สำหรับละครญี่ปุ่นที่น่าจับตามองที่สุดใน Spring Season นี้ เห็นทีจะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้นอกจากเรื่อง “I’m Home” ละครญี่ปุ่นที่ขึ้นแท่นเรตติ้งอันดับ 1! อะไรที่ทำให้ละครเรื่องนี้ครองใจคนญี่ปุ่น วันนี้จะมาเล่าให้ฟังค่ะ
สำหรับละครญี่ปุ่นที่น่าจับตามองที่สุดใน Spring Season นี้ เห็นทีจะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้นอกจากเรื่อง “I’m Home” ละครญี่ปุ่นที่ขึ้นแท่นเรตติ้งอันดับ 1! อะไรที่ทำให้ละครเรื่องนี้ครองใจคนญี่ปุ่น วันนี้จะมาเล่าให้ฟังค่ะ
ละครญี่ปุ่นเรื่อง I’m Home ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อเรื่องเดียวกัน แต่งโดย “Kei Ishizaka” เป็นละครรีเมคค่ะ เคยสร้างมาแล้วเมื่อ 10 กว่าปีก่อนทางช่อง NHK และเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ “ทาคุยะ คิมูระ” รับบทนักแสดงนำของทาง TV Asahi อีกด้วย
ละครเรื่องนี้ก็จะออกแนวครอบครัวลึกลับๆ ถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวไปพร้อมกับปริศนาซ่อนเงื่อนที่อยู่ใน เรื่อง จุดเริ่มต้นของเรื่องราวก็เริ่มมาจาก “อิเอจิ” มนุษย์เงินเดือน ระดับหัวกะทิ จู่ๆ ก็ประสบอุบัติเหตุอย่างหนัก ส่งผลให้ความจำเสื่อม เขาฟื้นขึ้นมาพร้อมกับกุญแจ 10 ดอก ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวช่วยไขปริศนาความลับในชีวิตของเขา

แม้เขาจะความจำเสื่อม แต่โชคดีที่ว่าไม่ใช่ความทรงจำทั้งหมดที่หายไป สิ่งหนึ่งที่เขายังคงจดจำได้ก็คือ “ครอบครัว” แต่ครอบครัวที่เขาจำได้กลับเป็นครอบครัวที่หย่าร้างกันไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน ปัจจุบันเขาแต่งงานใหม่มีลูกชายด้วยกัน 1 คน เขารีบกลับไปที่บ้านใหม่ ไปหาครอบครัวปัจจุบันของเขา แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามาในบ้าน และสิ้นเสียงเอ่ยคำว่า “ทะไดมะ” (ผมกลับมาแล้ว) เขากลับเห็นภรรยาและลูกชายของเขาเป็นใครสักคนที่กำลังสวม “หน้ากาก” อยู่ ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ว่าเป็นใคร…
สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้
1. หน้ากากลึกลับ

หน้ากากที่เห็นในเรื่องนี้ ไม่ได้ถูกเอามาใช้ในเชิงสัญลักษณ์หรอกนะคะ แต่มันคือ “หน้ากาก” แบบตรงตัวจริงๆ ก็คือว่า “อิเอจิ” พระเอกของเรื่องเห็นหน้าของภรรยาและลูกของตัวเองเหมือนคนกำลังสวมหน้ากาก อยู่ตลอดเวลา เรื่องนี้ทั้ง “เมกุมิ” ผู้เป็นภรรยากับ “โยชิโอะ” ลูกชายวัย 4 ขวบ ต่างก็ไม่รู้เรื่องนี้ค่ะ ทำให้ทั้งสองก็งงๆ กับพฤติกรรมของอิเอจิอยู่บ้าง แล้วสิ่งนี้นี่เอง ที่ทำให้ละครเรื่องนี้ดูมีความเป็นพิเศษขึ้นมา ทำให้คนดูอย่างเราๆ อดสงสัยไม่ได้ค่ะว่า เพราะเหตุใด “อิเอจิ” ถึงมองเห็นภรรยาลูกตัวเองสวมหน้ากาก ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นคนที่สนิท ใกล้ชิดที่สุด ประเด็นนี้แม้แต่ “หมอประจำตัว” ของอิเอจิก็ยัง “งง” เลยค่ะ ถ้าหมอไม่รู้ แล้วใครจะรู้ล่ะคะเนี่ย ที่มาที่ไปของ “หน้ากาก” เป็นยังไงกันแน่ บางทีอาจจะเกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างอิเอจิกับคนในครอบครัวก็ เป็นได้!?

ว่าแล้ว อิเอจิก็ขอเช็กสภาพหน้าลูกชายตัวเองหน่อย ใส่หน้ากากจริงๆ หรือเปล่าน้า หรือเราเห็นไปเองคนเดียวนะ ผลสรุปก็คือ ลูกก็แหกปากดังลั่นบ้านสิคะ ก็มันเจ็บสิคะคุณ เพราะจริงๆ ลูกไม่ได้ใส่หน้ากากอะไร แต่ตาคุณพ่อเนี่ย ดันเห็นเป็นภาพหน้ากาก พอเป็นแบบนี้ก็เลยต้องสืบหาต่อไปว่ามันเกิดจากอะไร และทำยังไงหน้ากากถึงจะหลุดออกจากใบหน้าของพวกเขาทั้งสองสักที
2. ปริศนาเบื้องหลังชีวิตในอดีตของ “อิเอจิ”
อย่างที่เล่าไปค่ะว่า อิเอจิประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียความทรงจำ เขาสูญเสียความทรงจำเกือบหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความหลังของผู้คนในชีวิตเขา หรือจะเป็นแม้กระทั่ง “ความสามารถในการทำงาน” สิ่งที่อิเอจิเคยทำได้ เขากลับลืมไปหมดทุกอย่าง ทำให้จากพนักงานระดับเบอร์1 อย่างเขา ต้องมาอยู่ในแผนกที่เขาว่ากันว่า เป็นแหล่งรวมพวกคนไม่เอาไหน

และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ความทรงจำช่วง 5 ปีของเขาที่หายไปนั้น เป็นช่วงเวลาที่เขาได้รู้จักกับ “เมกุมิ” ภรรยาคนใหม่ กับลูกชายของเขาพอดี ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมความทรงจำระหว่าง “ครอบครัว” ถึงได้หายไป จำอะไรแทบไม่ได้ ความรู้สึกรัก และความผูกพันก็เลือนราง แถมยังเห็นใบหน้าของทั้งสองคนเป็นคนสวมหน้ากากอีกต่างหาก คาดเดาไม่ได้เลยว่า พวกเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร ตอนนี้กำลังยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้ แม้จะกลับเข้ามาในบ้าน พร้อมพูดว่า “ทาไดมะ” (ผมกลับมาแล้ว) แต่ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า ยังกลับไม่ถึงบ้านจริงๆ
ด้วยความที่อิเอจิจำอะไรไม่ได้ ส่งผลให้ตัวตนของอิเอจิเปลี่ยนไปด้วย หลายๆ คนต่างบอกว่าอิเอจิอ่อนโยนขึ้น ใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้น ซึ่งต่างจากอิเอจิคนเดิมอย่างสิ้นเชิง

อิเอจิอยากจะรู้ว่าเขาคนเดิมเป็นคนยังไง แล้วไปสร้างเรื่องสร้างราวอะไรไว้บ้าง เขาเลยอยากจะรื้อฟื้นความทรงจำเก่าคืนกลับมา โดยมีสิ่งหนึ่งที่จะนำทางให้เขาได้รู้ความจริงก็คือ “พวงกุญแจ 10 ดอก” ที่ติดตัวเขามา สิ่งนี้จะเป็นกุญแจไขปริศนา เปิดกล่องแห่งความลับในอดีตของเขา ที่อาจเป็น “กล่องต้องห้าม” ที่นำพาเขาไปพบเจอทั้งความจริง และความเจ็บปวดก็เป็นได้
3. Mystery ลึกลับ สืบสวนเบาๆ
แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้ในละครแนว Mystery Family ก็คือบรรยากาศ “ความลึกลับ” “ปริศนา” ที่ชวนสงสัยในละคร เรื่องนี้เปิดเรื่องมาโดยที่พระเอกและคนดูไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นยังไง แล้วอะไรที่ทำให้อิเอจิเห็นภรรยาและลูกตัวเองเหมือนคนใส่หน้ากาก สิ่งที่จะทำให้รู้ได้ก็คือ การค่อยๆ สืบสาวหาความจริง สืบจากการพูดคุยกับผู้คน เอกสาร สิ่งของต่างๆ รวมไปถึงพวงกุญแจ 10 ดอก ที่จะเป็นตัวเชื่อมโยงถึงชีวิตเก่าของตัวอิเอจิเอง

เมกุมิ: ไม่เคยเลยค่ะ ไม่เคยเลยสักครั้ง
แต่…ทำไมกลับมีภาพถ่ายหนึ่งของอิเอจิกับลูกชายของเขาที่เหมือนกำลังไปสวนสนุกแห่งหนึ่ง พร้อมกล่องสมบัติ!?
4. นักแสดง

อีกหนึ่งความน่าสนใจก็ของเรื่องนี้ก็คือ “นักแสดงนำ” ของเรื่องค่ะ ที่ได้ “Takuya Kimura” พระเอกตลอดกาลของญี่ปุ่น มารับบทเป็น “คุณพ่อ” ของเรื่อง แถมมาประกบคู่กับนักแสดงสาวชื่อดังอย่าง “Aya Ueto” พร้อมกับนักแสดงเด็กคลื่นลูกใหม่ ฝีมือดีใช้ได้อย่าง “Rai Takahashi”
สำหรับเรื่องนี้ทาคุยะก็โชว์ฝีไม้ลายมือด้านการแสดงไม่ธรรมดา จะว่าไปก็รับบทหนักเช่นกันที่ต้องเล่นเป็น 2 คน ก็คือ “อิเอจิคนเก่า” กับ “อิเอจิคนใหม่” (สมองเสื่อม) ที่มีคาแร็กเตอร์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ! เป็นอีกครั้งที่ได้เห็นทาคุยะมารับบทละครแนวดราม่า ส่วนตัวแล้วชอบทาคุยะเล่นกับบทแนวๆ นี้ค่ะ ละครแนวดราม่าจะเป็นแนวที่นักแสดงต้องสื่ออารมณ์มากพอสมควร ต้องใช้ความสามารถในการแสดงอย่างเต็มที่ เป็นอีกเรื่องที่ทาคุยะจะได้โชว์ฝีมือการแสดงของตัวเองแบบจัดเต็มค่ะ
5. ข้อคิดชีวิตและครอบครัว
ละครเรื่องนี้ก็ไม่ถึงกับว่ามีคำคมมากระแทกใจมาให้เห็นบ่อยๆ แต่มีความลึกซึ้งกินใจมาจากเนื้อเรื่องที่นำเสนอออกมามากกว่าค่ะ ต้องดูไปเรื่อยๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ถึงจะค่อยๆ เรียนรู้ และซึมซับข้อคิดที่น่าสนใจจากเรื่องนี้
“I’m Home” ทำให้เห็นถึงความสำคัญของ “ครอบครัว” ท่ามกลางสภาพสังคมในปัจจุบันที่ทำให้เราอาจต้อง “ห่างเหิน” กับครอบครัวมากขึ้น ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ทำให้เราหันมาทำงานหนักกันมากขึ้น หรือเพราะความหวังดีที่อยากให้ครอบครัวสุขสบาย อยากให้ลูกตัวเองมีชีวิตที่ดี ก็เลยต้องก้มหน้าก้มตาแบบหามรุ่งหามค่ำ โดย มีความเชื่อที่ว่า ยิ่งเรามีตำแหน่งในหน้าที่การงานสูงเท่าไรก็ยิ่งเลิศ เราหาเงินได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี โดยลืมไปเลยว่า “หัวใจ” ของคนในครอบครัวก็ต้องได้รับการดูแลเหมือนกัน

แต่จู่ๆ ดันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ได้ เพราะอย่างนั้น…ปล่อยให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ชอบเถอะนะ”
จริงๆ แล้วชีวิตเรามัน “ไม่แน่นอน” เราอาจจะเตรียมพร้อมเพื่ออนาคตอย่างเต็มที่ แต่เพราะความไม่แน่นอนในชีวิต ก็อาจจะทำให้สิ่งที่ตั้งใจสร้างมาอย่างดิบดี พังทลายลงไปต่อหน้าต่อตาเลยก็ได้ ไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่สักวันต้องตายจากไป รวมถึงคนอื่นๆ ด้วย ที่ไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาเหลือในโลกนี้อีกเท่าไร ฉะนั้น เราควรหันมาใส่ใจ พูดคุย ให้เวลากับคนในครอบครัว คนที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุด คนที่คอยต้อนรับเรากลับมาเสมอ ไม่ว่าเราจะกลับมาในสภาพไหนก็ตาม…
ข้อด้อย
1. ออกแนวเครียดๆ จริงจังกับชีวิตนิดหน่อย
ตามขนบละครญี่ปุ่นค่ะ ละครดีต้องมีเรื่องเครียด (จากความเคยชินก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเครียดเท่าไร แต่ถ้าคนที่ไม่ค่อยได้ดูละครญี่ปุ่นอาจจะมองว่าเครียด ไม่มีเรื่องรักมุ้งมิ้งโผล่มาให้ฟินประมาณนั้น) เนื้อเรื่องก็จะมุ่งเน้นไปที่ปัญหาของครอบครัว พูดถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและคนรอบข้างเป็นหลัก บางปัญหาก็ก่อให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ แต่พอดูจบไปแต่ละตอน มันทำให้เราได้ฉุกคิดอะไรบางอย่าง และอยากย้อนกลับมาดูแลครอบครัวเราให้มากกว่าเดิมค่ะ
2. เดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ
ก็คงเป็นเพราะสไตล์ละครแนวครอบครัวค่ะ ที่มันจะไม่หวือหวา ตื่นเต้นเร้าใจอะไรมาก จะเป็นเรื่องที่ค่อยดำเนินไปอย่างช้าๆ ปริศนาต่างๆ จะค่อยคลี่คลายแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้จะเป็นแนว Mystery แต่ก็ไม่ได้ออกแนวตื่นเต้นเร้าใจ อารมณ์สืบสวนสอบอะไรขนาดนั้น จะเป็นการค่อยๆ รู้ความจริงไปทีละนิดๆ มากกว่าค่ะ บางทีดูๆ ไปเราก็จะรู้สึกว่า ทำไมมันเรื่อยๆ นะ แต่เรื่องนี้ก็สร้างความน่าติดตามขึ้นมาตรงที่ว่า…เลือกให้พระเอกเป็นคน ความจำเสื่อมนี่แหละ ทำให้ทั้งพระเอกและคนดูเป็น “ผู้ไม่รู้” ไปพร้อมๆ กัน ทำให้เราอยากจะตามติดพระเอกไปเรื่อยๆ เป็นผู้สืบหาความจริงไปพร้อมกับตัวละครนั่นเอง
และนี่ก็คือเรื่องราวของละคร I’m Home อย่างคร่าวๆ ค่ะ ละครญี่ปุ่นดีๆ อีกหนึ่งเรื่องที่น่ารับชม นอกจากความสนุก น่าติดตามแล้ว ยังสอดแทรกไปด้วยข้อคิดอีกมากมาย ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัว คนที่อยู่ใกล้ชิดเรามากที่สุด แบบนี้ไงคนญี่ปุ่นถึงได้ติดใจ!
นั่นคือการกลับไป แล้วเราจำใครไม่ได้เลย แม้แต่ “ครอบครัว” ของตัวเอง
วันนี้กลับบ้านไป ลองคิดให้ดีอีกครั้งว่า “ทุกวันนี้เรารู้จักครอบครัวดีแล้วหรือยัง?”
ตามติดบทความ ของ ChaMaNow ทั้งหมด คลิ๊ก >>> Sakura Dramas
ทักทายพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ที่ >>> Facebook Sakura Dramas