หลังจากที่ได้รู้จักงาน Open Campus ของญี่ปุ่นกันแล้ว คราวนี้มาเตรียมตัวไปงานกันค่ะ

หลังจากที่ได้รู้จักงาน Open Campus ของ ญี่ปุ่นกันแล้ว คราวนี้มาเตรียมตัวไปงานกันค่ะ สำหรับการแต่งกายนั้น เด็กนักเรียนญี่ปุ่นมักจะใส่ชุดนักเรียนไปกัน หรือไม่ก็แต่งกายลำลองธรรมดา แต่ควรจะเป็นชุดที่สุภาพเรียบร้อย รองเท้าที่ใส่เดินสบาย เผื่อต้องเดินขึ้นลงหลายชั้น เตรียมสมุดโน้ต ปากกาดินสอติดไปด้วย

ถ้าเดินทางไปที่สถาบันด้วยตัวเอง ควรเช็คแผนที่การเดินทางให้ดี หลายๆ สถาบัน มีการจัดรถรับส่งตามจุดใหญ่ๆ เช่นสถานีรถไฟหลักๆ ควรไปถึงก่อนเวลา ตามมารยาทของญี่ปุ่นคือต้องไปก่อนเวลาอย่างน้อยที่สุดคือ 5 นาที ไม่ใช่ไปถึงตรงเวลาเป๊ะนะคะ
10 ข้อสำคัญที่ควรเช็ค
1. การเดินทาง
ถ้าทุกวันที่ต้องไปเรียนแล้วมันไกล มันยากลำบากอาจจะทำให้เหนื่อยเกินไป ฉะนั้น ควรตรวจสอบเส้นทางจากบ้านเดินทางไปเรียนอย่างไร ใช้เวลานานแค่ไหน เช็คตารางรถประจำทาง รถไฟ ค่ารถไปกลับ ราคาตั๋วเดือน เป็นต้น ทางที่ดีถ้ามีเวลาในวันธรรมดา ควรลองเดินทางจากบ้านไปถึงสถาบันดู พร้อมดูสภาพแวดล้อมแถวๆ สถาบันไปด้วย
2. หลักสูตร
แม้ว่าจะใช้ชื่อคณะ หรือสาขาเหมือนกัน แต่หลักสูตรการเรียนการสอนของแต่ละสถาบันใช่ว่าจะเหมือนกันฉะนั้น ก่อนไป Open campus ควรอ่านข้อมูลเตรียมไว้ก่อน จุดไหนที่มีข้อสงสัยจะได้สอบถามเพิ่มเติมให้เข้าใจ
3. สิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ต่างๆ
ข้อนี้ไม่ได้หมายถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเลิศหรู ดูอลังการที่มองเห็นด้วยสายตา แต่ให้ใช้ความรู้สึกของตัวเองดูว่าบรรยากาศของสถานที่เป็นอย่างไร เรารู้สึกสบายใจไม่อึดอัด เช่น ไปห้องสมุดก็ลองใช้เวลาค้นหาหนังสือมานั่งอ่าน
4. วิธีการรับสมัคร
เช็คข้อมูลดูว่ามีวิธีการรับสมัครแบบใดบ้าง เช่น การสอบเข้าทั่วไป การสอบตรงแบบ OA การรับเข้าแบบระบบ Recommend เพื่อที่จะได้เลือกวิธีการสมัครเข้าเรียนแบบที่มีโอกาสเข้าได้มากที่สุด
AO入試 หมายถึงการสอบตรงของสถาบัน เป็นการสอบรอบพิเศษที่ไม่ได้พิจารณาจากผลคะแนนการสอบข้อเขียน แต่เป็นการพิจาณาจากการสัมภาษณ์นักเรียนโดยตรง หรือมีการให้เขียนเรียงความอธิบายเหตุผลที่ต้องการเข้าเรียน
5. บรรยากาศของสถาบัน
ลองดูว่าบรรยากาศในสถาบันเป็นอย่างไร มีชมรมหรือกลุ่มทำกิจกรรมมากน้อยแค่ไหน บางแห่ง มีรุ่นพี่ชมรมต่างๆ มาประชาสัมพันธ์ชมรม ชักชวนน้องๆ ให้มาเข้าเรียนเพื่อที่จะได้มาเข้าร่วมชมรม ดูน่าสนใจ มีความคึกคักไหม
สำหรับนักเรียนต่างชาติอย่างเรา สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ควรสอบถามคือ จำนวนนักเรียนต่างชาติที่กำลังศึกษาอยู่มีมากน้อยแค่ไหน มีนักเรียนชาติไหนบ้าง เพื่อที่จะทำให้ทราบได้ว่าสถาบันนั้นๆ มีความพร้อมที่จะรองรับหรือให้ความช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติมากน้อยแค่ไหน
6. เส้นทางหลังจบการศึกษา
เช็คข้อมูลว่านักเรียนที่จบการศึกษาจากสถาบันมีอัตราการได้ทำงานมากน้อยแค่ไหน เข้าทำงานในบริษัทหรือองค์กรแบบไหน ส่วนใหญ่แล้วสถาบันการศึกษาที่ญี่ปุ่นจะเก็บข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียด เพราะเป็นจุดขายของสถาบันในการที่นักศึกษาสามารถได้งานดีๆ ทำหลังเรียนจบ
7. การสนับสนุนด้านการไปแลกเปลี่ยนหรือทำงานวิจัยในต่างประเทศ
ยกตัวอย่างเช่น มีการทำสัญญาพันธมิตรกับสถานศึกษาต่างประเทศ มีการสนับสนุนให้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้นๆ ไม่ใช่เพื่อที่จะเตรียมตัวไปเที่ยว แต่เพื่อให้รู้ว่าจะมีอะไรที่จะได้ไปเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมบ้าง
8. การสอบใบคุณวุฒิต่างๆ
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการสอบเพื่อให้ได้คุณวุฒิต่างๆ สารพัดชนิด ข้อนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเช็คอีกอย่างหนึ่งว่าหลักสูตรที่สอนจะส่ง เสริมเกื้อหนุนกับการสอบคุณวุฒิต่างๆ ไหม
9. ชื่อเสียงหรือความเชี่ยวชาญ
นอกเหนือจากชื่อเสียงของสถาบันที่อาจจะมีการพูดถึงในสื่อหรือตามอินเตอร์เน็ต แล้ว ถ้าเป็นไปได้ ควรเช็คข้อมูลของอาจารย์ผู้สอนด้วย ข้อนี้ฟังดูอาจจะรู้สึกเหมือน “เยอะ” ไปนี้ด แต่ที่ญี่ปุ่นเค้าให้ความสำคัญกับความเป็นมืออาชีพในสาขานั้นๆ

10. ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ปิดท้ายด้วยเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่ดูแค่ค่าแรกเข้า ค่าเล่าเรียนในปีแรก ในปีต่อๆไป เรียนสูงขึ้น บางวิชาต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆเพิ่มเติม โดยเฉพาะวิชาที่ต้องมีการใช้อุปกรณ์ เทคนิค วัสดุ ส่วนผสมต่างๆ ซึ่งพวกนี้จะไม่ได้รวมอยู่ในค่าเล่าเรียน ที่สถาบันมีระบบส่วนลดค่าเล่าเรียน ระบบให้ทุนการศึกษาไหม
จุดที่ควรต้องเช็คมีเยอะจนเหนื่อยเลยใช่ไหมคะ ยิ่งถ้าไปหลายๆ สถาบันจะเริ่มมึน จำไม่ได้ว่าที่ไหนเป็นอย่างไร จึงควรจดโน้ตไว้ทุกแห่งที่ไปร่วมงานค่ะ เว็บของญี่ปุ่นเค้าถึงขนาดมีแบบฟอร์ม check list กันด้วยนะคะ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว บางคนอาจจะสงสัยว่า เอ…ไปฟังบรรยาย ไปทดลองเรียนเนี่ย เค้าใช้ภาษาอะไรกัน คำตอบคือ “ภาษาญี่ปุ่น” ล้วนๆ ค่ะ แม้จะไม่มั่นใจว่าภาษาญี่ปุ่นของเราแข็งแรงพอไหม ก็อยากแนะนำให้ลองไปร่วมงานดูนะคะ เนื่องจากการเรียนการสอนในระดับมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย อาจารย์ผู้สอนไม่ใช่อาจารย์ในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น ที่จะรู้ว่าเราใช้ภาษาญี่ปุ่นได้มากน้อยแค่ไหน เข้าใจคำศัพท์หรือไวยากรณ์ระดับไหน คำศัพท์ที่ใช้หรือความเร็วในการพูดจะเป็นระดับปรกติที่สอนให้นักเรียน ญี่ปุ่นฟัง
ดังนั้นจะทำให้รู้ว่าเราพร้อม ที่จะเข้าเรียนร่วมกับนักเรียนญี่ปุ่นไหม ฟังเลคเชอร์เข้าใจมากน้อยแค่ไหน จะคุยกับเพื่อนญี่ปุ่นรู้เรื่องไหม ควรจะต้องฟิตภาษาญี่ปุ่นให้มากขึ้นอย่างไรนะคะ
พบปะ “เจ๊เอ๊ด” และ #ทีมเจ๊เอ๊ด ได้ที่ >>> www.facebook.com/jeducationfan
ข้อมูลเรียนต่อญี่ปุ่น-เรียนภาษาญี่ปุ่น >>> www.jeducation.com