ไปทำไมฮอกไกโด….ไปดูดอกไม้ ภูเขา หิมะ หมี
สัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นคือ “หมีสีน้ำตาล” ซึ่งถือว่าเป็นหมีพื้นเมืองของทางฮอกไกโด จีงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะพบเห็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับหมีอยู่ทั่วไปในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ บนเกาะฮอกไกโด
หมีสีน้ำตาลได้รับสมญานามว่าเป็นราชาแห่งผืนดินและชาวไอนุยังถือว่าเป็นสัตว์ของเทพเจ้าอีกด้วย แต่หมีปกติที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาตินั้นจะมีความดุร้ายตามประสาของสัตว์ป่าไม่ได้น่ารักเหมือนกับตุ๊กตาที่เรานิยมมากอดฟัดกัน ฉะนั้นหากเราอยากได้มีโอกาสสัมผัสหมีได้อยากใกล้ชิดที่สุดก็ควรไปยังสถานที่ที่เขาจัดไว้อนุรักษ์และศึกษาพฤติกรรมหมีโดยเฉพาะจะดีกว่า
ที่ Sahoro Resort Bear Mountain สวนหมีที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมเหล่าหมีสีน้ำตาล (หมีฮิกุมะ) โดยที่สวนพื้นที่กว่า 100 ไร่นี้ได้ถูกสร้างในมีบรรยากาศใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด โดยทางสวนจะจัดรถสำหรับชมหมีให้เราได้นั่งชม คนขับก็จะเป็นไกด์คอยเล่าถึงพฤติกรรมของหมี ชี้ชวนให้เราดูหมีแต่ละตัวที่รถวิ่งผ่าน บางตัวก็นอนเอกเขนก บางตัวก็แทะแกะเกาต้นไม้เล่น (คนขับจับชื่อหมีได้ทุกตัวเก่งจริง ๆ เราแยกไม่ออกสักตัว หน้าตาเหมือน ๆ กันหมด)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> http://www.sahoro.co.jp/language/english




ถ้าถามว่าพูดถึงฮอกไกโดแล้วจะนึกถึงอะไร เชื่อว่าคำตอบอันดับต้น ๆ ในใจหลาย ๆ คน ต้องเป็นพรมดอกไม้หลากสีที่ถูปูเต็มเนินเขา
แน่นอนทริปนี้เราก็ไม่พลาดที่จะไปชมถึงแม้จะเป็นช่วงเดือนตุลาคมแล้วแต่ที่สวนชิกิไซ โนะ โอะกะ (Shikisai-no-oka) ในเมืองบิเอะ ก็ยังถูกปูพรมไปด้วยดอกไม้หลากสีสรร ให้เราได้ถ่ายรูปกันให้จุใจ พื้นที่ที่กว้างใหญ่กว่า 40 ไร่ทำให้ไม่ต้องเบียดเสียดแย่งมุมกล้อง อยากถ่ายมุมไหน ก็จัดท่าแอ๊คชั่นกันได้สบายใจ
สวนชิกิไซ โนะ โอะกะนี้ไม่เก็บค่าเข้าชม แต่จะมีกล่องรับบริจาคเป็นค่าดูแลสวนคนละ 200 เยนอยู่บริเวณประตูทางเข้า อันนี้ไม่ได้บังคับแล้วแต่ความสมัครใจ
ภายในสวนจะมีฟาร์มอัลปาก้าเล็กๆ อันนี้ต้องเสียค่าชมคนละ 500 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 300 เยนสำหรับเด็ก
ก่อนออกจากสวนอย่าลืมแวะชิมข้าวโพดที่ร้านขายของด้านหน้า อร่อยมากขอบอก
รายละเอียดเพิ่มเติม >> http://www.shikisainooka.jp/en/

ติดตามชมภาพสวย ๆ ของน้องมิว in Hokkaido ต่อได้ที่ https://www.instagram.com/mewnittha/
หนึ่งในสถานที่ที่เป็นพระเอกของเมืองบิเอะนั่นคือ Blue Pond หรือ “บ่อน้ำสีฟ้า”
บ่อสีฟ้าสดใสนี้ไม่เกิดจากธรรมชาติแต่เป็นฝีมือของมนุษย์ที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นเขื่อนป้องกันไม่ให้โคลนภูเขาไฟที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ Tokachi เมื่อปี ค.ศ.1988 ไหลเข้าสู่เมือง
ด้วยสารอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ที่เจือปนอยู่ในน้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้สะท้อนกับแสงขาวกลายเป็นสีฟ้าออกมาให้เราได้เห็นกัน ซึ่งอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์นั้นก็มาจากการปะทุของภูเขาไฟโทคาจิดาเคะนั่นเอง และสีฟ้าที่เราได้เห็นนั้นจะสดมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและแสงแดดในแต่ละวันที่ส่องลงมา

ก่อนจะพลบค่ำก็ต้องแวะไปดูพระอาทิตย์ตกดินบนยอดเขา Tokachi กันสักหน่อย
ปิดท้ายคืนนี้ก่อนเข้าโรงแรม ขอแวะ Ningle Terrace หมู่บ้านจำลองเล็ก ๆ ที่รวบรวมสินค้าพื้นเมือง งานฝีมือต่าง ๆ งานไอเดียวเก๋ ๆ มาอยู่รวมเข้าไว้ด้วยกันในธีมกระท่อมไม้กลางป่า แต่ละกระท่อมเชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้ บางร้านอาจจะได้พบกับศิลปินสร้างสรรงานไปขายไปแบบมีชิ้นเดียวในโลก
Ningle Terrace ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงแรม New Furano Prince Hotel หากมาตอนค่ำก็จะเปิดไฟสว่างทั่วบริเวณให้ถ่ายรูปได้บรรยากาศโรแมนติคดีเหมือนกัน
รายละเอียดเพิ่มเติม >> http://www.princehotels.co.jp/furano-area/summer/ningle/
วันนี้เที่ยวจนดึก ขอตัวไปนอนสลบบนเตียงนุ่มที่ Furano Orika Resort
รายละเอียดเพิ่มเติม >> https://furano-orika.com/
เรื่องแนะนำ :
– ทะเลหมอกที่ฮอกไกโด
– Japan จุด จุด จุดเที่ยวญี่ปุ่น ในจุดที่คุณ ไม่ควรพลาด : ขับรัวรัว ทั่วซากะ ตอนที่ 4
– Japan จุด จุด จุดเที่ยวญี่ปุ่น ในจุดที่คุณ ไม่ควรพลาด : ขับรัวรัว ทั่วซากะ ตอนที่ 3
– Japan จุด จุด จุดเที่ยวญี่ปุ่น ในจุดที่คุณ ไม่ควรพลาด : ขับรัวรัว ทั่วซากะ ตอนที่ 2
– Japan จุด จุด จุดเที่ยวญี่ปุ่น ในจุดที่คุณ ไม่ควรพลาด : ขับรัวรัว ทั่วซากะ ตอนที่ 1
– เที่ยวญี่ปุ่นภาคกลาง (ตอนบน) ด้วย JR Hokuriku Arch Pass ตอน “เที่ยว Fukui”
– เที่ยวญี่ปุ่นภาคกลาง (ตอนบน) ด้วย JR Hokuriku Arch Pass ตอน “เที่ยว Kanazawa”