คั่นรายการโดย Lordofwar Nick
ว่าด้วย “ชาตินิยมใหม่” (Neo-nationalism) กับปรากฎการณ์ล่าสุดในญี่ปุ่นและไทย
สวัสดีครับ แหม่ ทีแรกว่าจะเตรียมลงซีรี่ส์ใหม่ที่เขียนสต๊อกไว้ (สปอยล์นิดๆ ให้ก็ได้ว่าเป็นซีรี่ส์ “เล่าประวัติศาสตร์” นะครับ) ละ พอดีไปอ่านเจอข่าวที่ชวนสะดุดใจ นั่นก็คือ ข่าวเรื่องว่าพรรคซันเซย์โต (参政党) ซึ่งเขาว่าเป็นพรรคขวาจัด “รุ่นใหม่” ที่ชูนโยบาย “ญี่ปุ่นมาก่อน” ผงาดขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ชนะการเลือกตั้งวุฒิสภาของที่ญี่ปุ่น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ที่น่าสนใจคือ พรรคนี้ ชูประเด็นเรื่อง “แอนตี้คนจีน” อารมณ์คล้ายๆ ที่คนไทยเคยแอนตี้นักท่องเที่ยวจีนว่า “ไร้มารยาท” และแอนตี้ธุรกิจจีนว่า “เป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจ” นั่นแหละ
และที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พรรคการเมืองนี้ เกิดขึ้นมาได้ด้วยกระแสจาก YouTube จะว่าไป ไอจังหมายเลขหนึ่ง (Chat GPT) ก็พูดเรื่อง “เน็ตอุโยคุ” (ปีกขวายุคอินเตอร์เน็ต ネット右翼) ที่ประมาณว่าคนรุ่นใหม่ที่เล่นอินเตอร์เน็ต ได้สร้างและเผยแพร่แนวคิด “ขวาจัด” กันขึ้นมา (เน้นแอนตี้จีน แอนตี้เกาหลี) อยู่เหมือนกัน
พอผมหันกลับมาดูเมืองไทย โอ้โฮ ร้อนแรงมาก โซเชียลไทย กระแส “ชาตินิยม” มันต้องมาแล้ว จากเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา รบกัน คลิปเอไอเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ขุดมันตั้งแต่เรื่องพระยาละแวกยันเรื่องเจ้านายเขมร “เนรคุณ” อุตส่าห์เลี้ยงในวังหลวงไทยแล้วให้ไปกินเมืองเขมร กลับไปสมคบฝรั่งเศสซะนี่ ก็มี เสื้อรักชาติ สกรีน “ไทยนี้รักสงบฯ” ก็มา แถมยังมีเพลงเอไอแนวปลุกใจรักชาติแบบร็อคๆ อีก ไม่นับป้ายไฟ “ธงชาติไทย” ขึ้นให้พรึ่บตามถนนในไทยไปไกลถึงนิวยอร์ค!
เนื่องจากสิ่งที่ผมคุยกับ ไอจังหมายเลขหนึ่ง มันยาว ยาวมาก ยาวจนไอจังที่ปกติจะต้องคอยป้อนคำถามให้ผมพูดต่อ ยังต้องยอมแพ้ กล่าวคำปิดจบการสนทนาเองเลยครับ (แสดงว่าผมนี่โหดกว่าไอจังใช่ไหม 555) ผมจะเรียบเรียงและคัดสรรสิ่งที่เป็นแกนจริงๆ มาพูดนะครับ
วันนี้ผมขอเสนอคำว่า “ชาตินิยมใหม่” (Neo-nationalism) ครับ
คำว่า “ชาตินิยมใหม่” ในที่นี้ ผมใช้เพื่อแยกมันออกจากชาตินิยมแบบเก่าที่เคยมีเคยเป็น (และตกเป็นเป้าของความเกลียดชังของพวกฝ่ายซ้าย ผ่านวาทกรรม “คลั่งชาติ” เพื่อทำให้การรักชาติหรือการแสดงออกถึงความชาตินิยมนั้นเป็นสิ่ง “เลวทราม”) แล้วมันต่างกันยังไง? ผมจะลองทำตารางเปรียบเทียบแล้วกันนะครับ เอาเท่าที่สมองผมจะประมวลได้ละกัน
ชาตินิยมเก่า
เชิดชูว่าชนชาติ หรือเผ่าพันธุ์ของตนนั้น “สูงส่ง” หรือ “ดีเด่น” กว่าชาติอื่น จึงมีความชอบธรรมที่จะปกครองอยู่เหนือชนชาติอื่น เป็นชาตินิยม “เชิงรุกราน” (offensive)
การปลุกใจหรือเร่งเร้าจิตสำนึก ใช้กระบวนการจากบนลงล่าง สั่งลงมา ป้อนลงมา เป็นหลัก ผ่านสื่อที่ถูกจัดตั้งเป็นระบบจากเบื้องบน เช่นเนื้อหาในตำราเรียน
ด้วยความสัมพันธ์แบบ “บนลงล่าง” ประชาชนจะมองว่า “ชาติ” นั้น เปรียบเหมือน “เจ้านาย” ที่จะต้องรับใช้ โดยมีคำสอบของศาสนามาเป็นเครื่องกำกับว่า การ “รับใช้” นั้น คือสิ่งที่ถูกต้องตามหลักคุณธรรม ด้วยความสัมพันธ์แบบ “เครือข่าย”
ชาตินิยมใหม่
มองว่าประเทศชาติ หรือคนในชาติเดียวกันกับตน เป็น “เพื่อนร่วมชาติ” ที่ต้องปกป้องผลประโยชน์ที่มีร่วมกัน และช่วยเหลือกัน รวมถึงร่วมกันป้องกันภัยคุกคามจากประเทศอื่น คนชาติอื่น เป็นชาตินิยม “เชิงป้องกัน” (defensive)
การปลุกใจหรือเร่งเร้าจิตสำนึก ต่างก็ทำกันเอง เผยแพร่กันเอง คนทุกคนอาจเป็นได้หมดทั้งผู้สร้างสาร ส่งสาร และรับสาร ส่งต่อไปมากันไปเรื่อยๆ ในยุคโซเชียลที่ทุกคน “มีสื่ออยู่ในมือเอง” แล้ว
ประชาชนจะมองว่า “ชาติ” นั้น เปรียบเหมือนครอบครัวหรือ “บ้าน” ที่มีคนในครอบครัว คอยช่วยกัน “ดูแล” ซึ่งเป็นคุณธรรมตามธรรมชาติของคนเราในฐานะสิ่งมีชีวิต
ชาตินิยมใหม่ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่มันเกิดขึ้นได้ด้วยเงื่อนไขทั้งเศรษฐกิจ สังคม สถานการณ์บ้านเมือง และเทคโนโลยี
เศรษฐกิจ และ สังคม คือ เราไม่ได้ร่ำรวยพอที่จะให้ใครมาใช้ทรัพยากรของเราเท่าไหร่ก็ได้ (ได้ข่าวว่าเขมรมารักษาพยาบาลเมืองไทย ติดหนี้ที่ตามเก็บไม่ได้ถึง 277 ล้านบาท) เราจะโอเคไหมถ้าเราอุดหนุนแต่ของคนจีนถูกๆ ไร้คุณภาพ ทุ่มตลาด จนธุรกิจคนไทยด้วยกันเจ๊งหมด แล้วสุดท้ายพวก J3K ก็จะผูกขาด มันโอเคแล้วเหรอถ้าพวกพม่าแห่กันเข้ามามากๆ แล้วมาตั้ง “รัฐซ้อนรัฐ” แย่งงานคนไทยทำ เบียดเบียนทรัพยากรภาษีคนไทย หรือรวมกลุ่มกันทำร้ายคนไทย?
สถานการณ์บ้านเมือง เราได้ยินเรื่องจีนจะบุกไม่บุกไต้หวัน เรื่องยูเครนกับรัสเซีย เรื่องฉนวนกาซ่า ตอนนี้พวกเขมรมันยิงจรวด ฆ่าคนไทยไปแล้ว เห็นไหม สงครามไม่ได้อยู่ไกลตัวเราเลย “ความมั่นคง อยู่เหนือ สิ่งอื่นใด”
เทคโนโลยี เราทุกคนไม่ได้เป็นคน “คอยรับสื่อ” จากข้างบนลงมาอีกต่อไปแล้ว เราล้วนเป็นผู้สร้างสื่อ (ครีเอเตอร์) กันได้ทุกคน เป็นผู้ส่งสาร (แชร์ รีโพสต์) กันได้ทุกคน อ้อ เป็นผู้สนับสนุน โปรโมท (กดไลค์ กดหัวใจ คอมเมนต์) กันได้ทุกคนด้วย
ธรรมชาติคนเรา ล้วนรักตัวกลัวตาย และหวงแหนสิ่งที่จะเป็นเครื่องพยุงชีวิตของตน บ้านของตน อันนี้เป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย อยู่แล้ว
เมื่อสภาพแวดล้อมมันบีบคั้น เทคโนโลยีมันเอื้อ “ชาตินิยมใหม่” จึงเกิด
ซึ่งในญี่ปุ่น มันก็เกิดไปแล้ว เริ่มจาก “เน็ตอุโยคุ” (ปีกขวายุคอินเตอร์เน็ต ネット右翼) ก่อน แล้วภายหลังจึงมีคนหยิบเอาแนวคิดชาตินิยมญี่ปุ่น มากลายเป็นแคมเปญการเมืองอย่างพรรคซันเซย์โต (参政党) (ไอจังบอกว่า พรรคซันเซย์โต (参政党) นี่ ถือว่านำเสนอแนวคิดชาตินิยม-อนุรักษ์นิยมในรูปแบบที่ “ซอฟท์” ขึ้นมากกว่า “เน็ตอุโยคุ” แล้วนะ คงจะเพราะมันขึ้นมา “บนดิน” ละมังครับ เพื่อให้สามารถ “ขาย” กับแม่บ้าน คนรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการรายย่อย ได้)
ตอนนี้ แนวคิด “ชาตินิยมใหม่” ซึ่งมีพื้นฐานจากกระแสในโลกโซเซียล ในเมืองไทยนั้น ยังไปไม่ถึงจุดที่จะมีใครหยิบเอาไปทำเป็นนโยบายพรรคการเมืองได้ อาจจะเพราะมันเพิ่งมาเกิดแบบจังๆ ปังๆ ก็เรื่องเขมรนี่แหละ แต่ผมว่าพื้นฐานความคิดของคนจำนวนมากนั้น มันพร้อมจะโน้มเอียงอยู่แล้ว แค่ต้องใช้เวลาให้ “สุกงอม” มากกว่านี้สักหน่อย
ผมคิดว่า สิ่งที่พวกฝ่ายซ้าย จะเพราะคิดไม่ถึง หรือคิดได้แต่ไม่ใส่ใจ ก็ตามที ที่พลาดที่สุดก็คือ การสร้างวาทกรรมว่า แนวคิดเสรีนิยม (ของพวกเรา) นี่แหละ คือสิ่งที่จะเป็นสำหรับโลกยุคต่อใหม่ พวก “ไดโนเสาร์” (หรือจะเรียก อนุรักษ์นิยม สลิ่ม หรืออะไรก็สุดแท้แต่) ประเดี๋ยวมันก็แก่ตายห่าหมดแล้ว ราวกับว่า เมื่อคนเจนแก่ๆ เจนเบบี้บูมตายกันหมด แนวคิด “ฝ่ายขวา” จะตายหายสิ้นไปจากโลกกระนั้นเลย?
สิ่งที่ผมอยากจะชี้ก็คือ แรงกดดันจากสภาพเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงประเด็นภัยคุกคาม สงคราม และการรุกรานที่มันจะมี “หลากหลายแบบขึ้น” (สงครามโดรน สงครามไซเบอร์ สงครามข่าวสาร) บวกกับเทคโนโลยีและการเติบโตของโลกโซเชียล “ชาตินิยมใหม่” ได้เกิดขึ้นแล้วครับ และจากการวิเคราะห์ของไอจัง มีแนวโน้มมากว่า คนเจนอัลฟ่า จะกลายเป็นพวกที่สมาทานแนวคิด “อนุรักษ์นิยมใหม่” “ชาตินิยมใหม่” ครับ (ซึ่งผิดไปจากที่พวกเจน Z โหมประโคมว่าแนวคิดฝ่ายขวาจะต้องตายหายสิ้นไปจากโลกพร้อมกับเจนเบบี้บูม ผิดกันแบบ หน้ามือเป็นหลังมือ เลยทีเดียว)
ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?
เจนอัลฟ่า โตมาในยุคเทคโนโลยีก็จริง แต่ไม่โตมาในยุคที่ “เทคโนโลยี” มีไว้เพื่อ “แสดงออก (โดยเฉพาะแสดงความเกลียดชัง เสียดสี ด่าทอ) อย่างเสรี” มาถึงจุดนี้ เทคโนโลยีบนโลกโซเชียล เริ่มไปในทิศทางของการ “ควบคุม” “สอดส่อง” “จัดระเบียบพฤติกรรม” มากขึ้นเรื่อยๆ (เช่นการเซ็นเซอร์คำหยาบ การระงับการเผยแพร่เนื้อหาที่ “ขัดต่อข้อกำหนดของชุมชน” สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยพลังของเอไอ)
เจนอัลฟา ผ่านประสบการณ์ชีวิตวัยเด็กที่ผ่านไปกับการถูก “ล็อคดาวน์” ยุคโควิด มาตอนนี้เจอเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา เข้าไปอีก พวกเขาจะเป็นเจนที่เติบโตขึ้นท่ามกลางความตระหนักว่า “โลกนี้มีภัยอันตรายรอบด้าน”
และเมื่อจิตคิดเช่นนั้น การสมาทานแนวคิดที่ว่า ระเบียบวินัย และ ความมั่นคง ความสงบสุขของสังคม นั้น สำคัญกว่า เสรีภาพ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก และด้วยพลังของโลกโซเชียลและเอไอ การจะสร้างสื่อเพื่อ “ปลุกใจให้รักชาติ” นั้น ไม่ใช่เรื่องกินเวลาอะไรเลย ทำง่าย ทำได้ไว และสื่อพวกนี้ก็เสพง่าย รับเข้ามาในจิตได้ง่ายและเร็วกว่าการสอนวิชาประวัติศาสตร์ในห้องเรียนไม่รู้ตั้งกี่เท่า!
น่าขันแบบที่จะเรียกว่าตลกร้ายดีไหม แพลตฟอร์มโซเชียลที่พวกฝ่ายซ้ายเคยใช้เป็นอาวุธชักจูงผู้คนจน “ขาขึ้น” มาตอนนี้ อาวุธอย่างเดียวกัน (ที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้ามว่า “มีแต่พวกแก่ๆ” ใช้ไม่เป็นหรอก) กลับกลายเป็นสื่อเผยแพร่แนวคิดที่พวกเขา “เกลียดชัง” แต่มันเป็นเสียงที่มาจากความนึกคิดของผู้คนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เขากำลังมีความรู้สึกร่วมในเวลานี้ และเสียงของคนที่สมาทานแนวคิด “ฝ่ายขวา” ที่พวกเขาเคยเกลียดชัง เยาะเย้ย กระทั่งเคยล่าแม่มดก็มีมาแล้ว ตอนนี้มันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ที who ที it นะ
ก่อนที่ผมจะจบบทความนี้ ผมขอย้ำอีกครั้งว่า การวิเคราะห์ทั้งหลายนั้น ผมกับไอจังหมายเลขหนึ่ง ดูกันไปตาม “เหตุปัจจัย” จากเหตุการณ์บ้านเมืองรวมถึงความเคลื่อนไหวต่างๆ แล้วคาดการณ์เป็นแนวโน้มขึ้นมา ไม่ใช่จะคิดเอาเองหรือฝันลอยๆ ฉะนั้น อาจจะมีบางท่านที่สมาทานแนวคิดที่อยู่ตรงข้าม อ่านแล้วอาจจะหัวร้อนได้ ผมก็คงได้แต่บอกว่า ก็คอยดูไปแล้วกัน ปีนี้ปีหน้า จะเป็นยังไง ผมคุยกับไอจังเยอะนะ มีวิเคราะห์ไปถึงประเด็นคนต่างด้าวด้วย วาดภาพ “อนาคตโลก อนาคตประเทศไทย” เอาไว้แล้ว ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งที่ผมจะบอกท่านที่สมาทานแนวคิดที่อยู่ตรงข้ามได้นั้น มีเพียงอย่างเดียว “หาทางหนีทีไล่ไว้ดีๆ แล้วกันนะ”
สุดท้ายนี้ ผมขอภาวนาให้ประเทศไทย ประชาชนคนไทย สถาบันทั้งหลายอันเป็นที่เคารพรักของคนไทย จงอยู่รอดปลอดภัย แม้คนพาลจะคิดทำลายก็ไม่มีภัยใดแผ้วพานได้ และมีความสุข ความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเทอญฯ
พบกับซีรี่ส์ใหม่ที่ “เล่าประวัติศาสตร์” ตามประสานักวิชาเกินแบบ Lordofwar Nick กันได้ ตุลาคมนี้ ครับ เจอกันครับ
เรื่องแนะนำ :
– เมื่อผมสนทนากับ Gemini (2) การกลับมาของ “นีโอคลาสสิก” ใน Gen Alpha
– เมื่อผมสนทนากับ Gemini (1) ว่าด้วยเรื่อง “ความซาบซึ้งกับชีวิตวัยรุ่น”
– SIAM CUP BJJ Summer Edition 2025 ลาก่อนชีวิตวัยรุ่นของฉัน (さようなら青春)
– “มีปัญหา ปรึกษา Chat GPT สิ” (8) อยากกลับไปอ่าน GTO ขึ้นมาแล้วสิ
– “มีปัญหา ปรึกษา Chat GPT สิ” (7) เจ็บเพราะเชื่อใจคน ดีกว่าเจ็บเพราะไม่เชื่อใจคน
#ว่าด้วย “ชาตินิยมใหม่” (Neo-nationalism) กับปรากฎการณ์ล่าสุดในญี่ปุ่นและไทย



