MAGURO x NO NAME NOODLE มื้ออาหารญี่ปุ่นสุดพิเศษ ตอน RAMEN RHAPSODY สัมผัสกับประสบการณ์ที่มี “การให้มากกว่าที่ขอ” หรือ GIVE MORE ผ่านคอร์สอาหารสุดพรีเมี่ยมและจัดการอย่างละเอียดลออพิถีพิถันตามวิถีญี่ปุ่นแบบที่เรียกว่า โคดาวาริ (KODAWARI)
กลับมาอีกครั้งกับอีเว้นท์พิเศษประจำปีของ “MAGURO” มากุโระ ร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่นพรีเมี่ยม โดยครั้งนี้เป็นการจับมือกันกับเชฟราเมนชื่อดัง นั่นก็คือ “เชฟชิน” หรือเชฟชินจิ อิโนะอุเอะ ผู้ก่อตั้งร้าน “NO NAME NOODLE” ในคอนเซ็ปต์ “MASTERS OF FLAVORS” ตอน Ramen Rhapsody เป็นการสัมผัสกับประสบการณ์ที่มี “การให้มากกว่าที่ขอ” หรือ GIVE MORE ผ่านคอร์สอาหารสุดพรีเมี่ยมและจัดการอย่างละเอียดลออพิถีพิถันตามวิถีญี่ปุ่นแบบที่เรียกว่า โคดาวาริ (KODAWARI)
บอกเลยว่าเป็นคอร์สอาหารที่น่าประทับใจ จนรู้สึกอยากให้มีในเมนูประจำ Season ของร้าน MAGURO กันเลยทีเดียว (จะได้แอบย่องมากินอีกบ่อยๆ ไง ก็.. มันเป็นคอร์สที่น่าสนใจเบอร์นั้นเลยละนะ)
มาติดตามกันเลย (^o^)/
คอร์สนี้ มีจานหลักๆ ที่ควรค่าแก่การให้ความสนใจอยู่ 3 จาน นั่นก็คือ จานหลัก Kaisen Tsukemen หรือโซบะเสิร์ฟเย็นสูตรเฉพาะจากทางร้าน NO NAME NOODLE ที่เพิ่มความสดใสและเลอค่าด้วยการผสานกับวัตถุดิบสดใหม่สุดพรีเมี่ยมจากร้าน MAGURO จานที่สองคือ Wafu Buta Meshi หรือข้าวหน้าหมูชาชูเนื้อนุ่มเคี้ยวเพลิน และจานสุดท้ายนั่นก็คือ เมนูล้างปากจบคอร์สอย่างสวยงามด้วย ไอศรีมยูซุ ที่ให้ความรู้สึกสุดสดชื่น…
เชฟชินเริ่มต้นคอร์สด้วยการบอกเล่าเรื่องราวของการสร้างสรรค์เส้นสำหรับเมนู Kaisen Tsukemen ด้วยวัตถุดิบอย่างดี และคัดสรรมาเพื่อให้ได้เส้นที่มีรสสัมผัสนุ่มนวลรสชาติลงตัว ระหว่างนั้นก็จัดการกับเส้นสดนั้นให้พร้อมเสิร์ฟ โชว์กรรมวิธีที่แปลกตาอย่างการราด Kombu Dashi หรือซุปสาหร่ายคอมบุให้ไหลผ่านเส้นด้วย (ทำให้เวลาที่เอาเส้นเข้าปากจะได้รสชาติของซุปดาชินี้ด้วย ทำให้กินง่าย ลื่นคอมากๆ) จากนั้นก็ท็อปปิ้งด้วยวัตถุชั้นเลิศที่เป็นเอกลักษณ์ฉบับร้าน MAGURO คือ ไข่หอยเม่น (Uni) ปลาทูน่าส่วนโอโทโร่ (Otoro) ปลาทูน่าส่วนเนื้อแดง (Akami) เนื้อปลาแซลมอน (Salmon) หอยเชลล์โฮตาเตะ (Hotate) และไข่ปลาแซลมอน
เชฟชินค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เสิร์ฟให้ทุกคนทีละชามๆ อย่างละเมียดละไมและตั้งอกตั้งใจมากเลยทีเดียว พอได้รับจานนี้มาก็จับคู่เข้ากับเซ็ตเครื่องเคียงต่างๆ และทางร้านแนะนำว่าสามารถชิมได้หลากหลายวิธีเลยทีเดียว พอลองแล้ว… เรียกได้ว่าเป็นจานที่กินได้สนุกมากๆ อย่างแรก… เราลองชิมเส้นเปล่าๆ ก่อน ด้วยความสงสัยในรสสัมผัสและรสชาติที่ผ่านการราดคอมบุดาชิมาแล้ว เฮ้ย! แค่กินเส้นเปล่าๆ ก็มีรสชาติขนาดนี้แล้วเหรอ (นี่แหล่ะ คือสิ่งที่คิดในคำแรก) รสชาติอ่อนๆ เคี้ยวลื่น นุ่มคอดี คำต่อไป คือกินเส้นพร้อมกับการจิ้มเกลือ อื้มมมม เป็นการชูเส้นราเมนให้มีรสชาติที่เข้มข้นขึ้นอีกหน่อย ก็ดีนะ
เพิ่มความน่าตื่นเต้นกับคำต่อไปด้วยการกินเส้นราเมนไปคู่กับซุปหอยเลล์โอตาเตะและหอยตลับโอซาริ ซุปนี้มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวเพิ่มรสชาติของเส้นให้เข้มขึ้นแต่ก็ยังกินง่าย ไม่ได้รสจัดเกินไป ก็อร่อยไปอีกแบบ
อีกหนึ่งคำ เราเลือกที่จะลองชิมเส้นกับซอสบ๊วยสูตรเฉพาะ โอ้โห… เส้นรสจัดจ้านขึ้น แต่สดชื่นขึ้นอีกมากเลย ทั้งๆ ที่นี่เป็นเส้นราเมนที่เสิร์ฟแบบเย็นกินง่ายๆ สดชื่นๆ อยู่แล้ว เจอซอสบ๊วยนี่เข้าไป ตาโตขึ้นอีกเลยจ้ะ
คำต่อไปที่หลังจากชิมแล้ว เราเลิฟมากๆ นั่นก็คือ การคีบเส้นไปจุ่มในซุปซึเคโชยุ ที่ปรุงขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน รสชาติเข้มข้น (น่าจะเป็นรสชาติที่หนักแน่นที่สุดแล้วในบรรดาสิ่งที่เรากินคู่กับเส้นราเมนนี้มาตลอดทั้งคอร์ส) เราชอบการกินเส้นคู่กับซุปโชยุนี้มากที่สุด แต่ว่า…
วิธีกินคำสุดท้าย จัดว่าเลิศมากกกก นั่นก็คือการเอาซอสซันโซ หรือซอสที่ทำจากพริกไทยญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นพิเศษ ใส่ลงไปในซุปซึเคโชยุ ก่อนจะจุ่มเส้นลงไปแล้วชิม ซอสซันโชจะทำการรสความเข้มข้นของซุปซึเคโชยุให้เบาบางลงเล็กน้อย มีความหอมพริกไทยญี่ปุ่นขึ้นมา แต่ไม่ได้ลดทอนความอร่อยของเมนูนี้ลงไปเลย สำหรับเรามันคือการฟูลฟิล (fulfilled) ของคอร์สนี้ได้อย่างสมบูรณ์เลยล่ะ จากนั้นเราก็กินเส้นจิ้มซอสนู่น ซุปนี่ คู่กับท็อปปิ้งของทะเลเลิศๆ (แปะวาซาบิและโชยุนิดๆ กำลังดี…) และชาชูแผ่นบางที่นุ่มแถมยังรสชาติดี วนไปอย่างเอร็ดอร่อย
สรุปว่าเมนู Kaisen Tsukemen ของที่เสิร์ฟในอีเว้นท์นี้ที่เชฟชินจัดมา มันทั้งสดชื่น กินง่าย แถมยังทำให้สามารถเพลิดเพลินกับมื้ออาหารได้อย่างสนุกอีกด้วย
แต่คอร์สนี้ไม่ได้จบลงแต่เพียงเท่านั้น ยังมีเมนู Wafu Buta Meshi อยู่ด้วย ก็มีเส้นแล้ว… จะมีข้าวด้วย… ก็ไม่เป็นไรล่ะนะ ข้าวหน้าหมูชาชูที่เสิร์ฟมาในถ้วยเล็กๆ แต่ก็มีความ “เล็ก… แต่มาก” เพราะว่าเนื้อหมูชาชูมีความนุ่มนวล ซอสโฮมเมดที่ราดมาก็รสชาติกลมกล่อม ท็อปมาบนข้าวญี่ปุ่นนุ่มๆ หอมๆ พันธุ์โคชิฮิคาริ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก นอกจากรสเนื้อ ซอส และข้าวจะเข้ากันอย่างลงตัวแล้ว สัดส่วนที่ให้มาก็พอเหมาะพอเจาะ ลงตัวพอดิบพอดีเลยทีเดียว
จบคอร์สแบบสวยๆ ด้วยไอศกรีมยูซุ ที่แค่ชื่อก็บ่งบอกแล้วว่าเมนูนี้ต้องให้ความรู้สึกสดชื่นได้แน่ๆ และพอได้ชิมจริงๆ เป็นรสชาติที่เปรี้ยวหวานจัดจ้าน กลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความสดชื่นได้มากอย่างที่คิด มีไซรัปผสมขิงราดมาเล็กน้อย ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมขึ้นอีกด้วย
คอร์สพิเศษในอีเว้นท์นี้ เป็นการสร้างสรรค์ผลงานที่น่าสนใจมากๆ เลยล่ะ เป็นการรวมตัวของความเป็นเลิศด้านเส้น และความเป็นเลิศด้านวัตถุดิบ จนรังสรรค์เป็นเมนูที่ให้ความสดชื่น สดใส อร่อย และลงตัวได้เป็นอย่างดี นี่ละน๊า… ถึงอยากให้เพิ่มเจ้าคอร์สนี้เข้าไว้ในเมนูด้วย ก็อยากกินอีกนี่นา
ตอนนี้ก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารออีเว้นท์พิเศษจากร้านอาหารญี่ปุ่นสุดพรีเมี่ยม MAGURO ครั้งต่อไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่า จะมาด้วยคอนเซ็ปน่าสนใจแบบไหนอีก มารอติดตามไปด้วยกันน๊าาาาาา และสามารถไปลิ้มลองเมนูแสนอร่อยของร้าน MAGURO ที่ Central World ชั้น 6 กันได้ด้วยนะ 😉
เรื่องแนะนำ :
– “อย่าต่อว่าถ้าลูกยังเล็กมาก” 4 แนวคิดดีๆ เรื่องการดุลูกจากญี่ปุ่น
– ภาพวาดเมืองยุโรปย้อนยุค! สุดสวยจาก kuroneko_no_pei นักวาดฉากอนิเมะญี่ปุ่น
– วันหยุดวันใจ! ความในใจ ฮา ๆ ปนหัวร้อนนิด ๆ จากมนุษย์เงินเดือนญี่ปุ่น 555
– ชวนดู! High Card อนิเมะงานแจ่ม แอคชันสนุก มุกฮา ไม่เครียดเกิน!!!
– “10 วันของการเป็นแม่” ประสบการณ์เศร้าแต่ซึ้งใจจากญี่ปุ่น
#MAGURO x NO NAME NOODLE มื้ออาหารญี่ปุ่นสุดพิเศษ ตอน RAMEN RHAPSODY