บทความครั้งนี้พยายามจะไล่เรียงประวัติของนักมวยปล้ำ เผื่อจะทำให้ทุกคนสนใจกันมากขึ้นครับ อนึ่งบทความนี้ยังไม่เขียนผลบอกล่ะกันครับ เผื่อใครจะอยากชมเต็มๆ แมตช์ จะได้ไม่รู้ผลล่วงหน้า
สวัสดีทุกคนครับ 🙂
จากความตั้งใจที่อยากให้เพื่อนๆ ได้ดูแมตช์มวยปล้ำหลากหลาย เผื่อจะได้รู้ถึงประวัติมวยปล้ำมากขึ้น เพื่อดูค่ายอื่นๆ และเพื่อความสนุกสนานด้วย เลยจะหาแมตช์ดีๆ ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยคัดมาแต่แมตช์ที่ได้รับคำชมในแง่แมตช์แบบแนวชู้ตติ้ง แล้วตัดพวกแนวเทคนิคออกไปก่อนครับ
เผื่อคนไม่เคยดูมาดูแมตช์ล็อคเทพๆ อาจจะเบื่อแล้วพาลไม่ดูไปซะเลย ยังไงจะลองหามาให้ดูเป็นครั้งคราวครับ ติดตามกันไป
โดยส่วนตัวเข้าใจว่าเมื่อเขียนเรื่องมวยปล้ำแล้วคนจะไม่ค่อยเข้ามาอ่านเท่าไหร่ แต่นานๆ เขียนสักครั้งและเลือกเอาเรื่องที่น่าสนใจมา คิดว่าก็น่าจะลองเขียนต่อไป เพราะหลายๆ คนพอดูนักมวยปล้ำที่ไม่รู้จักก็จะไม่อยากดู หรืออาจจะไม่รู้จักนักมวยปล้ำ บทความครั้งนี้เลยพยายามจะไล่เรียงประวัติของนักมวยปล้ำ เผื่อจะทำให้ทุกคนสนใจกันมากขึ้นครับ อนึ่งบทความนี้ยังไม่เขียนผลบอกล่ะกันครับ เผื่อใครจะอยากชมเต็มๆ แมตช์ จะได้ไม่รู้ผลล่วงหน้า

สำหรับแมตช์ที่จะแนะนำในครั้งนี้เป็นแมตช์การปล้ำแมตช์ที่ 4 ในซีรี่ย์คู่ปรับที่เรียกว่าได้ประสบความสำเร็จที่สุดสำหรับรุ่นเล็กในช่วง ระหว่างปี 1989-1991 แล้วต่อยอดไปถึงปี 1995 เลยทีเดียวครับ นั่นก็คือการปล้ำของ Naoki Sano พบกับ Jushin Liger ครับ

แมตช์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเปรียบเสมือนแมตช์ที่เรียกคะแนนนิยมและคะแนนการยอมรับจากแฟนๆ ได้มากสำหรับทั้งสองคน เพราะทั้งคู่ค่อนข้างจะเปิดตัวกับการเป็นนักมวยปล้ำที่ล้มเหลวครับ ผมขอพูดถึงกรณีของ Naoki Sano ก่อน สำหรับเขานั้นเป็นนักมวยปล้ำที่ฝึกอยู่ที่ New Japan Dojo ก่อนที่ได้กลายมาเป็นนักมวยปล้ำระดับล่างๆ ในช่วงเริ่มต้นอาชีพ แต่ก็นานอยู่คือระหว่างปี 1994 -1998
ก่อนที่ในปี 1999 จะได้มาเปิดตัวจริงๆ จังๆ หลังจากชนะยังไลออนท์คัพ ซึ่งเป็นถ้วยที่นักมวยปล้ำดังๆ ของญี่ปุ่นอย่าง มาซาฮิโร่ โชโน่ มาโนบุ นากานิชิ รวมไปถึง จูชิน ไลเกอร์ ในร่างของ ยามาดะด้วยครับ
แต่ถึงกระนั้น ชื่อเสียงของเขาก็ยังไม่โด่งดังถึงขีดสุดเสียที จนได้เข้ามามีแมตช์กับไลเกอร์นี่ล่ะครับที่ทำให้คนพูดถึงเขาอย่างมากมาย เพราะเป็นแมตช์ที่ดีมากจนถึงกับได้รับรางวัลแมตช์ยอดเยี่ยมแห่งปี

หากใครจำได้ ในสมัยก่อนที่ UBC นำเอาศึกบูชิโดมาฉาย นั่นล่ะครับ เราจะไ้ด้พบเห็นนาโอกิ ซาโนะอยู่บ่อยๆ เพราะเขาได้ย้ายไปสมาคม UWFi ตามคำชวนของโนบูฮิโกะ ทาคาดะครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าการปล้ำของ UWF นั้นมีบทนะครับ ไม่ใช่มวยปล้ำจริงแท้แน่นอนอย่างที่น้าติงพากย์ ^^
เขาเป็นนักมวยปล้ำที่เด้งๆ เข้าๆ อยู่ระหว่างรุ่นจูเนียร์และรุ่นเฮฟวี่ ตลอดเลยครับ ปัจจุบันที่ไปปล้ำอยู่ที่ Pro Wrestling Noah ก็มีโอกาสได้ไปชิงแชมป์เส้นใหญ่ แต่ก็พลาดทั้งหมด วนๆ อยู่แบบนี้ครับ แต่ถึงกระนั้นเขาก็มักจะถูกพูดถึงตลอดๆ ว่าเป็นนักมวยปล้ำที่ “น่าเบื่อที่สุด” คนนึงเลยครับ ฮ่าๆ
สำหรับจูชิน ไลเกอร์นั้น หลายๆคนคงจะรู้จักกันแล้วครับ หรือบางคนอาจจะสงสัยว่ามันอุลตร้าแมนร่างไหนกันแน่ ไม่ใช่นะครับ จูชิน ไลเกอร์ เป็นนักมวยปล้ำที่มีชื่อเสียงตั้งแต่เรียนไฮสคูลแล้วครับ เพราะแข่งมวยปล้ำระดับไฮสคูล (ไม่ทราบว่าเหมือนอินเตอร์ไฮ รึเปล่า?) ไปแพ้ คาวาดะ ในรอบชิง ก่อนจะไปฝึกกับ นิว เจแปน โดโจ เช่นเดียวกับ นาโอกิ แต่อย่างว่าครับ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างตัวเล็ก เลยต้องยอมแพ้กับการแข่งขันแล้วไปฝังตัวอยู่ที่เม้กซิโก ช่วงนั้นเขาได้รับอิทธิพลเรื่องการใส่หน้ากากแล้วครับ เป็นส่วนหนึ่งให้เกิดแรงบันดาลใจ
ผมเคยฟังอินเทอร์วิวเมื่อนานมาแล้ว ตอนแรกก็ฟังไม่รู้เรื่อง พอดีไปเจอคนแปลในบอร์ดที่โพสไว้ มีประโยคนึงที่ประทับใจก็คือ “No matter who you are, where you from, wear the MASK!” ซึ่งเป็นคำพูดที่ไลเกอร์จำมาตลอดครับ
แนวคิดนี้คือ แนวคิดของนักมวยปล้ำสวมหน้ากากทุกๆ คน ที่ว่าไม่ว่าเราจะร้องไห้ เราจะหน้าเละขนาดไหน เพียงใส่หน้ากาก เราจะกลายเป็นอีกคน ดังนั้นแค่เราออกไปสู้เต็มที่ก็พอ (คนอ่านการ์ตูนหน้ากากเสือจะเข้าใจครับ)

ไลเกอร์กลับมา NJPW ในภายหลังครับ แต่ก่อนหน้านั้นเขาได้ไปเรียน MMA มาซะด้วย ซึ่งตรงนี้คือจุดเริ่มต้นของการใช้ท่าหมุนเตะ และโชเทย์ (ตบสุดเหยียด) ซึ่งไลเกอร์เคยทำได้ไวมาก (ท่านี้จริงๆมันไม่ได้แรงเหมือนในมวยปล้ำนะครับ อย่างที่บอกว่าตบสุดเหยียด มันเอาไว้กันคู่ต่อสู้จะระยะนอก อย่างรวดเร็วครับ
คือถ้ายืดไปแล้วดึงมือกลับมาช้า ก็เสี่ยงที่จะถูกล็อคสูงครับ – ส่วนหมุนเตะก็ทำให้แกตายในตอนสู้ MMA เหมือนกัน – – ) ในเวลาเริ่มต้นนั้น ยามาดะ ค่อนข้างล้มเหลวนะครับ คือในแง่การยอมรับ ในแง่ฝีมือ ในแง่รางวัล ตรงนี้โอเคครับ ได้ถ้วย ยัง ไลออนท์ เช่นเดียวกับซาโนะ แต่ที่มันขาดๆ อยู่ก็คือความประทับใจ ความดึงดูด เหมือนที่เค้าว่ากันว่าสิ่งสำคัญของนักมวยปล้ำ คือทำยังไงให้มีคนยอมเสียเงินเสียทองเพื่อมาดูคุณเพียงคนเดียว? นี่คือสิ่งที่เขาขาดไปครับ
ดังนั้นการถือกำเนิดของ จูชิน ไลเกอร์ จึงกลายเป็นตำนานบทหนึ่งที่สมัยนั้นหาไม่ค่อยได้ครับ และเมื่อรวมกับฝีมือและบทบาทแฟนตาซี ทำให้เขาได้รับความชื่นชมจากเด็กๆ (บ้าการ์ตูน) และแฟนมวยปล้ำ (บ้าฝีมือ) ไปเต็ม ดังจะเห็นว่าไลเกอร์เป็นเพียงไม่กี่คนที่ได้รางวัลทางกีฬามวยปล้ำหลายปี ติดต่อกัน
ไม่ว่าจะเป็นนักมวยปล้ำที่ดีที่สุดในโลก 1990-1992 นักมวยปล้ำเทคนิคดีที่สุดในโลก 1989-1992 นักมวยปล้ำเหินเวหาดีที่สุดในโลก 1989-1993 จะมีก็เพียงกิมมิคดีที่สุดในโลก ที่ได้ในปี 1989 เพียงปีเดียว ก่อนจะเสียให้ The Undertaker ที่ครองตำแหน่งไป 5 ปีรวด ตั้งแต่ 1990-1994

ข้อมูลเบื้องต้นอาจจะทำให้แฟนๆมวยปล้ำหลายคนอยากจะดูแมตช์นี้แล้วนะครับ ^^ หรืออาจจะไม่อยากดูก็ได้ (ฮ่าๆ) สำหรับใครที่ยังไม่อยากชม ก็ขอบอกเพิ่มว่าจูชิน ไลเกอร์ เป็นผู้ที่คิดท่า Shooting Star Press เป็นคนแรกครับ
เขาบอกว่าได้รับอิทธิพลมาจากการ์ตูนเรื่องหมัดเพชร ฆาตดาวเหนือ ท่านี้ตอนนั้นฮือฮากันมากๆ ครับ ได้รางวัลทายอดเยี่ยมของโลกในปี 1987-1988 แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นท่าไม้ตายลับสุดยอดที่นานๆ จะปล่อยออกมาซะที และแมตช์นี้ก็เป็นอีกแมตช์นึงครับ ที่เขาได้ใช้ท่านี้ ไปดูของออริจินอลกันครับ ว่าจะเป็นอย่างไร !! (คนแรกและคนเดียวของโลก ณ เวลานั้น) แล้วอย่าลืมว่าไลเกอร์เป็นนักมวยปล้ำรุ่นเล็กที่ตัวค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นการใส่ท่าแบบนี้จึงเป็นเรื่องยากมากทีเดียวครับ ^^

แมตช์นี้ชิงแชมป์ IWGP Jr. Heavyweight นะครับ เป็นแมตช์ที่ค่อนข้างนานและโหดเอาเรื่องเลยทีเดียว ! ! ไลเกอร์สู้กันขาดใจ สูสีมากทีเดียวครับ มีเหตุการณ์สำคัญๆ หลายอย่างในแมตช์ ทั้งการใส่ท่าอันตรายบนคอนกรีต ท่าเหินเวหาต่างๆ นานา รวมไปถึงการฉีกหน้ากากของไลเกอร์ด้วยครับ
ผลจะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ตามลิ้งค์ที่มีมาให้นะครับ หลังจากแมตช์นี้จบชีวิตของไลเกอร์รุ่งเรืองขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ แต่กับนาโอกิ ซาโนะ เขาก็ยังเป็นซาโนะ เด้งๆ ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนเดิมครับ ย้ายไป SWS UWF ก่อนจะกลับมายังค่าย NOAH ในปัจจุบันครับ ^^
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ