เหล้าสาเกญี่ปุ่น (Sake) นั้นถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ในประเทศญี่ปุ่น เพราะถูกนำมาใช้ดื่มเพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ และยังนำมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา จึงเป็นเครื่องดื่มที่มีความซับซ้อนและปราณีตไม่แพ้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น
เหล้าสาเก (Sake) นั้นถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ในประเทศญี่ปุ่น เพราะถูกนำมาใช้ดื่มเพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ และยังนำมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา จึงเป็นเครื่องดื่มที่มีความซับซ้อนและปราณีตไม่แพ้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น
สาเกนั้นเป็นเหล้าที่ทำมาจาก ข้าว มอลท์ข้าวโคจิ น้ำ และยีสต์ หมักบ่มรวมกัน จนเกิดเป็นเหล้าสาเกขึ้นมา ซึ่งรสชาติของเหล้าสาเกนั้นจะแตกต่างกันไปตามสัดส่วนของส่วนผสมและวัตุดิบที่ใช้หมัก
สำหรับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติอาจมีการเข้าใจผิดเรียกเหล้าที่ทำจากข้าวว่าสาเก แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่นสาเก (Sake, 酒) นั้นเป็นการเรียกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมๆ กัน เพราะฉะนั้นหากต้องการสั่งเหล้าที่ทำมาจากข้าวกับคนญี่ปุ่นจึงควรใช้คำว่า Seishu (清酒) แทนนั้นเองค่ะ
เหล้าสาเกนั้นสามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น และมีวางจำหน่ายมากมายและหาซื้อได้ง่ายในท้องตลาด ซึ่งเหล้าสาเกที่วางขายอยู่นั้นก็สามารถจัดแบ่งออกมาได้ทั้งหมด 4 ประเภทซึ่งแต่ละประเภทจะขึ้นอยู่กับปริมาณการขัดสีข้าวและการใส่แอลกอฮอล์เพิ่มดังนี้
1. Junmai-shu
เป็นสาเกที่ผลิตมาจากข้าวที่ผ่านการขัดสีน้อยกว่า 30% และใช้ส่วนผสมในการหมักเพียงแค่ ข้าวพันธุ์ดี มอลท์ข้าวโคจิ น้ำ และยีสต์ เท่านั้นไม่มีสิ่งใดเจือปน สาเกที่ได้จึงมีความโดดเด่นในด้านของสี กลิ่นและรสชาติ ถือเป็นสาเกที่ต้องใช้เทคนิคและประสบการณ์ในการทำเป็นอย่างสูง สาเกประเภทนี้เป็นสาเกแบบดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น จึงได้รับรสชาติหอมหวานของข้าวที่นำมาหมักได้เป็นอย่างดี นิยมดื่มแบบร้อน แกล้มกับอาหารประเภท เทมปุระ ปลา หรือเนื้อ
2. Ginjo-shu
เป็นสาเกที่ทำมาจากข้าวคัดเกรดผ่านการขัดสีประมาณ 40% เป็นสาเกที่ใช้อุณหภูมิต่ำในการหมัก จึงใช้เวลาในการหมักนานกว่า สาเกประเภทนี้จะใช้เทคนิคพิเศษในการหมักจึงทำให้รสชาติโดดเด่น หวานละมุน ถูกปาก นิยมดื่มแบบเย็น
3. Futsuu-shu
สาเกแบบปกติทั่วไปที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด โดยสาเกประเภทนี้จะลดปริมาณของข้าว และส่วนผสมอื่นๆลง และใส่แอลกอฮอล์ลงไปในปริมาณมากแทน ราคาจึงถูกมาก
4. Honjozo-shu
สาเกที่ทำมาจากข้าว มอลท์ข้าวโคจิ น้ำ และยีสต์ แต่มีการผสมแอลกอฮอล์เพิ่มลงไปในปริมาณเล็กน้อยเพียง 8% ต่อสาเกหนึ่งขวดจึงยังสามารถคงรสชาติของสาเกแบบดั้งเดิมเอาไว้ได้ สาเกประเภทนี้จะมีรสชาติกลมกล่อม ดื่มง่ายและราคาไม่แพง
นอกจาก 4 ประเภทข้างต้นยังสามารถแบ่งย่อยออกมาได้อีกดังนี้ค่ะ
1. Junmai Daiginjo-shu ถือเป็นสาเกเกรดดีที่สุด ทำยากและราคาแพง
2. Junmai Ginjo-shu เป็นสาเกที่มีการขัดข้าวในปริมาณน้อยกว่า 40% หมักในอุณหภูมิต่ำ และมีการใส่ผลไม้และส่วนผสมื่นเพื่อเพิ่มรสชาติ
3. Daiginjo-shu เป็นสาเกที่มีวิธีการทำคล้ายแบบ Ginjo-shu ให้รสชาติเข้มข้นกว่า
สาเกนั้นนอกจากการดื่มเพื่อสังสรรค์แกล้มกับอาหารที่ชอบแล้วยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้ด้วยโดยจุดประสงค์ในการใช้สาเกก็เพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อปลานั้นเองค่ะ สาเกนั้นมีหลากหลายประเภทและรสชาติ หากมีโอกาสก็สามารถซื้อหามาลองกันได้นะคะ
ถึงแม้ปริมาณแอลกอฮอล์ของสาเกจะไม่สูงมากแต่ก็อย่าลืมเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ยานพาหนะกันด้วย ถือคติเมาไม่ขับกันนะทุกคน
เรื่องแนะนำ :
– เอกิเบ็น (Ekiben) ข้าวกล่องรถไฟ
– โทฟุโยะ (Tofuyo)
– ต้อนรับปีใหม่ด้วยชุดอาหารมงคลแบบโอเซจิเรียวริกันเถอะ!!
– คางามิโมจิ (Kagami Mochi)
– ขนมยัทสึฮาชิ (Yatsuhashi)
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
– https://sake-world.com/about-sake/types-of-sake/
– http://www.japansake.or.jp/sake/english/howto/type.html
– https://ja.wikipedia.org/wiki/%E6%97%A5%E6%9C%AC%E9%85%92