ประวัติศาสตร์การโค้ง
ภาพประกอบ WALK on CLOUD
ใครไปเที่ยวญี่ปุ่น คงเคยเห็นพนักงานโค้งคำนับ แล้วรู้สึกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนของคนญี่ปุ่น
การโค้งในภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า…
お辞儀
おじぎ
[โอะจิกิ]
การโค้งคำนับ
คนญี่ปุ่นเริ่มการโค้งคำนับ โดยได้รับอิทธิพลจากประเทศจีนผ่านทางพุทธศาสนาในช่วงปีค.ศ. 500 – 800 ซึ่งในยุคนั้นการโค้งคำนับใช้แสดงว่าใครสถานะอยู่ข้างบนหรืออยู่ข้างล่าง
การทำตัวให้ต่ำกว่าเป็นการบอกว่าตัวเขาไม่ได้เป็นภัยต่ออีกฝ่าย
ปัจจุบันญี่ปุ่นนั้นใช้การโค้งคำนับในหลายๆสถานการณ์ อย่างเช่นแสดงถึงการขอบคุณ หรือเวลาขอร้อง แสดงความยินดี ขอโทษ การโค้งคำนับเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างต้องรู้วิธีการใช้
หลักการโค้งคือ เวลาก้มนั้นหลังต้องตรงห้ามงอ ขาและเอวไม่งอเช่นกัน เวลาก้มหัวให้สูดลมหายใจเข้า เวลายกหัวขึ้นให้ปล่อยลมหายใจออก เวลาก้มและยกหัวขึ้นนั้นเป็น Fast in, Slow out คือก้มหัวลงให้เร็วแล้วค่อยๆ ยกหัวขึ้นมา
เอามือกุมข้างหน้าให้ ใช้มือซ้ายกุมทับมือขวาที่เป็นมือข้างถนัด ตรงจุดนี้มีที่มาจากยุคสมัยซามุไรที่มีการพกดาบ ซึ่งการเอามือซ้ายวางบนมือขวาเพื่อแสดงออกว่า “ฉันจะไม่ใข้มือขวาไปชักดาบออกมาทำร้ายท่าน”
เป็นรายละเอียดยิบย่อยเหมือนกันนะครับ
หลายคนคงเคยเห็นมุมของการโค้ง ซึ่งการโค้งระดับ 15 องศานั้นใช้สำหรับการทักทายแบบง่ายๆ อย่างเช่นพบเจอตอนเช้าหรือตอนเย็น
30 องศาแสดงถึงความเคารพ ใช้กับคนสถานะข้างบน หรือใช้กับลูกค้า
45 องศาแสดงถึงความเคารพขั้นสูงสุด ใช้เวลาที่ต้องการแสดงถึงความรู้สึกขอบคุณ หรือ ต้องการขอโทษ
เอาละ หลายต่อหลายคนอาจจะเคยเห็นมุม 90 องศาของการโค้งของคนญี่ปุ่น นั้นหมายความว่าอย่างไร?
การก้มในมุม 90 องศานั้นไม่ค่อยจะพบกันเท่าไร จะใช้กับผู้มีสถานะสูงส่งอย่างจักรพรรดิ หรือ ใช้เวลาไปสักการะศาลเจ้า
และนั่นคือรายละเอียดสั้นๆ ของการโค้งคำนับของชาวญี่ปุ่นครับ
ภาพประกอบ WALK on CLOUD
เรื่องแนะนำ :
– หิมะมาจากไหนบนยอดฟูจิ
– อยากไปเรียนที่ญี่ปุ่นต้องทำอย่างไร
– กระแสความนิยม EV รถไฟฟ้าในญี่ปุ่น
– ทีมญี่ปุ่น blue lock กับคำสัญญาปี 2050
– พระจันทร์ 月[ซึคิ]
อ้างอิง
– https://livejapan.com/ja/in-tokyo/
– https://co-medical.mynavi.jp/contents/
– https://president.jp/articles/-/18845
#ประวัติศาสตร์การโค้ง