รีวิวตอนนี้เป็นรีวิววิธีการเดินทางจากฟุกุโอกะ – ปูซานนะจ๊ะ สำหรับใครต้องการพิกัดเที่ยวต้องรอรีวิวขากลับที่จะรีวิวการเดินทางกลับถึงญี่ปุ่น ที่ต้องทำสองตอนเพราะอยากให้ละเอียดและเพื่อนๆ ตามไปเที่ยวได้อย่างไม่พลาดทุกขั้นตอนเลยไง
เรื่องโดย : Nat Nana www.marumura.com
เพื่อนๆ เค้ามาแล้ว สำหรับใครที่รอรีวิวการเดินทางทริปเดียวเที่ยวได้ 2 ประเทศ จัดได้เลย รีวิวนี้ อาจจะทำให้เพื่อนอยากเดินทางมาเที่ยวฟุกุโอกะมากขึ้นก็ได้ ฟุกุโอกะน่าเที่ยวนะ
รีวิวตอนนี้เป็นรีวิววิธีการเดินทางจากฟุกุโอกะ – ปูซานนะจ๊ะ สำหรับใครต้องการพิกัดเที่ยวต้องรอรีวิวขากลับที่จะรีวิวการเดินทางกลับถึงญี่ปุ่น ที่ต้องทำสองตอนเพราะอยากให้ละเอียดและเพื่อนๆ ตามไปเที่ยวได้อย่างไม่พลาดทุกขั้นตอนเลยไง
ขอเกริ่นยาวๆ ก่อนนะ การเดินทางเพื่อจะข้ามจากฟุกุโอกะไปยังปูซาน หรือปูซานเดินทางไปยังฟุกุโอกะนั้นถือเป็นการเดินทางข้ามประเทศ ซึ่งสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือการเตรียมการเดินทางของตัวเองให้ดี เช่น การจองเรือล่วงหน้า ขาไป หรือการจองโรงแรมเตรียมไว้ซึ่งถ้าใครมืดแปดด้าน ก็จองโตโยโกะอินน์ก็ได้ที่นั่นมีหลายสาขาเลย และเห็นที่ปูซานเขียนไว้ที่โรงแรมว่าใช้แต้มของโรงแรมเป็นบัตรสมาชิกเดียวกับญี่ปุ่น เช่นที่สถานี Busan สถานี Jungang ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 7 พันเยน หรือ 7 หมื่นวอนนั่นเอง หรือแผนการท่องเที่ยว แผนการเดินทางกลับเช่นเมื่อไปแล้วจะกลับมาญี่ปุ่น มีตั๋วบินกลับญี่ปุ่นแสดงให้เจ้าหน้าทีดู หรือการเดินทางเข้าไปปูซานแล้วจากนั้นก็บินกลับจากฝั่งเกาหลี ซึ่งกลับกัน ถ้าจะเดินทางจากเกาหลีข้ามไปญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ในส่วนของวีซ่าท่องเที่ยว ในระยะสั้น ไม่ต้องยื่นขอกับสถานทูตของสองประเทศนี้แต่อย่างใด
ข้อควรระวัง อันนี้เจอมากับตัว
1. การเดินทางออกจากสองประเทศนี้อาจจะทำไม่ยาก เท่ากับขั้นตอนการเข้า ยิ่งในการตรวจวีซ่าของเกาหลี ถ้าเรามีการเตรียมตัวเป็นอย่างดีเช่นมีที่พักและมีตั๋วที่เตรียมบินกลับก็คิดว่าไม่ยาก ตอนที่โดนถามคือมากับใคร มาทำไม กลับเมื่อไหร่ เค้าจะถามหนักกับผู้หญิง ตม.ญี่ปุ่นว่าโหดแล้วทางปูซานโหดกว่าเยอะ ในทริปควรมีใครสักคนที่พูดอังกฤษได้ด้วย
2. การเดินทางขึ้นเรือต้องมาล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมงเศษๆ เนื่องจากการเช็คอินจะคล้ายๆ กับการเดินทางด้วยเครื่องบิน และจากนั้นเราต้องเข้าคิวให้ตม. ตรวจด้วยถ้าเดินทางมาถึงช้า เค้าจะปิดรับเช็คอิน การเดินทางมารอขึ้นเรือระหว่างนั้นเราสามารถที่จะเดินเล่นดิวตี้ฟรีได้อย่างปกติเหมือนขึ้นเครื่องบิน ถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่สินค้าค่อนข้างใกล้เคียงกับดิวตี้ฟรีตามสนามบินเลยจ้าาาา
3. การขนสัมภาระ ไม่ควรขนสัมภาระไปเกิน 2 ใบ / คน เนื่องจากเป็นเรือ การควบคุมจำนวนของ จึงเป็นเรื่องสำคัญแต่ไม่มีการจำกัดน้ำหนัก กรณีกระเป๋าเกิน 2 ใบ อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และถ้าเกินกว่านั้นเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้นำขึ้นเรือ
4. การใช้ท่าเรือจะมีภาษีแยกต่างหาก จึงทำให้ในเวลาก่อนเช็คอินเราต้องเตรียมเงินไว้สำหรับการข้ามจากญี่ปุ่นไปเกาหลี จะมีค่าผ่านการใช้ท่าเรือที่ 1,500 เยน โดย 500 เยน เราจะต้องไปหยอดตู้ ส่วนอีก 1,000 เยนจะต้องชำระเมื่อเช็คอิน และทางฝั่งเกาหลีข้ามมาญี่ปุ่นจะต้องเสียค่าธรรมเนียม 7,300 วอน/คน (ประมาณ 730 เยน)
5. เรือจะมีที่นั่ง 2 ชั้นซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าด้านบนจะโยกเยอะกว่าด้านล่าง แต่เราขอเค้านั่งไปทั้งกลับที่ชั้น 2
6. การแลกเงิน แนะนำให้แลกเงินมาจากไทย หรือแลกที่สถานีฮากาตะ หรือถ้าเพื่อนๆ ไม่พอจริงๆ ให้นำเงินดอลล่า หรือเงินเยนที่เหลือแลกได้ที่ท่าเรือปูซาน
การซื้อตั๋วเรือ เราจะซื้อตั๋วเรือกับ JR KYUSYU JET FERRY BEETLE ซึ่งเรือมีบริการไปกลับวันละ 3-4 เที่ยวแล้วแต่ฤดู
ดูข้อมูลท่าเรือฮาคาตะได้ที่นี่ >> http://www.hakataport.com/english/
ดูข้อมูลตั๋วเรือได้ที่นี่ >> http://www.jrbeetle.co.jp/internet/english/
ดูตัวอย่างการจองได้ที่นี่ http://www.jrbeetle.co.jp/internet/fare/b_spe/index.html
ราคาในแต่ละฤดูจะแตกต่างกันเพราะความยากในการเดินทางเช่นฤดูหนาวราคาจะแพงเพราะคลื่นสูง เดินทางยากและมีเที่ยวเรือน้อยกว่าปกติ ซึ่งในวันที่เดินทางของอีฮั้นซื้อตั๋วมาด้วยราคา 4,300 เยน ต่อเที่ยว
สำหรับใครที่จองตั๋วแล้วแพ็คกระเป๋าจากญี่ปุ่นแล้ว ก็เตรียมตัวเดินทางกันเลย
ขั้นแรกเราจะต้องไปรอรถบัสที่สถานีฮากาตะก่อนเลยไปขึ้นรถตรงจุดจอดที่ป้าย A (Hakata Gate West) ซึ่งรถจะมีวิ่งตั้งแต่เช้าตรู่เลย แต่วันนั้นเดินทางไปด้วยแท็กซี่จากสถานีฮากาตะจะประมาณพันเยนนิดๆ เพราะที่นั่นจะอยู่ห่างจากสถานีพอสมควร ส่วนการเดินทางด้วยบัส Nishitetsu ค่าโดยสารจะอยู่ที่คนละ 230 เยน ถ้าเดินทางกันสักสอง สามคนด้วยแท็กซี่ก็จะถือว่าคุ้มค่า เพราะไม่ต้องรอบัสมาตามเวลา

รูปสถานีเผื่อใครจะไปแล้วออกผิดฝั่ง

ออกที่ประตูนี้เลยนะคะ

เอาหล่ะ ถึงที่หมายแล้วคร้าาาที่ FUKUOKA Port of HAKATA ที่อาคาร HAKATA PORT INTERNATIONAL TERMINAL

มาถึงจะเจอกับตู้หยอดเงินค่าธรรมเนียม 500 เยนนี่ก่อนเลยนะ

และก็ป้ายปรับราคาค่าธรรมเนียมขึ้นเป็น 1,000 เยน

หน้าตาของบัส

ถ้าใครเอาของมาเยอะเอาไปฝากตู้ล็อกเกอร์ได้นะคะ มีแยะเลย!

เราก็ทำการหยอดไปเลย ยังไงก็ต้องใช้ค่ะ ยอดแล้วใส่จำนวนคนตั๋วจะออกมา

เมื่อเดินทางไปถึงแล้วให้ดูว่าเคาน์เตอร์ไหนจะรับเช็คอินเพราะบางครั้งเค้าจะสลับกันเช็คอินเคาน์เตอร์ฝั่งเกาหลีก็เช่นกัน BEETEL หรือ KOBEE ก็ต้องดูป้ายเอา

ระหว่างรอเช็คอินเพราะยังไม่ถึงเวลาก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ไปดู Wifi กัน!
การเช่า Wifi เพื่อไปใช้ที่เกาหลี สามารถทำได้อย่างง่ายดายที่ญี่ปุ่น เพียงเราต้องมีบัตรแสดงตัว โดยเค้าจะคิดค่าธรรมเนียมเพียงวันละ 600 เยน พร้อมค่าธรรมแยกต่างหากอีก 600 เยน นี่เช่าเพื่อใช้ 2 วันจึงเสียไป 1,800 เยน เมื่อใช้เสร็จแล้ววันเดินทางกลับให้หยอดตู้คืนพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ในวันกลับมาด้วย

Wifi พร้อมอุปกรณ์
อีกอย่างที่ไม่ควรลืมคือเรื่องปลั๊กที่มีหัวแบบกลม หัวแบบแบนบางโรงแรมอาจจะไม่มี แต่เราก็อาจจะไปขอยืมอะแดพเตอร์ที่โรงแรมได้ ซึ่งคนญี่ปุ่นจะไม่ได้ใช้หัวปลั๊กแบบนี้

ไปเช็คอินดีกว่า ได้เวลาแล้ว

อันนี้เป็นค่าภาษีต่อคนซึ่งไม่เกี่ยวกับ 500 เยนที่หยอดไป ทั้งหมดทั้งปวงเราจะเสียที่ท่าเรือ 1,500 เยน

เค้าได้มีให้ตั๋วขากลับพร้อมได้เขียนภาษีของฝั่งนั้นไว้ให้ด้วยซึ่งเป็นไปตามคำอธิบายด้านบน 7,300 วอน

ที่เคาน์เตอร์จะมีการแจ้งเกี่ยวกับ ความสูงของคลื่นในวันนี้ เรทเงิน และสภาพอากาศที่ปูซาน
เมื่อเช็คอินเสร็จแล้ว ทำอะไรเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวเข้าเกทที่ชั้นบน ในระหว่างนั้นก็สามารถออกไปสูดบรรยากาศท่าเรือได้ที่เทอเรสชั้น 3

ลองแลกเงินจำนวนหนึ่งดู แต่แอบหวังว่าที่นั่นจะราคาดีกว่า

ได้เวลาแล้ว พร้อมแล้ว

เมื่อเข้าเกทมาแล้ว ก็สามารถพังได้อีกที่ดิวตี้ฟรี

สินค้าปลอดภาษี แห่ะๆ เบาๆ ค่ะ แล้วก็ลงไปชั้นล่างสุดเพื่อที่จะเตรียมตัวไปขึ้นเรือ แอดเห็นเรือแล้ว เย้ๆๆๆ

จากนั้นลงเรือตามมากันเลยคร้าาาาา ถ้าเราเลือกที่นั่งด้านบนจะต้องหิ้วกระเป๋าขึ้นไปเอง

ด้านในที่นั่งกว้างดีค่ะ เกือบๆ สามชั่วโมงเนี่ยสบายๆ
เรือที่ใช้วิ่งนั้นจะเป็นเรือที่ใช้เหมือนสปีดเรือจากขาสองข้างที่ยื่นออกมาเป็นใบพัดที่อยู่ในท่อ อธิบายไงดี 555 ไม่ได้ใช้ท้องเรือและมีใบพัดวิ่งจึงทำให้เรือจะโคลงเคลงน้อย วิ่งนิ่ม เราอาจจะมึนๆ หัวในเวลาขึ้นไปห้านาทีแรก และหลังจากนั้นจะไม่มีความรู้สึกว่าวิ่งอยู่ในน้ำเท่าไหร่
เอาหล่ะ เมื่อนั่งประจำที่เราก็จะเริ่มใช้ Wifi บนเรือชั้น 2 เลย มีทั้งสองชั้นแหล่ะ ใช้ได้ทุกเวลาตลอดการเดินทาง แต่อาจจะมีดับไปบ้างเป็นจุดๆ แต่ไม่เกิน 5 นาทีก็จะกลับมาใหม่ เรียกว่าเป็นบริการเสริมที่ดีมาก อีกทั้งขาไป เรายังได้แถมดริงค์ คนละ 1 ดริ้งด้วย เย้ๆ เรือออกแล้ว นี่แอบเห็นฟุกุโอกะโดมด้วยนะ
ในการเดินทางโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 55 นาทีเนี่ย มันช่างเป็นอะไรที่สบายกว่าการนั่งเครื่องบินตรงที่เราไม่ต้องไปรอคิวเยอะแยะเหมือนเครื่องบิน และใช้เวลามาก ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง

พวกเราเดินทางไปก็หลับไปบ้าง กินขนมกันบ้าง ก็สนุกดี ถือว่าไม่นานนะ และเราก็เข้าเขตปูซานสักทีคร้าาาา
หลังจากนั้นก็ทำตามขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองอย่างเข้มงวดโดยเราต้องกรอกใบตรวจคนเข้าเมืองแล้วเขียนรายละเอียดที่พักด้วย
การตรวจก็มีอุปสรรคเล็กน้อยค่ะ เนื่องจากเป็นผู้หญิงเราต้องตอบคำถามให้แน่ใจ ฉะฉานว่าเรามาเที่ยวจริงๆ ก็จะผ่านไปได้ แต่ก็ผ่านไปด้วยดีถือเป็นประสบการณ์ แล้วก็ไปแลกเงินที่ด้านหน้าทางออกตม.ได้ เรทที่นั่นดีกว่าฝั่งญี่ปุ่น แต่เค้าไม่รับแลกเงินไทยนะ รับแค่สกุลเงินหยวน ดอลล่าสหรัฐ ยูโร และเงินเยน
จากนั้นก็ตรงไปรับแผนที่ที่ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวปูซาน มีเจ้าหน้าที่น่ารักๆ พูดญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษได้และให้บริการตอบคำถามแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งกินได้เป็นอย่างดี

และเราก็ออกไปเรียกแท็กซี่เพื่อไปยังโรงแรม และต่อจากนี้จะเป็นงานเที่ยว ช้อป กินกระจายแล้วคร้าาาาาา
วันนี้ภาคแรกขอจบที่ตรงแท็กซี่กันนะคะ ราคาประหยังคุ้มค่ะที่นี่ไม่แพงเหมือนญี่ปุ่นหรอกค่ะ เราเลือกนอนที่ถัดจากสถานีปูซานไป 1 สถานีเมโทร ซึ่งสะดวก และใกล้กับท่าเรือเพื่อสะดวกในขากลับ ลาไปก่อนนะคะ
ดูรีวิวย้อนหลัง
รีวิวไม่ใช่กรูรูฟุกุโอกะ ถึงฟุกุโอกะแล้วไปไหนดีน้อ คอร์ส 1 วัน ภาค 1 >> https://www.marumura.com/nekoshima/
เที่ยวคิตะคิวชูแบบเท่ห์ๆ ตอน เดินเล่นริมทะเล และตลาดนัดหลังโรงแรม >> https://www.marumura.com/walking-in-kyushu/
เรื่องโดย : Nat Nana www.marumura.com
ทักทายพูดคุยกับ Nat Nana ได้ที่>>> Facebook ไม่ใช่กรูรู แต่กรูรู้ ของถูกในโตเกียว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– ไม่ใช่กรูรูคิวชู ตอน ถึงฟุกุโอกะแล้วไปไหนดีน้อ คอร์ส 1 วัน ภาค 1
– พลาซ่า ร้านเครื่องสำอางและสรรพสิ่งอื่นที่มีตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ!
– ดูขนมญี่ปุ่นทั้งเค้ก คุกกี๊ เอแคลร์ ชูครีม ฯลฯ ต่างพากันเปลี่ยนหน้าตาเป็นฮาโลวีนกันหมด!!!
– มัตสึโมโต้เมืองสวย ปราสาทงาม แช่ออนเซ็น จากโตเกียววันเดียวก็เที่ยวได้
– ส่อง 10 ร้านแบรนด์เนมมือ 1 มือ 2 ย่านชินจุกุ