คนญี่ปุ่นมีสองหน้า…มีคนกล่าวว่า หากคนต่างชาติอยู่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 0 ถึง 1 ปีจะชอบญี่ปุ่นมาก เพราะคนญี่ปุ่นปากหวาน แต่คนที่อยู่ญี่ปุ่น 1 ถึง 3 ปีจะเกลียดญี่ปุ่น เพราะจะรู้ดีว่าคนญี่ปุ่นมีเปลือกนอกกับตัวตนที่แท้จริง
มีคนกล่าวว่า หากคนต่างชาติอยู่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 0 ถึง 1 ปีจะชอบญี่ปุ่นมาก เพราะคนญี่ปุ่นปากหวาน แต่คนที่อยู่ญี่ปุ่น 1 ถึง 3 ปีจะเกลียดญี่ปุ่น เพราะจะรู้ดีว่าคนญี่ปุ่นมีเปลือกนอก (ทาเทะมาเอะ 建前) กับตัวตนที่แท้จริง (ฮอนเนะ 本音)
สรุปง่ายๆ คือสิ่งที่เขาแสดงออกกับสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจไม่เหมือนกัน เพื่อนญี่ปุ่นของดิฉันบอกเลยว่า “คนญี่ปุ่นมีสองหน้า” ฮ่าๆๆ
คนญี่ปุ่นโดยทั่วไป (ยกเว้นจะสนิทกันจริงๆ) จะแสดงออกในสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามคาดหวังจะได้เห็น ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่เขารู้สึกอยู่ในใจจริงๆ
คนญี่ปุ่นยังได้รับการสั่งสอนมาว่าการแสดงอารมณ์ความรู้สึกในทางที่ไม่ดีนั้นเป็นสิ่งผิดเพราะจะเป็นการทำร้ายความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม อันนี้ยังรวมถึงการไม่ปฏิเสธตรงๆ หรือพยายามพูดอ้อมๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเสียหน้า
มีคนวิเคราะห์ว่าที่คนญี่ปุ่นมีลักษณะแบบนี้ก็เพราะเขาอยู่ในสังคมเล็กๆ บนเกาะ และยังมีภัยธรรมชาติในทุกรูปแบบ ทำให้คนญี่ปุ่นเน้นความสมานสามัคคีกันมากและหลีกเลี่ยงการปะทะหรือเผชิญหน้าใดๆ กันทั้งสิ้น การพูดดีๆ กับคนอื่นเพื่อรักษาความรู้สึกดีๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เห็นอาจไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาคิด ประสบการณ์ที่ดิฉันเคยเจอมาได้แก่
– สัปดาห์ก่อนไปตรวจโรงงานกับลูกค้าญี่ปุ่น ตอนที่พูดคุยกันต่อหน้าลูกค้าท่านนั้นยิ้มแย้มดูพึงพอใจการทำงานของโรงงานผลิตแห่งนั้นเป็นอย่างมาก แต่พอขึ้นรถปุ๊บเขากลับยกหูโทรศัพท์ไปรายงานบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นว่าโรงงานแห่งนั้นมีระบบการผลิตที่แย่มากๆ ผู้บริหารก็ไม่คิดจะปรับปรุง และอื่นๆ อีกมากมาย (ดิฉันถึงกับงงว่าอะไรมันจะพูดตรงกันข้ามกันได้ขนาดนี้)
– ตอนไปญี่ปุ่นใหม่ๆ ดิฉันพูดภาษาญี่ปุ่นได้ไม่กี่คำ แต่คนญี่ปุ่นก็ชมแล้วชมอีกว่าพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมากๆ เราก็แอบปลื้ม ตอนนี้มาคิดได้ว่าเขาคงชมเราไปตามมารยาทเหมือนเวลาเราชมฝรั่งที่พูดภาษาอีสานได้นิดหน่อยว่าเก่งนั่นแหละค่ะ ฮ่าๆๆ
– เพื่อนดิฉันเคยบอกว่าเพื่อนญี่ปุ่นชวนให้ไปเที่ยวบ้าน แต่พอถึงเวลาที่อยากไปจริงๆ เพื่อนญี่ปุ่นคนนั้นมักจะบอกว่าติดธุระสำคัญทุกที ทำให้ต้องเลื่อนการไปเยี่ยมบ้านเขาครั้งแล้วครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังบอกว่าถ้ามีโอกาสให้มา แบบนี้เขาคงชวนตามมารยาทมากกว่าค่ะ
– หากสังเกตดูละครญี่ปุ่นจะไปมีมาทะเลาะตบตีกัน หรือตัวอิจฉาก็ไม่ได้ออกมาร้องกรี๊ดๆ แย่งผู้ชายแบบละครไทย แต่ตัวร้ายในละครญี่ปุ่นจะเป็นแบบร้ายลึก ซ่อนแผนการณ์อย่างแยบยล ซึ่งน่ากลัวกว่าพวกร้องกรี๊ดๆ เป็นไหนๆ
– หากคุณผู้อ่านเคยดูรายการชิมอาหารญี่ปุ่นที่ดิฉันชอบดูมาก เห็นคนญี่ปุ่นชิมอาหารจานไหนก็จะชมว่า โออิชี่ๆๆๆๆ (แปลว่าอร่อย) แบบน้ำเสียงและหน้าตาอินมากๆ ดิฉันยังไม่เคยเห็นคนญี่ปุ่นพูดว่าอาหารจานไหนไม่อร่อย (แม้แต่อาหารที่ดิฉันทำให้ทานก็ตาม ฮี่ๆๆๆ)
ดิฉันว่าดูๆ ไปการไม่พูดตรงๆ ต่อหน้าเพื่อรักษาน้ำใจก็คล้ายๆ กับวัฒนธรรมไทยอยู่บ้าง แต่คนญี่ปุ่นคงเก็บความรู้สึกมากกว่าซึ่งอาจดูแปลกในสายตาชาติตะวันตก หากได้คบหาสมาคมกับคนญี่ปุ่นเป็นเวลานานก็จะชินกับวัฒนธรรมต่อหน้าและลับหลัง เวลาถูกชมก็จะไม่ดีใจจนเกินไป เวลาถูกปฏิเสธโดยอ้อมก็จะได้รู้ว่าเขากำลังรู้สึกไม่สะดวกใจ จนในที่สุดสามารถเดาอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงของคนญี่ปุ่นได้
เรียกว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– Horenso (報連相) การรายงานผลการทำงานแบบญี่ปุ่น
– Mari Tobita นักธุรกิจหญิงญี่ปุ่นเพื่อกิจการ Start Up
– Kiyoshi Kimura ประธานบริษัทซูชิ ซานไม ผู้พิชิตโจรสลัดโซมาเลียด้วยมือเปล่าและหัวใจ
– บริการแบบญี่ปุ่นทุกระดับประทับใจ (คุณลูกค้า)
– หนุ่มออฟฟิศผู้รักสวยรักงาม
#คนญี่ปุ่นมีสองหน้า