“Dish of the Year (Kotoshi no Hitosara)” อาหารยอดนิยมในประเทศญี่ปุ่นประจำปี 2019 ได้ประกาศแล้ว ของกินที่ถูกเลือกให้เป็นผู้ชนะเลิศในปีนี้นั่นก็คือ…..ชาไข่มุกนั่นเอง !
“Dish of the Year (Kotoshi no Hitosara)” อาหารยอดนิยมในประเทศญี่ปุ่นประจำปี 2019 ได้ประกาศแล้ว ของกินที่ถูกเลือกให้เป็นผู้ชนะเลิศในปีนี้นั่นก็คือ…..!
เว็บไซต์ข้อมูลร้านอาหาร Gurunavi (ぐるなび) จะประกาศชื่ออาหารที่เป็นที่นิยมประจำปี หรืออาหารที่สะท้อนภาพลักษณ์ประจำปีนั้นๆ เป็นประจำทุกปี อาหารที่ถูกเลือกให้เป็นที่หนึ่งในปีนั้นจะถูกเรียกว่า “Dish of the Year (Kotoshi no Hitosara)” ซึ่งเมื่อปี 2016 อาหารประจำปีนั้นคือผักชีที่เราคุ้นเคยกันดี ส่วนอาหารประจำปี 2018 คือซาบะ
และทาง Gurunavi ได้ทำการคัดเลือกอาหารประจำปี 2019 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ของกินที่ถูกเลือกให้เป็นผู้ชนะเลิศประจำปี 2019 ก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก “ไข่มุก” แสนหนุบหนับที่เอาไว้กินคู่กับชานมนั่นเอง
ถึงแม้ว่าจะฮิตเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาขยะเนื่องจากแก้วชานมไข่มุกที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และปัญหาขาดแคลนมันสำปะหลังที่เป็นวัตถุดิบหลักในการทำไข่มุก แต่ชานมไข่มุกก็ยังคงเป็นที่นิยมอย่างมาก
อีกทั้งในปีนี้ ชานมไข่มุกกลายเป็นหัวข้อหลักในรายการทีวีอย่าง Super J Channel หลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มชานมไข่มุกราคา 10,000 เยนต่อแก้วปรากฏออกมาด้วย
ตอนนี้ในประเทศญี่ปุ่นยังมีการพัฒนารูปแบบการกินไข่มุกอีกหลากหลายรูปแบบ ทำให้ไข่มุกในปัจจุบันนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องดื่มอีกต่อไป แต่ยังกลายมาเป็นส่วนนึงของอาหารอีกด้วย
ร้าน 19TEA คาเฟ่ชานมไข่มุกที่ตั้งอยู่ในชิบุย่า จังหวัดโตเกียว มีเมนูเด็ดที่ชื่อว่า TAPIOCA TOAST เป็นขนมปังโทสต์ที่ใช้แยมรสชานม และใช้ไข่มุกเป็นท็อปปิ้ง ซึ่งมองดูแล้วจะเห็นเหมือนกับว่า ไข่มุกมากมายที่คั่นกลางระหว่างขนมปังนั้นเป็นประกายระยิบระยับราวกับอัญมณีสีดำ เหมาะสำหรับถ่ายรูปลง SNS เป็นอย่างยิ่ง
เรื่องแนะนำ :
– อุตุฯ ญี่ปุ่นเตือนระวังอาจเกิดพายุหิมะที่ฮอกไกโด
– KitKat ญี่ปุ่นออกรสใหม่ ถั่วแระปั่น
– 690,000 เยน เหรียญที่ระลึกโตเกียวโอลิมปิกชุดสุดท้ายเปิดให้จองแล้ว
– ปราสาทชูริบางส่วนกลับมาเปิดอีกครั้งแล้ว
– ชานมไข่มุกสุดหรู ราคาแก้วละ 10,000 เยน !
ที่มาและรูปภาพ :
– https://news.tv-asahi.co.jp/news_economy/articles/000170935.html
– https://macaro-ni.jp/33335
– https://www.jalan.net/news/article/314671/2/