คั่นรายการ โดย Lordofwar Nick
ว่าด้วยเรื่องของ “มูซาชิ” ในการ์ตูนและเกม (เอาเท่าที่ผมรู้จัก)
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน มาตามสัญญาแล้วนะครับกับการที่ผมจะมาโม้เรื่องของ “มูซาชิ” ในการ์ตูนและเกม (เอาเท่าที่ผมรู้จัก) ต้องยอมรับจริงๆ เลยว่า ด้วยอานิสงส์ความโด่งดังของนิยายเรื่อง “มิยาโมโต้ มูซาชิ” ของโยชิคาวะ เอจิ ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2482 (84 ปีมาแล้ว โอ้ว)
ซึ่งความดังของนิยายเรื่องนี้ กลายเป็นการสร้าง “ภาพจำ” ของมูซาชิที่ถูกเอาไปผลิตซ้ำกันอย่างมากมายใน pop culture สมัยใหม่ อันที่จริง มูซาชิก็เป็นคนดังตั้งแต่ยุคเอโดะแล้วด้วยความที่เรื่องราวของมูซาชิ (โดยเฉพาะเรื่องประลองกับโคจิโร่) ถูกเอาไปเล่นในละครคาบูกิ ในโจรุริ (浄瑠璃 ดนตรีเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ทายูร้องร่วมกับชามิเซ็น) พูดง่ายๆ คือเรื่องราวของมูซาชิถูกทำให้เป็นเรื่องเล่าเพื่อความบันเทิงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว (จนบางทีก็พูดยากว่าเรื่องใดจริงเรื่องใดแต่ง) ไอ้เรื่องความเก่งเวอร์ของมูซาชิถึงกับถูกวาดเป็นภาพอุคิโยเอะมาแล้วนั่นคือ “มูซาชิสู้กับปลาวาฬ” โอ้ ขุ่นพระ!
ภาพ “มูซาชิสู้กับปลาวาฬยักษ์” โดย อุตากาวะ คุนิโยชิ งานปี 1847 (ที่มา wikipedia)
เพียงแต่ว่า ภาพของความเป็นฮีโร่ความมุ่งมั่นอยากจะเป็นนักดาบอันดับหนึ่งฝากชื่อในแผ่นดิน ความมุ่งมั่นที่จะอยู่ในวิถีแห่งดาบขนาดวิ่งหนีผู้หญิง อะไรพวกนี้ ภาพที่นิยายของโยชิคาวะ เอจิวาดไว้ มันคงจะ “โดนใจ” คนญี่ปุ่น ถูกกับค่านิยม กระแสสังคมของญี่ปุ่นในยุคหลังสงครามเอามากๆ ถึงได้ฮิตระเบิดขนาดนั้น
ว่าแล้วก็มาว่ากันเลยครับ
การ์ตูน “มิยาโมโต้ มูซาชิ” ฉบับอิชิโนะโมริ โชทาโร่
อันนี้เป็นการ์ตูนเก่าคลาสสิกจริงๆ อาจารย์อิชิโนะโมริ ผู้ให้กำเนิด “คาเมนไรเดอร์” นี่เคยเป็นอาจารย์ของอาจารย์นางาอิ โก สมัย อ.นางาอิยังเป็นผู้ช่วยด้วยนะครับ โอ้โฮเฮะ การ์ตูนเวอร์ชั่นนี้การเดินเรื่องมีความอิงกับนิยายของโยชิคาวะ เอจิอยู่ แต่รายละเอียดค่อนข้างถูกรวดรัดตัดทอนไปมาก อย่างไรก็ดี มันเป็นการ์ตูนที่ตอบโจทย์ความบันเทิงของยุคสมัยได้ และอาจถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เอาเรื่องราวของมูซาชิมาเขียนเป็นการ์ตูน
ที่มา amazon.it
มูซาชิ เจ้าหนูเคนโด้ (六三四の剣)
นี่เป็นเรื่องราวของนักเคนโด้สมัยใหม่ที่มีกลิ่นอายของการเชิดชู “มิยาโมโต้ มูซาชิ” อยู่ในที พ่อผู้เป็นยอดนักเคนโด้ของกรมตำรวจ ดีใจมากลูกชายเกิดมา หมายใจจะให้ลูกชายเป็น “ยอดนักดาบอันดับหนึ่งของแผ่นดิน” เลยตั้งชื่อลูกชายว่า “มูซาชิ” (六三四) ให้พ้องเสียงชื่อของมิยาโมโต้ มูซาชิ ซึ่งพอโตมาก็ยอดนักเคนโด้รุ่นจิ๋วได้จริงๆ แต่ชีวิตจิตใจกลายเป็นหักเหเมื่อพ่อโดนท่าแทงคอหอยจนตายจากการแข่งเคนโด้ จึงมุ่งมั่นฝึกเพื่อล้างแค้นแต่ในที่สุดก็รู้สึกตัวได้ว่าตัวเองเดินทางผิด หลังจากการต่อสู้ผ่านความอะไรต่ออะไรหลายอย่าง มูซาชิซึ่งกลายเป็นหนุ่มแล้วก็ตัดสินใจเลือกทางเดินอนาคตตัวเองด้วยการไปเรียนวิทยาลัยครู หวังใจจะเป็นครูสอนกีฬาเคนโด้เพื่อเด็กๆ เยาวชนคนรุ่นหลังต่อไป
มูซาชิตอนหนุ่มก็เท่ดีนะครับ (ที่มา metalbridges.com)
เรื่องนี้ผมไม่มีโอกาสได้อ่านฉบับหนังสือการ์ตูนหรอกนะครับตอนเด็กๆ แต่ได้ดูฉบับการ์ตูนทีวีอยู่ (ช่อง 9 การ์ตูน) ซึ่งก็ไม่ได้ว่าดูจนจบหรอกนะครับ (เนื้อเรื่องตอนท้ายอ่านรีวิวเอา 555) สิ่งที่ผมสะกิดใจก็คือ เรื่องของการที่เชิดชู “มิยาโมโต้ มูซาชิ” แบบว่า อยากจะเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น (ซึ่งในบริบทยุคใหม่คือเป็นนักกีฬาเคนโด้) สู้แทบเป็นแทบตายกว่าจะชนะ แต่สุดท้าย บางที การเป็นผู้ชนะหรือเป็นยอดนักดาบ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่มีความหมายเท่ากับว่า “เราจะทำอะไรให้แก่สังคมได้บ้าง” ซึ่ง “นัทสึกิ มูซาชิ” ในเรื่องนี้ก็ตั้งใจจะเป็นครูเพื่อเอาสิ่งที่รู้ที่เรียน มาสร้างประโยชน์ให้สังคมด้วยการสร้างคนผ่านกีฬา นี่แหละครับ
พูดถึงตรงนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ ว่าที่แท้แล้ว คุณค่าของมิยาโมโต้ มูซาชิ ที่แท้จริง ก็คือการที่แกทิ้ง “คัมภีร์ห้าห่วง” และ “วิถีเดินเดี่ยว” เอาไว้เป็น “คำสอน” นี่หละ
มูซาชิ จ๊กมก ใน “ไยบะ”
ถ้าการ์ตูนเรื่อง “มูซาชิ เจ้าหนูเคนโด้” มีกลิ่นอายของการเชิดชู “มิยาโมโต้ มูซาชิ” อยู่ในทีละก็ การ์ตูนเรื่อง “ไยบะ” นี่ ก็นับว่าเอา “มิยาโมโต้ มูซาชิ” มาล้อเลียนปู้ยี่ปู้ยำซะเสียคน สะท้อนทัศนคติที่มีต่อ “มิยาโมโต้ มูซาชิ” ในทางลบแบบว่า เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาแล้วมูซาชิก็เป็นคนที่ถูกมองทั้งในแง่บวกแง่ลบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อาจจะตั้งแต่สมัยยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ นับว่าเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างจะ controversial มาก ทั้งเรื่องเก่งจริงหรือเปล่า บลาๆๆ อย่างที่ท่านผู้อ่านได้อ่านไปในตอนที่แล้ว ซึ่งมูซาชิในไยบะนี่ก็สือ่ภาพลบๆ ของมูซาชิแบบไม่เกรงใจ แบบเป็นตาแก่ลามกหื่นกาม ชอบดูกุงเกงในสาวๆ ทั้งเจ้าเล่ห์เพทุบายออกแนวลิงหลอกเจ้า (สะท้อนทัศนคติที่ว่ามูซาชิชนะเพราะโกงเก่ง เล่นเกมตุกติก หาใช่เพราะฝีมือไม่)
ดูแววตาและรอยยิ้มที่จริงใจของเค้าสิครับ 555 (ที่มา metalbridges.com)
แต่เอาจริงๆ ถ้าเทียบกับเรื่องที่ว่าชอบไปตีกะหลี่แล้ว เรื่องแอบดูกางเกงในสาวๆ เนี่ย จิ๊บๆ มาก
อาคาสึกิ มูซาชิ (暁武蔵) ใน The Last Blade
The Last Blade เป็นเกมไฟท์ติ้งดวลดาบของค่าย SNK ที่อาจจะเรียกว่าเป็น Samurai Spirits ฉบับปลายยุคเอโดะก็ได้ กราฟฟิกการออกแบบตัวละครเหมือนมีกลิ่นอายของการ์ตูน “ซามูไรพเนจร” (Rurou ni Kenshin) เอามากๆ ผมประทับใจกับตัวละคร “วาชิซากิ” ที่เป็นนักดาบกลุ่มชินเซ็น (นี่มันไซโต้ ฮาจิเมะ นี่หว่า) และก็ “ลี เร็กกะ” (หวงเฟยหงชัดๆ) แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเพราะประเด็นที่ผมจะพูดวันนี้คือ รองบอสของเกมนี้ มีชื่อว่า อาคาสึกิ มูซาชิ (暁武蔵) ครับ เห็นการออกแบบตัวละครแล้ว ไม่เหมือนมิยาโมโต้ มูซาชิ ตรงไหน ให้เอาปากกามาวง นะครับ 555 ต้องถือดาบสองมือด้วยนะ
โปรไฟล์ในเกมตัวสูงใหญ่เวอร์ (6 ชาคุ 6 ซุน=220 ซม. เลย) (ที่มา fightersgeneration.com)
การออกแบบตัวละครแบบนี้มันสะท้อนทัศนะที่ว่า ถึงมูซาชิจะเก่ง แต่ก็เก่งแบบอารมณ์ประมาณว่า ไม่ใช่คน แบบว่าดุร้าย บ้าพลัง ดูเก่งแบบตัวร้ายมากกว่าเก่งแบบพระเอก ที่จริงการวาดกราฟฟิกให้มูซาชิตัวสูงใหญ่เหมือนยักษ์นั้น ต้นเค้ามาจากว่า ในหนังสือ “เฮโฮไทโซะบุชูเก็นชินโคไรเด็น” 兵法大祖武州玄信公伝来 ซึ่งเขียนในราวปี 1727 (คือหลังจากมูซาชิตายไป 82 ปี) พรรณนาว่ามูซาชิสูง 6 ชาคุ (ตีเป็นราว 182 ซม.) ซึ่งถ้าจริงนี่ก็เทียบกับคนญี่ปุ่นยุคนั้นที่ตัวเตี้ยๆ นี่ก็ยักษ์ดีๆ นี่เองครับ
มูซาชิ (無三四) ในเกม Soul of the Samurai
Soul of the Samurai เป็นเกมแอ็กชั่นกึ่งๆ ผจญภัยสามมิติของ KONAMI ใน Play Station ที่เนื้อเรื่องมีกลิ่นของไบโอฮาซาร์ดหน่อยๆ แต่เป็นยุคเอโดะจ้ะ จะมีเนื้อเรื่องสองส่วนที่ต้องเคลียร์ทั้งสองอันก่อนจะเจอบอสใหญ่ คือเนื้อเรื่องในส่วนของนักดาบพเนจร “ฮิบะ โคทาโร่” กับนินจาสาว “ริน” ซึ่งในส่วนของฮิบะแน่นอนว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยดาบ ซึ่งจะมี “บอสลับ” ให้แวะไปหาที่ชายหาด “กันริวงะฮามะ” (巌流ヶ浜) นั่นคือ “มูซาชิ” (無三四 มาอีกละ มุกคำพ้องเสียง) นักดาบพเนจรผู้ใช้ดาบสองมือ (ว่าแล้ว) ซึ่งเมื่อพระเอกสู้ชนะ พระเอกก็จะได้ดาบคู่ โคการาสุมารุ กับ โอนิมารุ (小烏丸・鬼丸) มาใช้ได้ (โห)
มูซาชิในเกมนี้ค่อยดูเป็นคนขึ้นมาหน่อยนึง แต่ก็ยังติดภาพลักษณ์ของการเร่ร่อนเพื่อวิถีแห่งดาบ ประมาณว่า “อยู่เพื่อดาบ ตายเพื่อดาบ” ประมาณนั้นอยู่ดี
Vagabond
ตอนที่การ์ตูนเรื่องนี้ออกใหม่ๆ ผมสนใจมาก เพราะหนึ่ง โปรยหัวชัดเจนเลยว่า ดัดแปลงมาจากนิยายของโยชิคาวะ เอจิ สอง เป็นงานของ อ.อิโนะอุเอะผู้เขียนสแลมดั๊งค์ ซึ่งลายเส้นสวยงามน่าอ่านและดูได้อารมณ์จริงจัง แต่พออ่านๆ ไปผมหยุดเลย เพราะการเดินเนื้อเรื่อง จะเดินตามเนื้อเรื่องในนิยายต้นฉบับก็ไม่ กลายเป็นเขียนอะไรหลายๆ อย่างได้แบบ อิหยังวะ (คือก็เข้าใจว่าอาจารย์คงจะอยากจะเขียนในแบบ “การตีความในแบบฉบับของตัวเอง”) และการบิดเนื้อเรื่องให้ออกทะเลไปแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้เรื่องสนุกขึ้นด้วย (ในความรู้สึกของผม) เลยเลิกอ่านครับ ได้ยินเขาพูดในพันทิปด้วยว่า ตัวอาจารย์แกพอเขียนเนื้อเรื่องออกทะเลไปมากๆ มันไม่รู้จะไปต่อยังไง (ก็แหงล่ะ) เลยหมดกำลังใจ เทงาน เลิกเขียนซะดื้อๆ ไปเลย (ไหงงั้นวะ) คือกลายเป็นงานที่เหมือนจะเอาชื่อโยชิคาวะ เอจิ ผู้เขียนนิยายต้นฉบับมาแปะป้าย แต่ดันทำซะเสียหมด เห้อ
ถ้าอยากจะเอามูซาชิมาเขียนใหม่ตามใจตัวเอง ก็ต้องเอาให้สุด เหมือนการ์ตูนอีกเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ครับ รับรองว่าสุดจริง จนต้องอุทาน “เชี่ย” กันเลย 555
แต่ยอมรับนะ อ. อิโนะอุเอะแกวาดมูซาชิออกมาได้ เถื่อนแต่เท่ เอามากๆ (ที่มา Vagabond Wiki)
“บากิโด”(刃牙道) คืนชีพมูซาชิ 2014
ถ้าเรื่อง Vagabond ของ อ. อิโนะอุเอะ นี่ ทำให้ผมแบบบอกไม่ถูกเลย อิหยังวะเนี่ย “บากิโด” ของอีตาเกย์สุเกะ 555 ก็ทำให้ผมสามารถอุทานออกมาได้แบบไม่ต้องคิดเลยว่า…
…สัส….
คิดได้ไง ขุดศพมิยาโมโต้ มูซาชิ (ตัวจริงในประวัติศาสตร์) ขึ้นมาจากหลุมเพื่อเอาเซลล์มาทำ “โคลนนิ่งมูซาชิ” แล้วโคลนนิ่งมูซาชิก็นะ ใช้พลังจิตสร้างดาบขึ้นมาฟันได้ แถมตอนหลังใช้ดาบฟันรถถังได้อีก
ศพของมูซาชิในชุดนักรบใส่เกราะเต็มยศ
ไร้ดาบก็เหมือนมีดาบ ใช้พลังจิตสร้างดาบได้!! (อันนี้ภาพย้อนอดีตครั้งยังมีชีวิตอยู่ในยุคเอโดะ)
โคลนนิ่งมูซาชิ สามารถใช้วิชา “นิเท็นอิจิริว” ขั้นสุดยอด ไม่มีดาบในมือก็จู่โจมเหมือนมีดาบได้!!
ให้มันได้หยั่งงี้สิวะ!!!
การ์ตูนเรื่องบากิเป็นการ์ตูนที่ต้องใช้ใจอ่าน คืออ่านเอาความมันส์สะใจให้มันแบบซึมลงไปในจิตใต้สำนึกพอละ ไม่ต้องถามหาหลักการหรือเหตุผลใดๆ 555
ร้านอาหาร “มิยาโมโต้ มุนาชิ” (宮本むなし)
นอกจากจะโดนเอาชื่อหรือคาแรกเตอร์ไปอยู่ในการ์ตูนหรือเกมแล้ว ยังอุตส่าห์โดนเอาไปเป็นชื่อร้านอาหารอีก ให้ตายเถอะ 5555 ร้านยี่ห้อนี้อารมณ์เหมือนเชนร้านขายอาหารราคาถูกจำพวกอาหารชุด ข้าวหน้าต่างๆ (ดมบุริ) อุด้ง ข้าวแกงกะหรี่ (มันก็ประมาณอาหารตามสั่งบ้านเรา) ซึ่งมีร้านสาขานึงมีคนไปเม้นท์ใน tripadvisor.com ว่า “ราคาถูกแต่อย่าไปคาดหวังเรื่องรสชาติ” (เห็นว่าร้านนี้เติมข้าวไม่อั้นด้วย ร้านแนวเน้นปริมาณเหมือนข้าวหมูทอดเมืองไทยเลยฮะ) ร้านราคาถูกพวกนี้มักจะแบบ มีตู้ขายตั๋ว เราก็ไปเลือกๆ อะไรที่จะกิน หยอดเหรียญแล้วจ่ายตัง ได้ตั๋วมาเอาไปยื่นให้เขาทำตามออเดอร์ เคยกินร้านแนวๆ นี้ที่โอซาก้าแถวอุเมดะ อาหารโคตรห่วยเลยงับๆ แบบว่าไปซื้อพวกอาหารกล่อง (เบนโตะ) กินยังอร่อยกว่าเลย
ภาพร้าน “มิยาโมโต้ มุนาชิ” (宮本むなし) สาขาหน้าสถานียามาโต้ไซไดจิ (จังหวัดนารา) ที่มา tripadvisor.com
…ให้ตายสิ ถือดาบสองมือด้วยนะเอ้อ ดูดิ…
เขียนเพิ่มนะจ๊ะ 30 ตุลาคม 2566: ล่าสุด มูซาชิ ไปปรากฎตัวเป็นตัวประกอบในเรื่อง “มหาศึกคนชนเทพ” โดยถูกวาดภาพเป็นนักดาบร่างยักษ์ผู้ใช้ดาบสองมือ แต่ไม่ได้มาสู้นะ มาเกาะขอบสนามเชียร์โคจิโร่ “ผู้แพ้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์” เฉยๆ เอ๊ง พร้อมกับอิโอริลูกบุญธรรมและบรรดานักดาบร่วมสมัยในประวัติศาสตร์เท่านั้นเอง เห็นแล้วก็ ฮาดีครับ
…มาเชียร์โคจิโร่เฉยๆ นะ (ฮา)…
แต่ถึงจะเป็นโคจิโร่ลงสู้แทน แต่ก็ใช้วิชาดาบสองมือที่ “ซึมซับ” ผ่านการจินตนาการว่าดวลดาบกับมูซาชิมาเป็นพันเป็นหมื่นรอบ บวกกับพลังของวัลคีรี จึงก่อกำเนิดอาวุธเทพอันใหม่คือ “ดาบสองมือ” สำเร็จกลายเป็นวิชาของตัวเอง “นิเท็นกันริว” (二天岩流) ด้วยเนี่ยสิ โอ ให้มันได้หยั่งงี้สิ
ต้องใช้วิชาของมูซาชิมาผนวกเข้าด้วยนะครับ ถึงเอาชนะเทพได้
เป็นไงกันบ้างครับหนุกหนานดีไหมครับกับเนื้อหาที่นำมาเสนอในคราวนี้ ก็คงด้วยความที่เขียนเรื่อง “คัมภีร์ห้าห่วง” อาจจะอยู่ในโหมดจริงจังมาเยอะละ พอคั่นรายการก็เขียนเอาฮาเลย 55 ยังครับยังๆ ผมยังจะมีเรื่อง “คั่นรายการ” แบบนี้ไปอีกสักพักจนกว่าจะเริ่มซีรี่ส์ใหม่ซึ่งจะเป็นอะไรนั้นก็ติดตามกันด้วยนะครับ วันนี้ขอลาไปก่อนพบกันใหม่สัปดาห์หน้าสวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– เกร็ดประวัติของ “มิยาโมโต้ มูซาชิ” แบบชีวิตจริงที่ไม่ใช่ฮีโร่ในนิยาย!?
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (89) คัมภีร์แห่งอากาส (ที่ว่าง)
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (88) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): สิบเอ็ด ปัจฉิมลิขิต
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (87) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): สิบ สิ่งที่เรียกว่า ใน นอก ในสายสำนักอื่น
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (86) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): เก้า การใช้ความเร็วในพิชัยสงครามอื่น
#ว่าด้วยเรื่องของ “มูซาชิ” ในการ์ตูนและเกม (เอาเท่าที่ผมรู้จัก)