เขาว่ากันว่าละครญี่ปุ่นมักจะมีฉากรุนแรง ภาพชวนสยองนิดๆ หรือฉากต้องห้ามต่างๆ ว่าแต่ละครญี่ปุ่นจะใช้วิธีอะไรบ้างในการควบคุมเนื้อหาละครแนวนี้ ตามมาดูกันเลยค่ะ
เขาว่ากันว่าละครญี่ปุ่นมักจะมีฉากรุนแรง ภาพชวนสยองนิดๆ หรือฉากต้องห้ามต่างๆ ฉายอย่างตรงไปตรงมาให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ในแบบที่ไม่เซ็นเซอร์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีวิธีการกลั่นกรองเนื้อหา ที่ไม่ได้ลงเอยแค่วิธีการเซ็นเซอร์อย่างเดียว ว่าแต่ละครญี่ปุ่นจะใช้วิธีอะไรบ้างในการควบคุมเนื้อหาละครแนวนี้ ตามมาดูกันเลยค่ะ
1. เวลาในการฉาย
ละครญี่ปุ่นมีหลายช่วงเวลาค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเช้า กลางวัน ค่ำ ตอนดึก ซึ่งแต่ละช่วงเวลาเนี่ย แนวละครก็จะต่างกัน อย่างเช่น…
– ละครตอนเช้า หรือที่เรียกกันว่า “Asadora” เนื้อเรื่องของละครช่วงนี้ก็จะออกแนวให้กำลังใจ มองโลกในแง่ดี บางทีก็ถ่ายทอดชีวิตจริงจากบุคคลในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นผู้หญิงที่มีความเก่งกล้าสามารถ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจค่ะ โทนเรื่องก็จะออก Feel Good ได้พลังในการก้าวเดิน สมกับเป็นละครที่ตื่นมาเจอในตอนเช้า พร้อมรับสิ่งดีๆ ก่อนที่จะออกไปใช้ชีวิต
“Asa ga Kita” ละครตอนเช้าในตอนนี้ค่ะ
เป็นเรื่องราวที่สร้างมาจากชีวิตจริงของ Asako Hirooka
– ละครตอนกลางวัน หรือ “Hirudora” ละครช่วงนี้กลุ่มเป้าหมายก็จะเป็น “แม่บ้าน” ค่ะ เนื้อหาของละครก็จะออกแนว Romance เรื่องรักๆ ใคร่ๆ คนนั้นไปเป็นชู้กับคนนี้ หรือรักสามเส้าอะไรประมาณนี้ค่ะ
“Wakaretara Suki na Hito” ละครช่วงกลางวันในซีซั่นนี้ค่ะ เรื่องราวของแฟนเก่า
ที่เลิกลากันต้องมาพบเจอกันอีกครั้งโดยบังเอิญในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง
– ละครช่วงประมาณ 2-4 ทุ่ม ก็จะเป็นละคร Prime Time อารมณ์ละครหลังข่าวในบ้านเรา เนื้อหาก็จะออกแนวเครียดๆ จริงจังๆ หน่อย แต่ก็แฝงแง่คิด และแรงบันดาลใจที่ดี เป็นละครที่ดูได้ทุกเพศ ทุกวัยค่ะ
“I’m Home” ละครแนวครอบครัว ที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต พร้อมแง่มุมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทั้งครอบครัว เพื่อน และผู้ร่วมงาน ละครน้ำดีแบบนี้ถูกจัดให้อยู่ในเวลาทองค่ะ
– ละครตอนดึกตั้งแต่ 5 ทุ่มเป็นต้นไป บางเรื่องก็จะคล้ายๆ กับละคร Prime Time ค่ะ แต่บางเรื่องก็จะมีเนื้อหาที่ล่อแหลมนิดๆ อย่างเช่นละครที่มีฉากเลิฟซีนเยอะ ก็จะมาฉายในละครช่วงนี้แทน
“Second Love” ละครรักโรแมนซ์สุดร้อนแรง ก็ฉายในเวลาดึกๆ 5 ทุ่มค่ะ
2. แสดงเจตนาที่แท้จริงผ่านเนื้อเรื่อง
แม้จะมีช่วงเวลาในการกำกับแนวละคร หรือต่อให้ใช้มุมกล้อง แต่เอาเข้าจริงแล้ว ละครญี่ปุ่นก็มักจะมีฉากที่เราๆ อาจคิดว่ามันล่อแหลม รุนแรง สยดสยองเบาๆ ให้ได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากเอาปืนจ่อหัว ฉากดื่มเหล้า เบียร์ ฉากเลิฟซีน หรือละครที่มีเนื้อหาเสียดสีสังคม ก็สามารถฉายได้ในละครอย่างไม่มีเซ็นเซอร์ ซึ่งสิ่งที่จะมาป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด หรือเข้าใจไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควรก็คือ “เนื้อหา” หลักของละครค่ะ อย่างเช่น ละครสืบสวนสอบสวนเราอาจเห็นคนร้ายฆ่าใครสักคนอย่างโหดเหี้ยมมาก แต่ท้ายที่สุดแล้ว ละครก็จะบอกว่าการกระทำนั้นคือสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะความโหดร้ายแบบนั้นแหละ ถึงทำให้เกิดสิ่งที่ไม่ดีตามมา แล้วละครก็จะค่อยๆ เผยให้เห็นผลกระทบของการก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆ ความรู้สึกของผู้คนที่ยังเหลืออยู่ท่ามกลางโศกนาฏกรรม พอดูจบแล้วเรียกได้ว่า เราอาจไม่กล้าไปทำร้ายใครได้อีกเลยค่ะ พร้อมกับชูความเท่ของนักสืบ ตำรวจในเรื่อง ต่อให้ผู้ร้ายเก่งกาจขนาดไหน แต่คนดีมักถูกยกย่อง และได้รับการยอมรับจากคนในสังคมเสมอ
หรือจะเป็นแนวละครเสียดสีสังคม มีการพาดพิงถึงเรื่องการเมืองเอย วงการการทำงานในแต่ละสายอาชีพ หรือองค์กรต่างๆ บางเรื่องดูแล้ว เราอาจเกิดความสงสัยว่า เขาปล่อยให้ฉายออกมาได้ยังไง แต่พอดูเจตนาการของละครพวกนี้ เราจะรู้ค่ะว่า เขาไม่ได้ทำออกมาเพื่อทำร้ายสังคม แต่ทำออกมาเพื่อชี้นำให้สังคมไปในทางที่ถูกที่ควรให้มากขึ้นกว่านี้ อย่างเรื่อง “CHANGE” เป็นละครแนวการเมืองที่เนื้อหาดีมากๆ เลยค่ะ
3. บ้านเมืองมีขื่อมีแป
เพราะบ้านเมืองยังมีกฎหมายคุ้มกันอยู่ ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมาจริงๆ ก็ยังมีกฎหมายเป็นตัวคุ้มครอง และช่วยไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น กรณีนี้ก็อย่างเช่น ประเด็นฉากแอลกอฮอล์ ถึงแม้ในละครจะไม่เซ็นเซอร์ฉากที่มีแอลกอฮอล์ หรือการที่ดาราสามารถมาโฆษณาเหล้า เบียร์ได้ ก็ไม่ถือว่าดาราออกมาเชิญชวนให้ดื่มของมึนเมา เพราะในกฎหมายระบุไว้ว่าห้ามบุคคลที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด และทุกคนก็ถือกฎข้อนี้อย่างเคร่งครัด จนกลายเป็นว่า ไม่ว่าจะมีสิ่งล่อใจขนาดไหน แต่คุณก็ทำดื่มไม่ได้ ถ้ากฎหมายไม่อนุญาต
4. “ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง”
แต่บางทีผู้จัดก็คงอดคิดไม่ได้ว่า คนดูจะคิดไปไกลนอกเหนือจากสิ่งที่เราตั้งใจจะนำเสนอหรือเปล่านะ บางทีก็อาจมีฉากรุนแรง ความโหด ฉายออกไปอาจไม่งามตา แต่มันมีความจำเป็นกับเนื้อเหมือนกัน ถ้าจะไปเซ็นเซอร์เนี่ย มันก็อาจทำให้เกิดจุดที่น่ารกหูรกตา ดีไม่ดีไอ้เบลอๆ เซ็นเซอร์เนี่ยแหละ ยิ่งทำให้สะดุดสายตา ชวนสงสัย อารมณ์เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด หรืออินเกินจนคิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ตอนจบของแต่ละตอน ในละครญี่ปุ่น แทนที่จะขึ้นคำว่า “จบ” มักจะขึ้นข้อความนี้แทนค่ะ
「このドラマはフィグションです。」
(Kono dorama wa fiction desu)
หรือแปลว่า “ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง”
ให้รู้กันไปเลยว่า นี่คือเรื่องแต่งนะจ๊ะคู๊ณณณณ ถ้าอินกับละครอยู่ก็เบรกนิดนึงค่ะ เพราะนี่คือ “ละคร” ถ้าจะมาจริงจังกับเรื่องแต่งที่ไม่ใช่เรื่องจริงก็ให้มันรู้กันไป! แม้ว่าจะอินขนาดไหน ก็อย่าลืมว่า สิ่งที่นำเสนอเนี่ยไม่ใช่เรื่องจริง!
5. วิจารณญาณในการรับชม
ขอบอกว่าตั้งแต่ดูละครญี่ปุ่นมา ไม่เคยเจอฉากที่มีข้อความปรากฏว่า “ละครเรื่องนี้ไม่เหมาะกับเด็กอายุที่ต่ำกว่า 18 ปี” หรือ “โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” ดุจประหนึ่งว่า “เรื่องวิจารณญาณในการชม” เป็นสิ่งพื้นฐานที่คนดูชาวญี่ปุ่นมีประจำตัวอยู่แล้ว เลยไม่ต้องมาบอกกันค่ะ แต่จะมีแค่คำว่า “Kono dorama wa fiction desu” (เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง) พอรู้ว่ามันเรื่องแต่ง มันก็จะเกิดกระบวนการทางความคิดไปอย่างอัตโนมัติค่ะว่า อย่าอินจัด เวลาดูก็ต้องมีวิจารณญาณดีๆ ควรรู้ว่าอะไรควรไม่ควรค่ะ ด้วยการมีวิจารณญาณในการดู ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ละครญี่ปุ่นมีฉากเซ็นเซอร์น้อยมาก
แต่!! ละครญี่ปุ่นก็มีฉากเซ็นเซอร์ให้เห็นกันนะคะ แบบนี้…
ห๊ะ! ว่าไงนะ จู่ๆ มาพูดเรื่องใต้สะดือในชั้นศาล คุณพระอกอีแป้นจะแตก
เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลยเถิดไปมากกว่านี้ มิจิโกะ เซนเซย์ เลยรีบคัดค้านทันที!
และหลังจากนั้นหน้าจอทีวีก็ขึ้นข้อความนี้ค่ะ
กลัวว่าละครจะสร้างมลทิน ความแปดเปื้อนในโลกอันสวยงามของคนดู
เลยขึ้นข้อความไว้ก่อนว่าอาจมีคำไม่เหมาะสมนะจ๊ะ แต่ถึงอย่างนั้น…
เออ…นั่นสิ แล้วจะพูดว่าอะไรดีล่ะ?
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุจริงๆ
ฉากนี้เป็นฉากล้อเลียนขำๆ ฉากหนึ่งในละครเรื่อง “Legal High” ค่ะ เป็นการเสียดสีการเซ็นเซอร์อย่างเบาๆ ด้วยเนื้อเรื่องของเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวแนวเสียดสีสังคม ความจริงบางอย่าง ที่ไม่อาจพูดออกไปได้อย่างตรงไปตรงมาในสาธารณะ เรื่องนี้เลยหยิบประเด็นการพูดคำหยาบ หรือคำใต้สะดือมาเล่นค่ะ จากฉากนี้ก็ทำให้เห็นในมุมมองของโคมิคาโดะ เซ็นเซอร์ว่า บางทีกับการมาบอกว่าไม่เหมาะสมเนี่ย มันก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ในบางเรื่องก็ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ต่อให้ในโลกสาธารณะเราทำตัวอย่างเหมาะสม หรือสุภาพก็จริง แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง เรื่องพวกนี้เราก็รู้ดีกับมันไม่ใช่หรือว่าอะไรคืออะไร (พูดภาษาบ้านๆ โคมิคาโดะ เซนเซย์อยากจะบอกประมาณว่า หยุดดัดจริดเถอะ อะไรประมาณนั้นค่ะ) เห็นฉากเซ็นเซอร์ฉากนี้อดสงสัยไม่ได้จริงๆ ค่ะว่า ในภาษาญี่ปุ่น *** ของผู้ชายเนี่ย มันหลากคำได้ขนาดนั้นเชียวหรือนี่! ต่อให้เซ็นเซอร์ ก็หยุดความคิดไม่ได้จริงๆ ค่ะ
และนี่ก็คือวิธีจัดการฉากที่เข้าข่ายอาจดูไม่เหมาะสม หรือมีความรุนแรงทางเนื้อหา การเซ็นเซอร์ก็เป็นการป้องกันอันดับแรกที่ดีค่ะ แต่ในบางทีก็อาจทำให้เสียอรรถรสในการชมละครได้ สิ่งสำคัญคงอยู่ที่การนำเสนอเนื้อหาที่เหมาะสม เจตนาที่แท้จริง และวิจารณญาณในการชมค่ะ
ในบางครั้งโลกนี้ก็มีความจริงอันโหดร้ายที่เราต้องเรียนรู้มากกว่าการปิดกั้น…
ทักทายพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ที่ >>> Facebook Sakura Dramas
เรื่องแนะนำ :
– ละครแนวแซ่บๆ แบบญี่ปุ่น
– พลังของละครญี่ปุ่นที่มีต่อสังคม!
– ละครญี่ปุ่นสร้างมาจากอะไร?
– ดาราญี่ปุ่นกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
– ปัจจัยการสร้างละครญี่ปุ่นน้ำดีแล้วไม่แป้ก!ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก:
-ละครญี่ปุ่นเรื่อง “Legal High”
-http://asianwiki.com/Sunshiny_Asa
-http://wiki.d-addicts.com/Wakaretara_Suki_na_Hito_(2015)
-http://wiki.d-addicts.com/I’m_Home_(TV_Asahi)
-http://asianwiki.com/Second_Love
-https://ruangreview.wordpress.com/tag/drama-jepang/