เมื่อมีคนถามว่า “พอทราบไหมว่าอะไรทำให้คนญี่ปุ่นอายุยืนยาว”
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2549

กลับมาถึงเมืองไทย ผมได้รับโทรศัพท์จากนายตำรวจนอกราชการท่านหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชาเมื่อสมัยที่ผมเป็นนักเรียนโดดร่มที่ค่ายนเรศวร อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่านกรอกมาในสายโทรศัพท์ว่า นิติภูมิไปญี่ปุ่นมาหลายครั้ง พอทราบไหมว่าอะไรทำให้คนญี่ปุ่นอายุยืนยาว?
ผมเรียนอดีตท่านผู้บังคับบัญชาว่า เพราะประเพณีญี่ปุ่นมีการจัดงานฉลองความมีอายุยืนกันทุกทั่วหัวระแหง จึงทำให้คนเป็นจำนวนมากให้ความสนใจต่อการรักษาสุขภาพพลานามัย ระวังเรื่องการทานอาหารและการออกกำลังกาย ญี่ปุ่นเป็นสังคมที่มีการแสวงหาความสุข ทั้งความสุขกายและสุขใจ นอกจากนั้น ผู้คนทั่วไปยังมุ่งมั่นต่อการดำรงชีวิตหลังอายุ 60 ปี ทำให้สามารถมีสุขภาพดีต่อไปได้อีกนับสิบปี
รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็ให้ความสำคัญกับความมีอายุยืน ขนาดจัดให้วันจันทร์ที่สามของเดือนกันยายนเป็นวันเคารพผู้สูงอายุ และเป็นวันหยุดประจำชาติ บรรดาญาติสนิทมิตรสหายจะจัดงานเลี้ยงผู้สูงอายุให้ที่บ้าน บางกลุ่มก็ไปเลี้ยงให้ที่ภัตตาคาร นอกจากนั้น ยังมีการเลี้ยงและมอบของขวัญให้อีกในวันคล้ายวันเกิดครบรอบต่างๆ
การเลี้ยงฉลองความมีอายุยืนจะเริ่มในวันที่มีอายุครบ 60 ปี เรียกงานการฉลองนี้ว่า คังเรขิ ที่หมายถึง การกลับไปเริ่มต้นใหม่ เรียกเช่นนี้เพราะปฏิทินเอโตะของญี่ปุ่นมีวัฏจักร 60 ปี พอถึงปีที่ 61 ก็เป็นการกลับไปเริ่มต้นใหม่ ประเพณีญี่ปุ่นจะมอบของที่มีสีแดงให้แก่กัน บางทีก็เป็นผ้าคลุมสีแดง หรือเบาะนั่งแบบญี่ปุ่นสีแดง
อายุ 70 ปี มีงานการฉลองโคะคิ ศัพท์โคะแปลว่า เก่าแก่ ศัพท์คิ แปลว่า หายาก หรือ ไม่ค่อยมี อันนี้ญี่ปุ่นเอามาจากกวีจีนในสมัยราชวงศ์ถังที่มีชื่อว่าตู้ฝู่ที่เขียนไว้ ว่า ชีวิตนั้นสั้นนัก แต่โบราณมา ชีวิตคนยากจะยืนยาวถึง 70 ปี
อายุ 77 ปี เรียกงานฉลองนี้ว่า คิจุ ที่แปลว่า งานฉลองอย่างปีติยินดี
อายุ 80 ปี เรียกว่า ซันจุ หรือ งานฉลองร่ม
อายุ 88 ปี เรียกว่า เบจุ หรือ งานฉลองข้าว
อายุ 90 ปี เรียก โซะทสึจุ หรือ งานฉลองความสำเร็จ
อายุ 99 ปี เรียกว่า ฮะคุจุ หรือ งานฉลองสีขาว
การให้ความสำคัญต่อการมีอายุยืนยาว ทำให้คนญี่ปุ่นรักษาสุขภาพมาก คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไม่ค่อยแต่งงาน ที่แต่งงานกันแล้วก็ไม่ค่อยจะยอมมีบุตร ทำให้ใน พ.ศ. 2547 มีทารกเกิดทั้งปีเพียง 1,067,000 คนเท่านั้น ญี่ปุ่นจึงเริ่มเป็นสังคมคนชรา
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ คนญี่ปุ่นหย่าร้างกันมากขึ้น ผมมีสถิติของ พ.ศ. 2545 มีคนหย่ากันมากถึง 290,000 คู่ ผู้อ่านท่านเชื่อไหมครับ สามีภรรยาที่หย่ากันของญี่ปุ่นนั้น ส่วนมากจะเป็นพวกที่อยู่กินกันมาเกิน 20 ปีไปแล้วทั้งนั้น
หนึ่งในหลายสาเหตุของการหย่าร้างที่มีมากขึ้นเป็นเพราะสื่อมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิทธิพลของละครโทรทัศน์เรื่องจูคูเนน ไรคอน ซึ่งเป็นเรื่องของสามีที่เป็นวิศวกรชื่อโคทาโร โตโยฮาระ มุ่งมั่นทำงานจนถึงวันเกษียณอายุ วันเกษียณ โคทาโรดีใจมาก เพราะจะได้พักผ่อนซะที ต่อไปนี้ก็จะมีบำนาญกินแล้ว วันนั้นแกซื้อแหวนเพื่อจะให้เป็นของขวัญแก่ภรรยา แต่เมื่อถึงบ้านกลับเจอภรรยาที่เจรจาขอหย่า
ละครเรื่องนี้ดังมาก เรื่องราวหลังการหย่าร้างก็เป็นไปด้วยดี ฝ่ายชายคือ นายโคทาโรมีแผนไปทำงานเป็นอาสาสมัครในทวีปอเมริกาใต้ ส่วนฝ่ายหญิงคือโยโกะ กลับไปทำงานใหม่ในห้างสรรพสินค้า ทั้งสองคนก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ญี่ปุ่นเป็นพวกที่ชอบเลียนแบบจากโทรทัศน์ ก็เอาอย่างละครเรื่องนี้กันใหญ่ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น สังคมญี่ปุ่นไม่ค่อยให้โอกาสสตรี ยิ่งสตรีสูงอายุด้วยแล้ว ยิ่งหางานยาก ส่วนเงินบำนาญก็แทบจะไม่พอใช้ หากไม่ทำงานเสริม บั้นปลายท้ายชีวิตแล้ว ฝ่ายหญิงมักจะไปไม่รอด ส่วนฝ่ายชายเองก็แย่ การทำงานทุ่มเทมาตลอด ทำให้ตัวเองลืมการหุงข้าวหาปลา เมื่อต้องมาทำเองในวัยชรา จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถนัด ชีวิตยามแก่จึงติดๆ ขัดๆ ลำบากมาก
อีกสาเหตุหนึ่งของการหย่า เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมผ่านกฎหมายที่ให้อดีตภรรยา เรียกบำนาญของสามีได้ครึ่งหนึ่ง สตรีที่มีสามีสูงอายุจึงอยากได้บำนาญส่วนนั้น เพราะจะทำให้ตัวเองสบายโดยที่ไม่ต้องทำงานบ้านรับใช้สามีเหมือนเมื่อก่อน
ก่อนเกษียณผู้ชายทำงานหนัก กลับมาถึงบ้านจึงไม่ทำอะไรเลย ส่วนภรรยาต้องดูแลสามีที่เป็นผู้หาเงินเข้าบ้าน เมื่อเกษียณแล้ว ผู้ชายก็ยังทำตัวเป็นเจ้านายเหมือนเดิม ส่วนผู้หญิงลำบากมากขึ้น เพราะต้องหาข้าวกลางวันให้สามีทาน ซึ่งเป็นงานที่เพิ่มขึ้นมา สามีก็เอาแต่นั่งๆ นอนๆ ทำตัวสบายไปจนแก่ตาย ผู้หญิงจึงเบื่อและหาเรื่องฟ้องหย่ากันใหญ่ จนกลายเป็นแฟชั่นฮิตของสังคมญี่ปุ่นในขณะนี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2549
ขอบคุณรูปภาพ : http://peace-winds.org/en/news/229