปแล้วยังไม่มีใครเสียชีวิตสักคนเดียวจากการรับสารดังกล่าว รายงานกันหน้าตาเฉยว่าสารกัมมันตรังสีแผ่ไปถึงชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
เมื่อเดินทางเข้าโตเกียวผมเห็นผู้คนจำนวนมากใช้หน้ากากปิดหน้าจึงคล้อยตามข่าวสำนักฝรั่ง ว่าเป็นเพราะผู้คนกลัวสารกัมมันตรังสีหรือไม่ก็เป็นหวัด ต่อมาจึงทราบความจริงว่า ทุกช่วงฤดูใบไม้ผลิประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่จะมีละอองเกสรดอกไม้ โดยเฉพาะไม้สน และซากุระ ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วเมือง คนที่กลัวแพ้เกสรดอกไม้จะต้องป้องกันตัวเองมิฉะนั้นจะไอจาม คลื่นเหียน อาเจียน เวียนหัว สุดทรมาน แต่ช่างภาพฝรั่งกลับเก็บภาพคนปิดหน้ากากเอาไปบรรยายผิดๆ ว่าชาวโตเกียวปิดหน้าป้องกันสารกัมมันตรังสี
สำหรับการรณรงค์นั้น สถานีโทรทัศน์ต่างๆ ช่วยกันอย่างเต็มที่ คืนหนึ่ง สถานีโทรทัศน์ NHK ได้นำนักร้องรุ่นใหญ่มาร้องเพลงยอดนิยมในอดีต ปรากฏว่าเพลงเอกที่ใช้เป็นลำดับสุดท้ายของรายการยังได้แก่เพลง Ue o muite aruko หรือในชื่อเพลงที่รู้จักกันทั่วโลกเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้วว่า Sukiyaki ของอดีตนักร้องระดับตำนาน Kyu Sakamoto
ท่อนสุดท้ายของเพลงนี้ถอดเป็นภาษาไทยจะได้ความดังนี้คือ
“ฉันแหงนมองฟ้าตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป
กลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้รินไหล
ฉันเดินไปก็ร้องไห้ไป
ตอนนี้ฉันอยู่คนเดียวในค่ำคืนที่อ้างว้าง”
ขอบคุณรูปภาพ : http://www.ashinaga.org/en/news/press/entry-334.html