วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
ตามหาวิชาดาบอิไอ (1) บูโดคังอำเภอซุยตะ
คราวนี้ผมจะพาทุกท่านย้อนอดีต ณ ต้นปี 2004 เดินไปหาที่ฝึกดาบอิไอด้วยกันนะครับ
หลังจากช่วงปีใหม่ไม่ทันไรผมก็ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนรักคนเดิมคือ เฮียก๊อบแนะนำมาว่า ไหนๆ ก็ได้มาเรียนที่ญี่ปุ่นทั้งที ลองหาเรียนวิชาที่คิดว่าเมืองไทยคงไม่มีเรียนแน่ๆ มาหน่อย เผื่อว่ากลับมาเมืองไทยจะได้มาแลกเปลี่ยนกันบ้าง ผมก็เห็นว่าดี เฮียแกก็แนะนำให้ผมลองหาที่เรียนวิชา “ดาบอิไอ” ดู (ในฐานะที่พี่แกเป็นนักเคนโด้เก่า) ผมก็ โอเค ได้เลย เพื่อเพื่อน
ทีนี้ไม่แน่ใจว่ามีท่านใดแนะนำมาว่าที่อำเภอซุยตะที่ผมอยู่นี้ จะมี “บูโดคัง” 武道館 หรือโรงฝึกวิชาต่อสู้ประจำอำเภอ ซึ่งจริงๆ อารมณ์ก็คล้ายๆ สนามกีฬาเทศบาลนั่นแหละครับแต่เปลี่ยนจากกีฬาทั่วไปสมัยใหม่ที่เรารู้จักอย่างฟุตบอล วอลเลย์บอล เทนนิส กลายเป็นวิชาต่อสู้ที่มีมาแต่โบราณ (ที่ถูกทำให้เป็นกีฬาและสันทนาการ) จำพวกยูโด คาราเต้ เคนโด้แทน ซึ่งก็มีดาบอิไอ (จริงๆ ต้องเรียกว่า อิไอโด 居合道) ด้วย
การเดินทางไปบูโดคังของอำเภอซุยตะ 吹田市立武道館 นั้นไม่ยาก ผมก็เดินมานั่งรถไฟฮันคิวสายเซ็นริจากสถานีมินามิเซ็นริ นั่งแค่สถานีเดียว พอถึงสถานีถัดไปก็ลงเลยตรงที่สถานีฮันคิวยามาดะ 阪急山田駅 (ซึ่งตรงนี้เดินไปต่อรถโมโนเรลไปเที่ยวเซ็นริจูโอได้) แล้วเดินเท้าไปอีกหน่อยก็ถึง
พอไปถึงผมก็คุยถามหาขอสมัครเรียนดาบอิไอ เขาก็ตกใจกันนิดหน่อยว่ามีคนต่างชาติหลุดมาขอเรียนเนี่ยนะ ซึ่งในทีแรกเขาก็ไม่ค่อยมั่นใจกับผมหรอกว่าจะอดทนเรียนได้แค่ไหน ก็เลยว่าเอางี้ เรียนเดือนสองเดือนแรกให้ยืมดาบ (ดาบจำลองสำหรับฝึกชักโดยเฉพาะ ตัวคมดาบทำด้วยเหล็กหล่อ ไม่มีคมฟันไรไม่ได้ก็จริง แต่ปลายแอบแหลมนะครับ) ใช้เรียน ชุดก็แต่งตัวเสื้อยืดกางเกงธรรมดานี่หละ ชั่วแค่ว่าต้องมีสายคาดเอวไว้หน่อยหนึ่งเอาไว้เหน็บดาบ (ซึ่งมีก็รุ่นพี่ในโรงฝึกเขาให้อีก) ไว้เรียนแล้วโอเคอยากไปต่อจริงๆ ค่อยซื้อชุดซื้อดาบเอา
การเรียนดาบอิไอนั้น ในสมัยนี้ซึ่งเป็น อิไอโด 居合道 หรือ วิถีแห่งอิไอ ซึ่งคลี่คลายออกมาจาก อิไอจุตสึ 居合術 ซึ่งเป็นวิชาเอาไว้ฟันคนจริงๆ นั้นจะมีเพียงการเรียนคาตะ 型 หรือท่ารำเดี่ยวเท่านั้น
ซึ่งดาบอิไอที่ผมเรียนที่บูโดคังของอำเภอซุยตะ (เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สำนักเซ็นชินคัง 洗心館) นั้น สังกัดสมาพันธ์เคนโด้แห่งโอซาก้า (แผนกอิไอ) 大阪剣道連盟 (居合道部)ซึ่งอยู่ใต้สังกัดของสมาพันธ์เคนโด้ญี่ปุ่น 全日本剣道連盟 อีกที ดังนั้นในการเรียนวิชาอิไอโดนี้ มันจะมีการเรียนเป็นสองสเต็ป คือ สเต็ปแรก พอตอนเริ่มเรียนใหม่ๆ ก็จะต้องเรียนกระบวนท่าทั้งสิบสองกระบวนท่าที่ทางสมาพันธ์เคนโด้ญี่ปุ่นเขาบัญญัติ เรียกว่า เซย์เทย์อิไอ 制定居合 ซึ่งจะเป็นการเอาท่าของสำนักนั้นนิด สำนักนี้หน่อย เอามาดัดแปลงให้ผิดแผกไปจากกระบวนท่าดั้งเดิมของสำนักนั้นๆ พอให้รู้ว่าไม่ใช่ของเดิม เอามาให้เรียนเพื่อเป็นแบบฝึกหัดให้เห็นภาพรวมวชของวิชาดาบอิไอ คือการชักดาบจากท่านั่งเซสะ (ก็คือนั่งคุกเข่าหลังเท้าราบไปกับพื้นน่ะหล่ะครับ) 正座の部 การชักดาบจากท่านั่งเข่าตั้ง ที่เรียกว่า ทะจิฮิสะ 立膝の部 การชักดาบจากท่ายืน 立居合の部 โดยมีรายชื่อกระบวนท่าทั้งสิบสองกระบวนท่าดังนี้
นี่คือท่านั่งทะจิฮิสะ 立膝 ที่มา http://yomenoukigumo.blog136.fc2.com
การชักดาบจากท่านั่งเซสะ 正座の部
.ท่าที่หนึ่ง 前 มะเอะ “หน้า” ก็คือนั่งเซสะอยู่แล้วชักดาบฟันขวาง ฟันลงซ้ำ ทำท่าสะบัดเลือดจากคมดาบ แล้วเก็บดาบเข้าฝัก
.ท่าที่สอง 後 อุชิโระ “หลัง” ก็คือ นั่งเซสะหันหลัง เตรียมกำดาบ เอานิ้วโป้งซ้ายดันประกับดาบ หมุนตัว ชักดาบฟันขวาง ฟันลงซ้ำ แล้วก็สะบัดเลือด เก็บดาบ
.ท่าที่สาม 受け流し อุเคะนางาชิ “รับไถล” อันนี้ นั่งเซสะอยู่ คู่ต่อสู้เดินมาจะฟันลง เรายกดาบป้องให้คมดาบศัตรูไถลไปแล้วเราก้าวเบี่ยงกาย เบี่ยงแนวคมดาบ แล้วยกดาบฟันลงสวนกลับไป
การชักดาบจากท่านั่งทะจิฮิสะ 立膝の部
.ท่าที่สี่ 柄当て ทสึกะอะเตะ “กระแทกด้ามดาบ” ท่านี้ดีมาก จากนั่งทะจิฮิซะ กำดาบเอาหัวด้ามดาบกระแทก (สมมุติว่ากระแทกลิ้นปี่คู้ต่อสู้) แล้วชักดาบแทงผ่านแขนซ้ายไปข้างหลัง (ท่านี้แหละผมเอาดาบแทงทะลุแขนเสื้อมาแล้วสองครั้งในชีวิต) แล้ววกกลับมาฟันลงที่ข้างหน้าอีกรอบ
การนั่งทะจิฮิสะ เนี่ย เป็นประเพณีสืบมาจากยุคเซ็นโคขุ ยุคขุนศึกใฝ่สูงที่ทำสงครามกันโครมๆ ที่พวกนายทหารเขาใส่เกราะรบ เวลาจะนั่งกับพื้นสนามก็ต้องนั่งแบบนี้จะได้ลุกไว ส่วนท่านั่งเซสะน่ะมันเป็นท่านั่งในอาคาร นั่งบนเสื่อ เป็นรูปแบบชีวิตชนชั้นนักรบในยุคเอโดะแล้ว แต่ท่าทะจิฮิสะนี้ไม่สบายตรงหลังเท้าซ้ายที่ราบกับพื้นต้องรองใต้ก้น คือเอาก้นนั่งทับหลังเท้า และต้องประคองสมดุลขาขวาที่ชันเข่าอีกซึ่งไม่ได้ชันเป็นมุมฉากทีเดียวเพราะต้องเปิดช่องตรงหน้าตักให้กำดาบหรือก้าวขาแล้วชักดาบได้ ได้ยินจากที่โรงฝึกว่าบางคนเรียนมาได้ถึงท่านี้ เผ่นหนี ไม่ไปต่อก็มีนะครับ
การชักดาบจากท่ายืน 立居合の部
.ท่าที่ห้า 袈裟切 เคสะกิริ “ฟันสะพายแล่ง” เดินๆ อยู่ บิดฝักดาบ ชักดาบวาดขึ้นแบบล่างขึ้นบน พลิกข้อมือฟันสะพายแล่งซ้ำ ถอยมาตั้งท่าฮัสโซ แล้วค่อยสะบัดเลือด เก็บดาบ
เดี๋ยวต้องมีคนถามว่าตั้งท่าฮัสโซ 八相の構え นี่เป็นอย่างไร เห็นแล้วก็คงอ๋อ เพราะเห็นกันในหนังซามูไรกันมามากแล้วนั่นเอง
ท่าฮัซโซ ที่มา https://ameblo.jp
.ท่าที่หก 諸手突き โมโรเตะทสึคิ “แทงสองมือ” เดินมา ชักดาบเฉียงมากรีดใส่หน้าศัตรูก่อน แล้วสองมือกำดาบแทงลิ้นปี่ซ้ำ กลับหลังหันฟันใส่ศัตรูที่มาข้างหลัง แล้วกลับหลังหันอีกรอบฟันใส่ศัตรูอีกคน รวมเป็นสามคน
.ท่าที่เจ็ด 三方切り ซัมโปกิริ “ฟันสามทิศ” เดินมาชักดาบมาฟันใส่หน้าศัตรูทางขวา วาดดาบข้ามหัวฟันใส่ศัตรูทางซ้ายแล้วค่อยวาดดาบข้ามหัวมาฟันศัตรูข้างหน้า
.ท่าที่แปด 顔面当て กัมเม็งอะเตะ “กระแทกแสกหน้า” เดินมา กำดาบทั้งด้ามเอาหัวด้ามดาบกระแทกแสกหน้าศัตรู ชักดาบถือมือเดียวเสมอเอวหันหลังแทงลิ้นปี่ศัตรูข้างหลัง แล้วหันกลับมาฟันลงใส่ศัตรูข้างหน้าอีกที
.ท่าที่เก้า 添えて突きโซเอเตะทสึคิ “บวกมือแทง” เดินมา มีศัตรูมาทางซ้าย ชักดาบกรีดสะพายแล่งขวา แล้วถือดาบเสมอเอว มือซ้ายวางกำกับสันดาบ แทงเข้าท้องต่อ ค่อยสะบัดเลือด เก็บดาบ
.ท่าที่สิบ 四方切り ชิโฮกิริ “ฟันสี่ทิศ” เดินมา เอาด้ามดาบยกขึ้น “ตีมือ” ศัตรูทางเฉียงหน้าขวามือ กันไม่ให้ชักดาบได้ก่อน ชักดาบ สืบเท้าแทงศัตรูทางเฉียงหลังซ้าย แล้ววาดดาบฟาดลงกลับมาใส่ศัตรูเฉียงหน้าขวา หมุนตัววาดดาบฟันลงใส่ศัตรูทางเฉียงหลังขวา หมุนตัววาดดาบฟันใส่ศัตรูเฉียงหน้าซ้าย สรุปคือฟันและแทงไปสี่คน
.ท่าที่สิบเอ็ด 総切り โซกิริ “ฟันรวมมิตร” เดินมา ชักดาบ จรดดาบเหนือหัว ฟันหน้าเฉียงซ้ายที ไหล่ขวาที สีข้างซ้ายที แล้ววาดดาบ ฟันแนวนอนเสมอเอวแบบสวิงซ้ายไปขวา แล้วจรดดาบเหนือหัวฟันลงมาตรงๆ อีกที
.ท่าที่สิบสอง 抜き打ち นุคิอุจิ “ถอนแล้วตี” ยืนอยู่ดีๆ ชักเท้าซ้ายก้าวถอยพลางชักดาบพลาง พอจรดดาบเหนือหัวได้ ฟันลงตรงๆ ทีเดียว
เป็นอันครบสิบสองกระบวนบัญญัติ (ท่ามาตรฐานกลางสำหรับสอบขึ้นโชดัง) เท่านี้ ฟังเหมือนง่ายนะครับแต่กว่าจะเรียนจบสิบสองท่าใช้เวลาหนึ่งปี
โบราณว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” ดังนั้นผมเลยจะขอเอาวิดีโอจากยูทูปมาให้ชมกระบวนท่าจริงๆ ซึ่งสาธิตโดยอาจารย์โอกุระ โนโบรุ แห่งสมาพันธ์เคนโดญี่ปุ่น มาให้ท่าได้ชมกันมา ณ ที่นี้
อันนี้จบสเต็ปแรก คือพบเรียนครบสิบสองท่า และสอบชั้นโชดังได้แล้ว ก็จะต้องเรียนกระบวนท่าของสำนักโบราณ ที่เรียนกว่า โคะริว 古流 ซึ่งแล้วแต่ว่าโรงฝึกไหนจะรับวิชาจากสายไหน อิไอโดในโอซาก้านั้น รับสืบวิชาของสำนักมุโซจิกิเด็นเอย์ชินริว 無双直伝英信流 ซึ่งพอขึ้นโชดังแล้ว ชีวิตนี้ยาวไกลทันที จากโชดันไปหานิดัน คือ (เทียบได้กับสายดำในวิชาอื่นๆ) ขั้นแรกไปหาขั้นสองนั้น จะต้องเรียนแต่ท่าจากท่าเซสะ 正座の部 ล้วนๆ สิบเอ็ดท่า ต้องใช้เวลาหนึ่งปีจึงจะสอบเอานิดันได้ พอได้นิดันจะขึ้นซันดัน ต้องใช้เวลาสองปี เรียนกระบวนท่าทะจิฮิสะอีกสิบกระบวนท่า ต้องได้ซันดันแล้วถึงจะเรียนกระบวนท่ายืนของสำนักโบราณต่อไปอีก ยาวไป ยาวไป ซึ่งผมไม่อาจบรรยายเยอะกว่านี้ได้แล้วเพราะจะเกินความรู้ตัวเองไป เพราะผมได้แค่โชดัน ได้เรียนท่าโบราณเฉพาะกระบวนท่าจากท่านั่งเซสะเท่านั้น
ขอตัดจบแต่เพียงเท่านี้ก่อน คราวหน้าจะมาเก็บตกเรื่องของวิชาให้ฟังอีกทีนะครับ
เรื่องแนะนำ :
– วัดชิเทนโนจิ (อีกรอบ) กับเนื้อย่างเกาหลีย่านทสุรุฮาชิ 29 กุมภาพันธ์ 2004
– (เรื่องแทรก ด่วนพิเศษ) เมื่อผมได้พบกับ “มือดาบซามูไร” ในลานประลองยูยิตสู SIAM CUP BJJ 2020
– ปราสาทโอซาก้า วันแดดจ้า และไคยูคัง 20 กุมภาพันธ์ 2004 (2)
– ปราสาทโอซาก้า วันแดดจ้า และไคยูคัง 20 กุมภาพันธ์ 2004 (1)
– ไหว้พระธาตุ ชมตลาดนัด ที่วัดชิเทนโนจิ 21 มกราคม 2004
#ตามหาวิชาดาบอิไอ (1) บูโดคังอำเภอซุยตะ