อาทิตย์ที่แล้ว เราคุยกันถึงเรื่องวิธีทานอาหารญี่ปุ่นบางอย่างที่พวกเราชาวไทยกลุ้มใจ ไม่รู้ว่าจะทานอย่างไร และมีคำถามตามเข้ามาอีกมากมาย ทั้งหน้าไมค์ในเพจและหลังไมค์ ดิฉันเลยขออนุญาตรวบรวมมาเขียนตอบดังต่อไปนี้ค่ะ ^^
เราเคยคุยกันถึงเรื่องวิธีทานอาหารญี่ปุ่นบางอย่างที่พวกเราชาวไทยกลุ้มใจ ไม่รู้ว่าจะทานอย่างไร หลังจากที่โพสท์บทความไป ก็มีเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม และมีคำถามตามเข้ามาอีกมากมาย ทั้งหน้าไมค์ในเพจและหลังไมค์
ดิฉันเลยขออนุญาตรวบรวมมาเขียนตอบดังต่อไปนี้ค่ะ ^^
วิธีทานทงคัตสึ
Q1: งาในถ้วยเล็กๆ ที่เสิร์ฟพร้อมทงคัตสึ พอบดแล้วให้ทำยังไงกับงาดีคะ เอาไปเป็นท้อปปิ้งของน้ำจิ้ม แบบเอาหมูจิ้มซอสแล้วเอาส่วนที่โดนซอสไปแตะๆ งา หรือว่าเอาไปโรยบนหมูทอด เหมือนโรยข้าวคั่วดีคะ

A: เวลาไปร้านทงคัตสึญี่ปุ่นดีๆ มีระดับสักหน่อย เขาจะเสิร์ฟงาพร้อมถ้วยบดให้เรา เพื่อให้เราบดสดๆ จะได้มีกลิ่นหอมของงายังคงอยู่ อย่าลืมเอาไม้มาบดๆ ถูๆ งาไปเรื่อยๆ นะคะ งามันจะแตกตัวเป็นผงๆ เวลาทานกับหมูทอดจะได้หอมอร่อย (พูดแล้วก็อยากทาน)
ก่อนอื่นคาดว่าคงมีคนสงสัยว่าจะบดงาไปถึงเมื่อไรดี คำตอบคือ … แล้วแต่ที่ชอบๆ ค่ะ บดให้เมล็ดงาหักๆ แตกๆ หน่อยก็ได้ บดให้ป่นเป็นผงเลยก็ได้ โดยส่วนตัว ดิฉันชอบแบบแรก เพราะเวลาทาน จะกรุบๆ เพิ่มความเร้าใจในการทานมากขึ้น
สำหรับคำถามเรื่องซอสกับงานั้น คำตอบคือให้เทซอสลงไปในถ้วยงาได้เลยค่า ก่อนทานก็พนมมือขอบคุณและขอโทษคนล้างจานของทางร้าน แล้วก็หม่ำอย่างเอร็ดอร่อยกันเถอะค่ะ

วิธีทานปลาให้งามๆ
Q2: คนญี่ปุ่นใช้ตะเกียบทานปลาย่างได้อย่างไรคะ หนูจิ้มยังไงก็เละทุกทีเลยค่ะ
A: น้องรัก….พี่ก็ไปไม่รอดค่ะ ถ้าไปทานข้าวกับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่เดท ดิฉันจะเอาตะเกียบถือสองมือ แล้วทำเป็นเหมือนมีดกับส้อม ค่อยๆ ยึกๆ หั่นๆ บิๆ เนื้อปลาไป ภาพที่ออกมาจะไม่ค่อยสวยเท่าไร แต่ถ้าไปทานกับคู่เดท ก็จะตัดปัญหาด้วยการไม่สั่งปลาย่างมันซะเลย หึๆ
แต่นั่น….ไม่ใช่ประเด็น… คนญี่ปุ่นมีวิธีการทานปลาให้สะอาดดังต่อไปนี้ค่ะ
(ขอบพระคุณวิทยาทานจาก http://www.pref.kyoto.jp/suiji/1347253873820.html )

1. ใช้ตะเกียบบากปลาตรงก้าง (เส้นสีแดง) ค่อยๆ แซะเหมือนขีดเส้นใต้ไป

2. จากนั้นใช้มือจับหัวปลา แล้วค่อยๆ ทานเนื้อตรงส่วนเหนือเส้นที่บิๆ ไว้ วิธีนี้จะทำให้แซะปลาออกมาทานได้พอดีคำค่ะ (ใช้มือจับไม่น่าเกลียด ไม่เป็นไรค่ะ)

3. แล้วก็ค่อยๆ แซะทานส่วนล่าง ใช้ตะเกียบแยกพุงปลาออกมาก่อน ใครทานตรงพุงได้ ก็ค่อยๆ ใช้ตะเกียบแซะๆ ต่อไป

4. จากนั้นใช้ตะเกียบคีบก้างปลาขึ้นมา (คนญี่ปุ่นก็ไม่พลิกปลาทานค่ะ)

5. มันจะเหลือส่วนครีบปลาแข็งๆ ด้านบน ก็ค่อยๆ ใช้ตะเกียบเลาะออกก่อน ก็จะเหลือเนื้อปลาส่วนล่างไว้ให้ทานได้อย่างง่ายดาย
6. ถ้ามีเศษเนื้อปลาติดอยู่ที่ก้าง ก็ค่อยๆ ใช้ตะเกียบปัดๆ เศษปลาออกมา เอามาทานต่อได้
นี่แค่เขียนอธิบาย ยังบรรยายได้ตั้ง 6-7 ขั้นตอน โดยส่วนตัวลองทำแล้วรู้สึกยากเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่คนที่จับตะเกียบแบบข้อมือแข็งๆ คงทุลักทุเลหน่อย ลองขอช้อนส้อมจากทางร้านอาจจะเวิร์คกว่า แต่ก็ลองดูนะคะ
ถ้าสั่งปลาเป็นชิ้นๆ อย่างซาบะ หรือแซลมอน ก็ค่อยๆ บิๆ จิ้มๆ ไป ไม่ยากเท่าแบบปลาย่างเป็นตัวค่ะ

หมายเหตุ: ดิฉันเคยโชว์ศิลปะการใช้ช้อนส้อมในการแคะปลาทูหรือหั่นปลากระพงทอดน้ำปลาให้ คนญี่ปุ่นมานักต่อนักแล้ว ทุกคนประทับใจที่ดิฉันสามารถใช้ช้อนส้อมได้คล่องแคล่วขนาดนั้น อย่าอายที่จะทานแบบไทยค่ะ ถ้าคุณรู้สึกว่าใช้ตะเกียบแล้วไปไม่เป็นจริงๆ
หมายเหตุ 2: ใครอ่านคำอธิบายข้างต้นแล้วมึนงงปวดหัว ลองดูวิธีแทะปลาจากคลิปนี้ได้ค่ะ
Q3: ไดฟุกุกับโมจิ ต่างกันอย่างไรคะ
A: ตอนแรกนึกว่าเป็นคำถามที่ตอบง่าย แต่พอหาข้อมูลจริงๆ ก็ตอบยากเหมือนกันนะคะ ก่อนอื่นขอชี้แจงก่อนว่าโมจิในที่นี้ หมายถึงโมจิญี่ปุ่น ไม่ใช่โมจิไทยแบบจังหวัดนครสวรรค์นะจ๊ะ
ขนม 2 อย่างนี้ต่างกันตรง โมจิทำมาจากแป้งข้าวเหนียว ส่วนไดฟุกุทำมาจากแป้งชิราทามะ (แป้งข้าวเหนียวที่สะเด็ดน้ำแล้วทำให้แห้ง) จุดแตกต่างใหญ่ๆ อีกประการหนึ่ง คือ ไดฟุกุมีไส้ถั่วแดง โมจิ (ส่วนใหญ่) ไม่มี จำไว้แค่นี้ก็ได้ค่ะ โมจิกับไดฟุกุที่เรามักเห็นตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มักจะมีประมาณนี้ค่ะ
ฝั่งไดฟุกุ:
– ไดฟุกุไส้ถั่วแดง
ถ้าแบบแอ๊ดวานซ์หน่อย จะมีครีมสดผสมระหว่างแป้งกับถั่วแดง ก็จะทำให้หอมนุ่มยิ่งขึ้นค่ะ (โดยส่วนตัวโปรดปรานแบบนี้)


– ไดฟุกุไส้สตรอเบอร์รี่ (Ichiko-daifuku)
เป็นไดฟุกุที่หลายๆ คนกรี๊ด แป้งหนุบๆ ผสมกับไส้ถั่วแดงหวานๆ มีความหวานอมเปรี้ยวของสตรอเบอร์รี่แทรกเล็กน้อย อื๊มมมม โออิชี่

ฝั่งโมจิ:
– โมจิทั่วไป


เดิมจะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมแข็งๆ พอเอามาย่างไฟ ก็จะปูดออกดังภาพ ข้างนอกกรอบๆ ข้างในเหนียวๆ ยืดๆ แซ่บค่ะ ทานเปล่าๆ ก็ได้ จิ้มโชยุพันสาหร่ายก็ได้
– วาราบิโมจิ
ในบรรดาโมจิดิฉันชอบโมจิชนิดนี้ที่สุด ก้อนจะใสๆ เคลือบด้วยผงน้ำตาลกับผงคินาโกะ (ผงถั่วเหลืองบด) ค่ะ


– ซากุระโมจิ
ออกช่วงเดือนเมษาถึงมิถุนายนค่ะ แป้งสีชมพูอ่อนๆ ตรงกลางเป็นไส้ถั่วแดง (แต่ไม่เรียกไดฟุกุ…) ห่อด้วยใบซากุระ บางคนทานใบด้วย แต่ดิฉันไม่ค่อยชอบ เพราะมันเค็มๆ ปะแล่มๆ เลยทานแต่แป้งกับถั่วแดงอย่างเดียว โดยส่วนตัวให้คะแนนความอร่อย 4 เต็ม 10 คือ .. ให้คะแนนรสชาติ -2 แต่ให้คะแนนหน้าตา 6 (สีชมพู น่ารักๆ) โดยส่วนตัว…(ย้ำ) ไม่ค่อยชอบรสชาติ เพราะแป้งโมจิชนิดนี้จะหยาบๆ หน่อย ไม่นุ่มเด้งดึ๋งเหมือนไดฟุกุค่ะ

– โมจิหญ้า (Kusa-mochi)
Kusa แปลว่าหญ้าค่ะ สังเกตง่ายๆ ขนมโมจิประเภทนี้จะสีเขียวๆ มีกลิ่นหญ้าตุ่ยๆ หน่อย ตอนแรกๆ ดิฉันไม่ค่อยชอบเท่าไร รู้สึกแปลกๆ แต่ทานไปทานมา มันก็อร่อยดี ลองหาทานดูค่ะ มีตามร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป

สีเขียวมาจากใบของต้นหญ้าชนิดหนึ่ง ชื่อ Yomogi ค่ะ ^^

– โกะเฮโมจิ (Go-hei mochi)
ของดังฝั่งนาโกย่า เป็นเหมือนแป้งโมจิเสียบไม้ แล้วทาซอสที่ผสมจากโชยุ มิโสะและน้ำตาลค่ะ เพราะฉะนั้นรสชาติจะออกหวานๆ เค็มๆ

การวางตะเกียบ
Q4: ระหว่างทานอาหารญี่ปุ่น ไม่ทราบว่าจะพักตะเกียบที่ไหนดีคะ
Q5: พอทานอาหารญี่ปุ่นเสร็จ จะเอาตะเกียบไว้ที่ไหนดีคะ
A: สารภาพว่าดิฉันปลื้มจิตกับผู้ตั้งคำถามทั้งสองคำถามนี้มาก เป็นผู้ที่ละเอียดและช่างสังเกตมากจริงๆ ค่ะ คือ ตอนดิฉันไปญี่ปุ่นใหม่ๆ วางตะเกียบที่ไหนไม่เคยสนใจ จนโดนคนญี่ปุ่นเตือน … เอาล่ะค่ะ ท่าวางตะเกียบที่ถูกต้อง ได้แก่ ….

วางตะเกียบไว้ตรงที่วางตะเกียบที่เขาจัดมาค่ะ กล่าวคือถ้าคุณผู้อ่านกอดอก ตะเกียบต้องขนานกับแขนที่กอดอก (ถ้าอ่านคำอธิบายแล้วงง ดูภาพด้านบนก็พอค่ะ) ไม่ว่าจะก่อนทาน ระหว่างทาน หรือทานเสร็จแล้ว ก็วางตะเกียบไว้ตำแหน่งข้างต้นค่ะ
ทีนี้บางร้านไม่มีที่วางตะเกียบ ให้ เราอาจเอาซองที่ใส่ตะเกียบมาพับทำเป็นที่วางตะเกียบก็ได้ค่ะ ก็จะดูผู้ดีทีเดียว วิธีพับก็มีหลายแบบค่ะ




ส่วนคนญี่ปุ่นบางคนที่เป็นเซียนพับกระดาษหรือต้องการโชว์ป๋า เขาก็มีวิธีพับที่วางตะเกียบแบบต่างๆ ต่อไปนี้ค่ะ


(บล๊อกเกอร์คนนี้มีสอนวิธีพับด้วย ลองทำตามนะคะ ดิฉันไม่สามารถจริงๆ) http://chibichous.exblog.jp/6073102
บางรายพับเป็นก้างปลาบ้าง ดาวบ้าง สุนัขบ้าง….



พอทานเสร็จ ก็เอาตะเกียบใส่ซองเหมือนเดิมก็จะเรียบร้อยดีงามค่ะ แนะนำว่าถ้าอยากให้ advance ให้เอาตะเกียบใส่แค่ครึ่งซองแล้วพับซองกระดาษที่เหลือครึ่งหนึ่ง จุดประสงค์คือเพื่อที่ให้พนักงานเสิร์ฟแยกออกว่า ตะเกียบไหนใหม่ ตะเกียบไหนใช้แล้ว (คนญี่ปุ่นเขาคิดเผื่อพนักงานเก็บโต๊ะด้วยค่ะ คิดเผื่อแผ่ถึงทุกคนรอบตัวจริงๆ)
Q6: เวลาไปญี่ปุ่น อาหารที่โน่นปริมาณเยอะมาก เคยได้ยินมาว่าการที่สั่งอาหารมาแล้วทานเหลือ ถือเป็นการบอกว่าคนทำๆ ไม่อร่อยและเสียมารยาท เลยคิดจะแชร์หารสองกับเพื่อน แต่ก็ได้ยินมาอีกว่าเสียมารยาท คนหนึ่งต้องสั่งอย่างน้อยเมนูหนึ่ง จะทำอย่างไรดีคะ ทานไม่หมด ไม่อยากให้เสียน้ำใจทางร้านด้วยค่ะ
A: จริงที่ว่าเวลาไปร้านอาหารญี่ปุ่น เขาจะบอกให้เราสั่งอย่างน้อยคนละ 1 เมนูค่ะ จะเป็นเครื่องดื่มก็ได้นะคะ ทีนี้ถ้าไม่อยากหาร แต่อยากให้เขายกมาเสิร์ฟน้อยลง อาจบอกเขาว่า…
Gohan wo Sukuna me ni (ご飯を少なめに) แปลว่า ขอข้าวน้อยหน่อยนะคะ ถ้าใครทราบภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้ว อาจเติม “Onegaishimasu” เป็นเชิงขอร้องแบบสุภาพก็ได้ค่ะ ส่วนร้านราเม็ง อันนี้คงทำใจลำบากหน่อย เพราะเขาไม่ค่อยยืดหยุ่นกับปริมาณ ถ้าทานเหลือจริงๆ อาจบอกซอรี่แล้วทำท่าลูบท้องพร้อมบอกอาการอิ่มมากไปก็ได้ค่ะ คนญี่ปุ่นน่าจะพอเข้าใจอินเนอร์และภาษากายพวกเรา^^
Q7: เวลาทานอาหารญี่ปุ่น อย่างราเม็ง ถ้าไม่ชอบอะไรบอกเชฟได้ไหมคะ
A: ถ้าเป็นร้านอาหารไฮโซบอกไปเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นธรรมดา ปกติดิฉันจะเห็นคนญี่ปุ่นก้มหน้าก้มตาทานกัน ยอมรับกับชะตาชีวิตที่ต้องเผชิญ แต่ลองบอกดูค่ะ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทแต่อย่างใด (ยกเว้นกรณีเดียว คุณไปทานข้าวกับแม่สามี คุณแม่อาจมองคุณว่าเป็นคนช่างเลือกกิน ไม่อดทนก็เป็นได้)
จบกันไปแล้วกับ 7 คำถามค้างคาใจชาวไทยกับอาหารญี่ปุ่น หวังว่าจะทำให้คุณผู้อ่านทานอาหารญี่ปุ่นได้อย่างภาคภูมิใจและสง่างามยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ ส่วนคำถามค้างคาใจประเภทร้านอาหารไหนอร่อย ไปทานเค้กที่ไหนดีนั้น ต้องขอประทานโทษจริงๆว่า ดิฉันไม่ใช่บล๊อกเกอร์ด้านอาหารญี่ปุ่น แต่เป็นบล๊อกเกอร์ด้านไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่นมากกว่าค่ะ เล่าสู่กันฟังได้แต่วิถีชีวิตและแนวคิดคนญี่ปุ่นนะคะ >< แล้วพบกันใหม่อังคารหน้าค่ะ!
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Japan Gossip by เกตุวดี Marumura