รีวิว Burn the House Down
ซีรีส์ญี่ปุ่นสืบสวนล้างแค้น จากมังงะชื่อดัง
ล่าสุด Netflix ได้ปล่อยซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Burn the House Down หรือ ไฟแค้น ไฟอดีต ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้เป็นซีรีส์ที่ติดลิสต์ Top10 Netflix ไทย และกำลังถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งก็มีกระแสความคิดเห็นอย่างหลากหลาย ทั้งในมุมน่าติดตาม และในมุมเดินเรื่องค่อนข้างเฉยๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ด้วยความเป็นแฟนซีรีส์ญี่ปุ่นคนหนึ่ง วันนี้เลยขอมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Burn the House Down ว่าเรื่องราวซีรีส์เป็นอย่างไร และมีอะไรน่าสนใจ หรือมีอะไรที่ยังไปไม่สุดบ้าง ควรดูต่อดีไหม มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
จากมังงะชื่อดัง สู่ซีรีส์ญี่ปุ่นทาง Netflix
สำหรับ Burn the House Down เป็นซีรีส์ที่สร้างและดัดแปลงมาจากมังงะชื่อเรื่องเดียวกัน ที่เขียนโดย Moyashi Fujiwa และตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Kodansha’Kiss ตั้งแต่ปี 2017 และได้รับกระแสตอบรับดีเรื่องมา จนเขาว่ากันว่า มังงะเรื่องนี้ได้รับข้อเสนอให้นำมาพัฒนาต่อในรูปแบบอื่นๆ จนกระทั่ง Netflix ได้เข้าไปนำมังงะเรื่องนี้มาถ่ายทอดในรูปแบบของซีรีส์ค่ะ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Yichiro Hirakawa ที่เคยแสดงฝีมือการกำกับไว้กับซีรีส์เรื่อง The Promised Neverland (2020) และ Whisper of the Heart (2022) ส่วนในฝั่งบทละคร ก็ได้นักเขียนบท Asisa Kaneko ที่เคยเขียนบทภาพยนตร์ชื่อดังอย่างเรื่อง Orange (2015) ค่ะ
เรื่องย่อ Burn the House Down
จุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากเหตุเพลิงไหม้บ้านของ “อันซึ มุราตะ” (รับบทโดย เมอิ นากาโนะ) และทุกคนต่างเข้าใจว่าคนที่ก่อเหตุครั้งนี้คือแม่ของเธอเอง (รับบทโดย มิจิโกะ คิจิเซะ) บวกกับเรื่องราวก่อนหน้านั้น ที่ครอบครัวเธอก็เริ่มมีปัญหากระท่อนกระแท่น จนในที่สุดพ่อกับแม่ของเธอก็ตัดสินใจหย่าร้างกัน จากที่มีชีวิตอยู่ดีกินดีในบ้านหลังใหญ่โต ต้องหอบเสื้อผ้ามาอยู่กันแค่ 3 คนแม่ลูก ในอพาร์ตเม้นท์เล็กๆ แห่งหนึ่ง และจากความเจ็บปวดในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้แม่ของอันซึเกิดภาวะเครียด จนสูญเสียความทรงจำ ชีวิตที่กำลังไปได้ดี กลับเปลี่ยนจากหน้าไปเป็นหลังมือ จากเหตุการณ์ในวันนั้น
ต่างกับ “มากิโกะ มิตาราอิ” (รับบทโดย เคียวกะ ซูซูกิ) เพื่อนสนิทของแม่เธอ ที่อยู่ดีๆ ชีวิตก็พลิก จากแม่เลี้ยงเดี่ยว ฐานะยากจน กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ และนางแบบชื่อดัง ยิ่งไปกว่านั้น เธอกลายมาเป็นภรรยาคนใหม่ของพ่ออันซึ ชีวิตเธอได้พุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดแบบไม่มีใครหยุดยั้งได้ แต่มีสิ่งที่น่าสงสัยอยู่หนึ่งอย่าง ในคืนวันเกิดเหตุเพลิงไหม้ อันซึได้มองเห็นมากิโกะในที่เกิดเหตุ ที่ยืนยิ้มเยาะดีใจท่ามกลางไฟที่ลุกโชน…
เมื่อเวลาผ่านพ้นไป 13 ปี อันซึเลยอยากจะปลดปล่อยความทุกข์ทรมานทั้งหมด อยากเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแม่ของเธอ ด้วยการออกมาตามหาความจริงของเรื่องราวทั้งหมด โดยการเข้ามาเป็นแม่บ้านทำความสะอาดให้กับมากิโกะ และนี่คือโอกาสครั้งสำคัญ ที่จะช่วยให้อันซึได้สืบหาเบาะแส และหลักฐานสำคัญ ที่จะเปิดโปงความจริงเมื่อ 13 ปีก่อน ว่าใครคือคนร้ายตัวจริงที่ก่อเหตุวางเพลิง ที่ทำให้ชีวิตเธอและครอบครัวเปลี่ยนไปตลอดกาล
ตามหาความจริง และปลดปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสระอย่างที่ควรเป็น
หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ “อันซึ” ไม่มีวันที่จะลืมเหตุการณ์ในวันนั้น และต้องการที่จะเปิดโปงความจริงบางอย่าง ถ้าให้มองย้อนกลับไปในตอนต้น จุดประสงค์หลักของ “อันซึ” คือ การออกตามหาความจริงที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้เมื่อ 13 ปีก่อน และอยากให้แม่ของเธอได้หายจากอาการความจำเสื่อม ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะช่วยปลดปล่อยแม่ของเธอได้คือ การหลุดจากความรู้สึกผิดในเหตุการณ์ครั้งนั้น และสิ่งเดียวที่จะช่วยได้ คือ การค้นหาความจริงทั้งหมด และให้คนผิดตัวจริงมาขอโทษและรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ทำลงไปกับแม่เธอ เธออาจจะไม่ได้อยากทำลายชีวิตใครให้พังปป่นปปี้ แต่อยากเปิดโปงความจริงที่เกิดขึ้น โดยที่แม่ไม่ต้องกลายมาเป็นแพะรับบาป คนผิดควรสำนึกผิดต่อสิ่งที่ทำ และรับผิดชอบ ต่อชีวิตที่เปลี่ยนไปของครอบครัวเธอ
ความทะเยอะทะยานสร้างเปลือกนอกที่สวยงาม นำไปสู่การทำลายตัวตนที่แท้จริง และคนที่รัก
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในเรื่องนี้ก็คือ การถ่ายทอดเกี่ยวกับประเด็นที่คนเรามักแคร์สายตาคนรอบข้าง อยากเป็นที่ยอมรับ จนยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้สิ่งนั้น ซึ่ง “มากิโกะ” เป็นตัวละครหนึ่งที่มีจุดเริ่มต้นจากการอยากได้รับการยอมรับจากคนอื่น ทำให้เธออยากหลุดพ้นจากชีวิตที่แร้นแค้น และอยากมีทุกอย่างที่คนมองว่าดี เพื่อให้ได้การยอมรับในสังคม โดยไม่สนใจว่า จริงๆ แล้วตัวตนเธอเป็นอย่างไร แค่ได้ดูดีเหมือนคนอื่น มียอด Follower ใน Instagram เพิ่มขึ้น ได้โชว์ไลฟ์สไตลที่สวยหรู จนคนมากดไลก์ ก็พอแล้ว แต่มากิโกะไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่เธอทำนั้น มันค่อยๆ กัดกร่อนคุณค่าในตัวของเธอเอง รวมไปถึงคนที่เธอรักอย่างลูกชายทั้งสองคนของเธอเอง
ความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่เห็น
จุดเด่นของเรื่องนี้เห็นทีเป็นพล็อตในแกนสืบสวนที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี ที่ชวนให้พอติดตามต่อไปเรื่อยๆ ว่า แท้จริงแล้วความจริงเป็นอย่างไร ความน่าสนใจก็คือ เรื่องนี้ได้ปูเรื่องให้คนดูคิดไปตั้งแต่ต้นเลยว่า คนร้ายตัวจริงคือ “มากิโกะ” และตัว “มากิโกะ” เองก็ทำให้คนดูรู้อย่างโต้งๆ ด้วยว่า เรื่องราววันนั้นฉันรู้ทุกอย่าง และเป็นเครื่องมือที่ทำให้ฉันก้าวมาสู่จุดสูงสุดในวันนี้ ดูเหมือนจะรู้หมดทุกอย่างแล้ว แต่ซีรีส์ก็ได้พยายามดำเนินต่อไปให้ชวนคิดต่อว่า แล้วจะมีหลักฐานอะไรบ้าง ที่จะมาเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของมากิโกะ และเบื้องหลังความจริงทั้งหมด แต่เมื่อยิ่งดูไปก็เริ่มเอ๊ะใจขึ้นเรื่อยๆ ว่า มูลความจริงที่รู้มาเมื่อตอนต้น อาจมีอะไรที่มากกว่านั้น ที่เรียกได้ว่าก็สับขาหลอกไปหลายตลบอยู่เหมือนกัน
ซีรีส์แนวล้างแค้นที่ไม่ได้เผ็ดดุเดือด แต่ผสมหลายรสกลมกล่อมตามสไตล์ญี่ปุ่น
Burn the House Down ไม่ใช่ซีรีส์เข้มข้น ดุเดือดถึงพริกถึงขิงอะไรขนาดนั้น ตัวละครไม่ได้ร้ายสุดและก็ไม่ได้ดีสุดไปเสียทีเดียว นางเอกก็ไม่ได้แค้นจนอยากจะทำลายฝั่งตรงข้ามให้แตกสลาย บางมุมก็ดูเป็นคนจิตใจดี ที่ยังเห็นใจคนรอบข้าง แม้แต่ มากิโกะ ที่ทำร้ายแม่ของเธอ หรือตัวละคร “คิอิจิ” ลูกชายของมากิโกะ ที่เป็นคนเก็บตัว อยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมออกไปไหนเลย ที่มีความต่อต้านแม่ และทุกคนที่ย่างกรายมาในพื้นที่ของเขา ละครก็ค่อยๆ เผยให้เห็นถึงสาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นคนแบบไหน ที่ท้ายที่สุด ชวนให้คนดูลุ้นเอาใจช่วยให้เขากล้าที่จะก้าวออกมาและเริ่มต้นชีวิตใหม่ หรือแม่ของนางเองเองที่ให้ภาพของหญิงสาวที่อ่อนโยน ใจดี แม้จะทำใจให้อภัย แต่ลึกๆ แล้ว ความเจ็บปวดทั้งหมด ก็ยังคงอยู่เสมอ
“ท้ายที่สุด ฉันไม่สามารถเป็นได้ทั้งนักบุญหรือคนบาป…”
แม้จะไม่ใช่ซีรีส์ล้างแค้นที่ดุเดือดมาก แต่นับว่าเป็นซีรีส์ที่ผสมรสชาติหลากหลาย ทั้งรัก โลภ โกรธ หลง แค้นขนาดไหน ก็ยังมีความ Empathy เข้ามาในจิตใจ ที่ชวนให้เราเข้าใจมนุษย์ในมุมต่างๆ มากขึ้น
ซีรีส์สืบสวน ดราม่า ความรัก และครอบครัวในเรื่องเดียว
Burn the House Down ถูกให้ภาพว่าเป็นซีรีส์สืบสวนล้างแค้น แต่พอดูจริงๆ แล้ว กลับพบว่า ได้ผสมหลากหลายเรื่องราวอยู่ในเรื่องเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของสืบสวน ที่เห็นได้ชัดจากการสืบหาความจริง หลักฐานต่างๆ เพื่อเปิดโปงความชั่วร้ายของคนร้ายตัวจริง หรือความดราม่าของเรื่องทิอิมแพ็คต่อความรู้สึก เห็นความลำบาก การสู้ชีวิตของตัวละครแต่ละคน รวมไปถึงความรัก ที่เราจะได้เห็นโมเมนท์ความรักแบบละมุนๆ ผ่านอันซึและคิอิจิ ที่ค่อยพัฒนาจากการมีกำแพงใส่กัน แล้วค่อยๆ ทะลายกำแพงกันทีละนิด จนเข้ามาอยู่ในพื้นที่เดียวกันอย่างเข้าอกเข้าใจกัน หรือจะเป็นเรื่องราวของครอบครัว ที่สะท้อนเห็นจากชีวิตครอบครัวของฝั่งนางเอกและครอบครัวของมากิโกะ ที่ท้ายที่สุด ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก็เพราะทุกคนอยากปกป้องครอบครัวของตัวเองให้มีชีวิตที่ดีที่สุดและมีความสุขที่สุด
นี่ก็คือเรื่องราวคร่าวๆ ของซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Burn the House Down แนวสืบสวนล้างแค้นที่น่าติดตามอีกเรื่องค่ะ คิดว่าเรื่องนี้ก็สามารถดูได้แบบเพลินๆ ค่ะ ก็พอมีจุดที่ชวนให้อยากตามต่อว่า เรื่องราวท้ายที่สุดแล้วจะจบลงอย่างไร ส่วนตัวชอบแนวพล็อตในแกนสืบสวนมากกว่า ที่ทำออกมาได้ดี แต่ในแกนความแค้นสุดขีด อาจจะไม่ได้เข้มข้นมาก (Hanzawa Naoki ที่เอาคืนเป็นสองเท่า อาจจะถึงพริกถึงขิงกว่า) แต่ก็อยู่ในระดับที่ดูได้เพลินๆ อีกเรื่องหนึ่ง และยังมีแนวคิดชีวิตที่น่าสนใจสอดแทรกอยู่ในเรื่องตามสไตล์ซีรีส์ญี่ปุ่น การล้างแค้นอาจไม่ได้ถึงขั้นทำให้ชีวิตอีกฝ่ายจมดิน อาจจะดูเหมือนไปไม่สุด แต่สิ่งที่เห็นเพิ่มคือ การยอมรับผิดในสิ่งที่ทำ อาจไม่ไช่เรื่องแย่ และไม่ว่าชีวิตจะเดินไปทางไหน เราต่างก็ลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ ในเส้นทางที่แตกต่างจากเดิม
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องแนะนำ :
– ซีรีส์ญี่ปุ่นมีอะไร!? ทำไมคอซีรีส์ญี่ปุ่นถึงชอบดู
– Watashi no Oyome Kun เมื่อพระเอกขอข้ามขั้นเป็นภรรยา!
– อย่าตัดสินแค่ปก! ซีรีส์ญี่ปุ่นโปสเตอร์นิ่ง แต่สนุกกว่าที่คิด
– 5 ซีรีส์ญี่ปุ่น แนวแปลงโฉม ปลุกแรงบันดาลใจ
– Gomenne Seishun! เรื่องวุ่นๆ โรงเรียนหญิง-ชายล้วน ต่างศาสนา มารวมตัวกัน!
ขอขอบคุณรูปภาพจาก:
– ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Burn the House Down
– https://nfreaks.jp/post/about-burn-the-house-netflix/
– https://netofuli.com/news-673/
– https://martincid.com/en/2023/07/burn-the-house-down-2023-a-new-japanese-thriller-on-netflix/
– https://asianwiki.com/Burn_the_House_Down
#รีวิว Burn the House Down ซีรีส์ญี่ปุ่นสืบสวนล้างแค้น จากมังงะชื่อดัง