กลุ่มสถานที่ 12 แห่งที่เกี่ยวข้องกับคริสตังลับ ความเป็นมากว่าจะได้เป็นมรดกโลก และประวัติศาสตร์คร่าว ๆ ของคริสต์ศาสนาในพื้นที่นางาซากิ
สวัสดีค่ะ ตอนที่แล้วป้าหมวยยยเล่าคร่าว ๆ ถึงกลุ่มสถานที่ 12 แห่งที่เกี่ยวข้องกับคริสตังลับ ความเป็นมากว่าจะได้เป็นมรดกโลก และประวัติศาสตร์คร่าว ๆ ของคริสต์ศาสนาในพื้นที่นางาซากิไปแล้ว
ตอนนี้จะขอแนะนำมรดกโลก 3 แห่งแรก ได้แก่ ซากปราสาทฮาระ, ชุมชนคาสึงะ/ภูเขายาสึมันดะเคะ และเกาะนาคาเอะโนชิม่าค่ะ
1. ซากปราสาทฮาระ (Remains of Hara Castle)
บริเวณพื้นที่โล่งกว้างตรงนี้ เมื่อเกือบ 400 ปีก่อนเคยเป็นสมรภูมิสุดท้ายในเหตุการณ์กบฏชิมาบาระ (島原の乱 Shimabara no Ran) ซึ่งสมาชิกกบฏซึ่งส่วนใหญ่เป็นคริสตังจำนวนราว 37,000 คน นำโดยเด็กหนุ่มวัย 16 ปี อามาคุสะ ชิโร่ โทคิซาดะ (天草四郎時貞 Amakusa Shirō Tokisada) ต่อสู้กับกองทัพผสมของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลสามารถปราบปรามกบฏได้จึงเข้มงวดกับการกวาดล้างศาสนาคริสต์อย่างหนัก จนคริสตังที่ยังคงเหลืออยู่ต้องปกปิดตัวตนเพื่อเอาตัวรอดและรักษาความเชื่อศรัทธาอย่างลับ ๆ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคริสตังลับ
ภาพวาดอามาคุสะ ชิโร่ ผลงานของ Tsuruta Ichiro
ศิลปินชาวเมืองอามาคุสะที่มีชื่อเสียงในการภาพวาดสาวงาม
ภาพจาก https://www.tuttartpitturasculturapoesiamusica.com/2017/03/Ichiro-Tsuruta.html
ซากปราสาทฮาระ (原城跡 Harajō-Ato) ตั้งอยู่ที่ตำบลมินามิอาริมะ เมืองมินามิชิมาบาระ ติดทะเลอาริอาเกะ เดิมเป็นปราสาทสาขานอกเหนือจากปราสาทฮิโนเอะ (日野江城 Hinoe-jō) ของไดเมียวคริสตังแห่งเขตชิมาบาระ ดอม โปรทาซีโอ อาริมะ ฮารุโนบุ (ドン プロタシオ 有馬晴信 Dom Protasius Arima Harunobu) สร้างขึ้นในปี 1599
เมื่อฮารุโนบุเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ติดสินบน (“คดีโอคาโมโตะไดฮาจิ”) และถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 1614 ผู้ครองเขตคนใหม่คือ มัตสึคุระ ชิเงมาสะ (松倉重政 Matsukura Shigemasa) ได้รื้อปราสาททั้งสองหลังของฮารุโนบุแล้วนำวัสดุไปสร้างปราสาทชิมาบาระจนเหลือแต่โครงปราสาทบางส่วน
ไม่กี่ปีต่อมา เมื่อเกิดเหตุการณ์กบฏชิมาบาระในเดือนธันวาคม 1637 ในช่วงท้ายเหตุการณ์ กลุ่มกบฏได้ยึดซากปราสาทแห่งนี้เป็นที่มั่น ต่อสู้กับกองทัพผสมของรัฐบาลที่นำโดยผู้ครองแคว้นใกล้เคียงซึ่งมีจำนวนมากกว่าถึง 3 เท่าคือราว 120,000 คน กองทัพรัฐบาลใช้ยุทธวิธีล้อมกลุ่มกบฏอยู่นานนับเดือน โดยส่งสาสน์ถึงกลุ่มกบฏให้ยอมประกาศทิ้งศาสนาและออกจากซากปราสาท กระนั้นกลุ่มกบฏยังไม่ยอมแพ้ แม้เสบียงและยุทธภัณฑ์ของกลุ่มกบฏร่อยหรอแทบอดตาย
ฉากกั้นห้องที่วาดภาพการรบในกบฏชิมาบาระ
เก็บรักษาอยู่ที่ Akizuki Museum ในเมืองอาซาคุระ จังหวัดฟุกุโอกะ
ภาพจาก http://norenjapan.jp/tradition_history_culture/amakusa-siro/
ในวันที่ 11 เมษายน 1638 กองทัพรัฐบาลตัดสินใจโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏ ปราสาทแตกในวันเดียว สมาชิกกลุ่มกบฏหลายหมื่นคนถูกฆ่าตายสิ้น ศีรษะของอามาคุสะ ชิโร่และสมาชิกกลุ่มกบฏถูกนำไปวางประจานในหลายพื้นที่ของนางาซากิให้ผู้คนเกรงกลัว
หลังสิ้นสุดการสู้รบ ซากปราสาทถูกรื้อและเผาจนราบคาบไม่ให้นำกลับมาใช้งานได้อีก ปัจจุบันเหลือเพียงซากกำแพงและฐานปราสาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีไม้กางเขนใหญ่ รูปปั้นของอามาคุสะ ชิโร่ ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินคิตะมูระ เซโบ (北村西望 Kitamura Seibō) ผู้ออกแบบรูปปั้นใหญ่ในสวนสันติภาพที่นางาซากิ ติดตั้งไว้ที่บริเวณลานกว้างที่เคยเป็นปราสาทหลักหรือฮมมารุเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์กบฏ
กางเขนใหญ่ตรงลานกว้างซึ่งเคยเป็นปราสาทหลักของซากปราสาทฮาระ
(ภาพโดยป้าหมวยยย)
รูปปั้นอามาคุสะ ชิโร่ โทคิซาดะ ผลงานของคิตะมูระ เซโบ ตั้งอยู่ ณ ลานซากปราสาทฮาระ
(ภาพโดยป้าหมวยยย)
ในราวกลางเดือนเมษายนของทุกปี จะมีงานเทศกาลฮาระโจอิคคิมัตสึริ (原城一揆まつり Harajō Ikki Matsuri) เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ ช่วงกลางวันมีการแสดงบนเวที จัดขบวนจำลองฝ่ายกบฏและฝ่ายรัฐบาล มีการติดตั้งปราสาทฮาระโจในจินตนาการประกอบจากแผ่นไวนิลและนั่งร้าน ยามค่ำมีการแห่เทียน ประกวดการเรียงถ้วยเทียน และการกล่าวสุนทรพจน์หน้ารูปปั้นอามาคุสะ ชิโร่
ปราสาทฮาระโจในจินตนาการในเทศกาลฮาระโจอิคคิมัตสึริปี 2016
(ภาพโดยป้าหมวยยย)
วัตถุสิ่งของที่ขุดได้ในพื้นที่ เช่น สายประคำ เหรียญบูชาจากต่างประเทศ จี้กางเขนที่หลอมจากลูกปืนตะกั่ว ซากกระดูกแขนขาที่มีรอยดาบฟันถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์มรดกคริสตังอาริมะ (Arima Christian Heritage Museum 有馬キリシタン遺産記念館) ที่อยู่ห่างไปประมาณ 2 กิโลเมตร
ส่วนธงศึกของกลุ่มกบฏที่มีรูปเทวดาสรรเสริญศีลมหาสนิทถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์คริสตังอามาคุสะ (天草市立キリシタン館 Amakusa Shiritsu Kirishitankan) ที่เมืองฮอนโดะบนเกาะอามาคุสะ จังหวัดคุมาโมโต้ โดยปกติจะจัดแสดงธงจำลองไว้ในพิพิธภัณฑ์ แต่จะมีการจัดแสดงธงจริงปีหนึ่งเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
การเดินทางไปซากปราสาทฮาระ ควรใช้รถยนต์เพื่อความสะดวก หรือขึ้นรถไฟ/บัสของบริษัทชิมาบาระเท็ตสึโด (島原鉄道Shimabara tetsudō) มาลงที่สถานีรถไฟชิมาบาระ (島原駅Shimabara Eki) แล้วต่อรถที่ป้ายหน้าสถานี ใช้เวลา 1 ชั่วโมงลงที่ป้าย Harajo-mae (原城前) แล้วเดินต่ออีก 10 นาที ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซากปราสาทฮาระเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่เป็นที่นิยมในเมืองมินามิชิมาบาระ
2. ชุมชนและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งฮิราโดะ : ชุมชนคาสึงะและภูเขายาสึมันดะเคะ (Village and Sacret Places in Hirado : Kasuga Village and Mt. Yasumandake)
นาขั้นบันไดแห่งชุมชนคาสึงะและภูเขายาสึมันดะเคะช่วงต้นฤดูร้อน
(ภาพโดยป้าหมวยยย)
ชุมชนคาสึงะ (春日集落 Kasuga Shūraku) และภูเขายาสึมันดะเคะ (安満岳 Yasumandake) อยู่ทางตะวันตกของเกาะฮิราโดะ (平戸 Hirado) ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของภูมิภาคคิวชู เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานฮิราโดะโอฮาชิ
คริสต์ศาสนาเข้าสู่พื้นที่ฮิราโดะเมื่อนักบุญฟรังซิสเซเวียร์มาแพร่ธรรมที่นี่ในปี 1550 มีการจัดตั้งกลุ่มคริสตังย่อยที่เรียกว่า “คุมิ” (組 Kumi) ในช่วงที่มีคำสั่งห้ามนับถือคริสต์ศาสนายังมีนักบวชลักลอบมายังฮิราโดะเพื่อดูแลคริสตัง แต่เมื่อคุณพ่อคามิลโล คอนสแตนโซ (Camillo Constanzo) ถูกเผาทั้งเป็นที่ฮิราโดะในปี 1622 จึงไม่มีนักบวชเข้ามาในพื้นที่นี้อีก คริสตังแห่งฮิราโดะจึงต้องรักษาความเชื่อและประกอบพิธีลับ ๆ ตามภายใต้การนำของหัวหน้าคุมิ
ในบ้านของผู้นำคริสตังลับในชุมชนคาสึงะ จะมีแท่นบูชาทั้งพุทธและชินโต แต่จะมีห้องลับที่เรียกว่า “นันโดะ” (納戸 Nando) ที่ใช้เก็บรักษาศาสนวัตถุที่ใช้พิธีกรรมคริสตังลับ เรียกว่า “นันโดะกามิ” (納戸神 Nandogami)
ห้องนันโดะจำลองที่ Hirado Kirishitan Museum เมืองฮิราโดะ
(ภาพโดยป้าหมวยยย)
ตัวอย่างศาสนวัตถุ ได้แก่ สายประคำ (ロザリオ Rozario) และ “โอเท็นเพ็นชะ” (オテンペンシャ) มีที่มาจากภาษาโปรตุเกส Penitencia หมายถึงศีลอภัยบาป มีลักษณะเป็นเชือกแส้ ชาวคริสต์ตะวันตกในยุคแรกใช้ฟาดตัวเองเพื่อเป็นพลีกรรมใช้โทษบาป (self-flagellation) แต่สำหรับคริสตังลับเป็นศาสนวัตถุที่ใช้ในการประพรมบ้านหรือพิธีรักษาความเจ็บป่วย
โอเท็นเพ็นชะของคริสตังลับแห่งฮิราโดะ
ภาพจาก http://kirishitan.jp
คริสตังลับที่นี่จะเคารพบูชาภูเขายาสึมันดะเคะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ภูเขานี้สูง 536 เมตรเป็นภูเขาที่สูงที่สุดบนเกาะฮิราโดะ ด้านบนมีซากวัดไซเซ็นจิ (西禅寺跡 Saizenji-ato) และศาลเจ้าฮาคุซันฮิเมะ (白山比賣神社 Hakusanhime Jinja) ซึ่งตั้งขึ้นในปี 718
แม้คำสั่งห้ามนับถือศาสนาคริสต์ได้ถูกยกเลิกไปแล้วในปี 1873 แต่คริสตังลับแห่งชุมชนคาสึงะจำนวนหนึ่งไม่กลับเข้าพระศาสนจักร และยังคงสืบสานธรรมเนียมที่บรรพบุรุษรักษาไว้ แต่จะทำพิธีเป็นการส่วนตัวมากกว่าเป็นกลุ่มอย่างแต่ก่อน
ปัจจุบันบริเวณนี้จุดที่เข้าถึงได้ไม่ยากนักคือ หุบเขานาขั้นบันไดแห่งคาสึงะ (春日の棚田 Kasuga no Tanada) บริเวณนี้มีเนินเขาเตี้ย ๆ ชื่อ มารุโอะยามะ (丸尾山 Maruoyama) ซึ่งแม้จะไม่มีบันไดแต่ก็พอจะปีนขึ้นไปได้ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนจะสามารถมองเห็นนาขั้นบันไดในหุบเขาล้อมรอบยาวไปถึงทะเล ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นหลุมฝังศพของคริสตังในช่วงยุคต้น ปัจจุบันมีศาลหินตั้งไว้และมีการทำพิธีเล็ก ๆ ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี
จากยอดเนินเขามารุโอะยามะมองเห็นนาขั้นบันไดที่ทอดยาวไปถึงทะเล
(ภาพโดยป้าหมวยยย)
กล่าวกันว่ามีการทำนาขั้นบันไดในหุบเขานี้มานานนับร้อย ๆ ปีแล้ว ในช่วงที่นาข้าวโตราวกลางเดือนกรกฏาคมถึงกลางสิงหาคม นาข้าวจะเป็นสีเขียวขจีสวยงามมาก
ส่วนภูเขายาสึมันดะเคะเข้าถึงได้ยากเล็กน้อย โดยต้องขับรถขึ้นภูเขา จอดรถตรงลานจอดเล็ก ๆ แล้วเดินตามทางเข้าไปในป่า อย่างไรก็ตาม ศาลเจ้าฮาคุซันฮิเมะหลังปัจจุบันเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นใหม่ แต่ประตูโทริอิและทางเดินยังเป็นของเก่าที่สร้างในสมัยเอโดะ
การเดินทางไปนาขั้นบันไดแห่งคาสึงะและภูเขายาสึมันดะเคะควรใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองฮิราโดะประมาณ 30 นาที
3. ชุมชนและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งฮิราโดะ : เกาะนาคาเอะโนชิม่า (Kasuga Village and Sacret Places in Hirado : Nakaenoshima Island)
เกาะศักดิ์สิทธิ์นาคาเอะโนะชิม่า ภาพจาก http://kirishitan.jp
ห่างจากชุมชนคาสึงะเพียง 2-3 กิโลเมตรจะเป็นเกาะอิคิทสึกิ (生月 Ikitsuki) ซึ่งเคยมีชุมชนคริสตังลับเช่นเดียวกัน ในทะเลฝั่งตะวันออกมีเกาะเล็ก ๆ ที่ชื่อ เกาะนาคาเอะโนชิม่า (中江ノ島 Nakaenoshima) ไร้ผู้อาศัย ยาว 400 เมตร กว้าง 50 เมตร อยู่ห่างจากเกาะอิคิทสึกิประมาณ 2-3 กิโลเมตร
ณ ที่นี้เคยเป็นสถานที่ที่คริสตังจำนวนหนึ่งถูกประหารเป็นมรณสักขีในช่วงต้นของการเบียดเบียนศาสนา จึงถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคริสตังลับเสมือน ‘ประตูสู่สวรรค์’ และมีชื่อเรียกอย่างยกย่องต่าง ๆ กัน เช่น “ซังจูวังซามะ” (サンジュワン様 Sanjuwan-sama) หรือ ‘ท่าน San Juan’ ตามชื่อมรณสักขี ยวง จิโรเอมอน (ジュワン次郎右衛門) ที่ถูกประหารในปี 1622 เป็นต้น
สำหรับคริสตังลับแห่งฮิราโดะถือว่าน้ำจากที่นี่เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำมาใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ โดยหัวหน้าคริสตังลับจะขึ้นเรือไปยังเกาะในเวลากลางคืนเพื่อหลบเลี่ยงสายตา และทำพิธีเพื่อรับน้ำศักดิ์สิทธิ์เรียกว่า “พิธีโอมิซึโทริ” (お水取り Omizitori) โดยวางจานสุราแทนเหล้าองุ่นหรือพระโลหิตพระคริสต์ และปลาดิบซาชิมิแทนปังหรือพระกายพระคริสต์ สวดภาวนาแล้วใช้ใบไม้รองน้ำที่ไหลมาตามร่องหินบรรจุลงในไห
พิธีโอมิซึโทริของคริสตังลับแห่งฮิราโดะ
ภาพจาก http://kirishitan.jp
น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้จะนำไปใช้ในทำพิธีต่าง ๆ เช่น พิธีล้างบาปเด็กทารก (お授け Osazuke) พิธีสำคัญเกี่ยวกับพระเยซู เช่น โกะซันมาจิ (ご産待ち Gosanmachi หรือวันคริสตมาสอีฟ), โกะตันโจ (Gotanjou วันคริสตมาส) เป็นต้น รวมทั้งใช้พรมชำระเรือนหลังจากกลับจากพิธีศพ (家清め Ie-kiyome) หรือพรมไล่มลทิน (家祓いIe-harai) หลังจากมีคนนอกที่ไม่ใช่คริสตังลับเข้ามาในบ้าน ใช้พรมในไร่นาเพื่อขอพรด้านการเกษตร (野立ち Nodachi) พรมอวยพรเรือลำใหม่ (新船の魂入れ Shinsen no Tamashii-ire) พรมหิ้งพระที่ซ่อนสายประคำ (仏壇の魂入れ Butsudan no Tamashii-ire) หรือพรมในแป้งโมจิช่วงเทศกาลปีใหม่ (餅ならし Mochi-narashi) คำเหล่านี้เป็นคำเรียกเฉพาะของคริสตังลับเพื่อปกปิดตัวตนจากสายตาบุคคลภายนอก
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับน้ำศักดิ์สิทธิ์ว่า น้ำศักดิ์สิทธิ์จะไม่เหือดแห้งไม่ว่าอากาศจะแล้งเพียงใด เพียงขับบทสวดโอราโช (おらしょ Orasho = Oratio) น้ำศักดิ์สิทธิ์ก็จะค่อย ๆ ปริ่มขึ้นมาเอง หรือเก็บไว้นานเพียงใดก็จะไม่เน่าเสียหรือลดปริมาณลง หรือน้ำศักดิ์สิทธิ์จะไหลออกมาเพื่อหน้าคริสตังลับเท่านั้น จะไม่ไหลออกมาเมื่อคนนอกเข้าไป เป็นต้น
อนุสรณ์สถานมรณสักขีคุโรเสะโนะทสึจิที่สามารถมองเห็นเกาะนาคาเอะโนชิม่าได้
(ภาพโดยป้าหมวยยย)
การชมเกาะนาคาเอะโนชิม่าทำได้เพียงการชมระยะไกลจากฝั่ง หรือเช่าเรือเหมาเข้าไปชมรอบ ๆ ระยะใกล้แต่ไม่สามารถขึ้นเกาะได้ การมองเห็นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเพราะระยะค่อนข้างไกล
จุดที่สามารถชมเกาะจากบนฝั่ง คือ บริเวณริมทะเลฝั่งตะวันออกของเกาะอิคิทสึกิ รวมทั้งจากอนุสรณ์สถานมรณสักขีคุโรเสะโนะทสึจิ (黒瀬の辻殉教地 Kurose no Tsuji Junkyōchi) หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า “กัสปาลุซามะ” (ガスパル様 Gasuparu-sama) ซึ่งเป็นจุดที่กัสปาร์ นิชิพร้อมภรรยาและลูกชายคนโตถูกประหารเป็นมรณสักขีกลุ่มสุดท้ายของเกาะอิคิทสึกิในปี 1609 กัสปาร์ นิชิเป็นบิดาของโธมัส นิชิ มรณสักขีถูกประหารบนเนินนิชิซากะที่นางาซากิในปี 1634 พระศาสนจักรคาทอลิกได้สถาปนาโธมัส นิชิและ 15 มรณสักขีเป็นนักบุญในปี 1987
เกาะนาคาเอะโนชิม่าที่ป้าหมวยยยถ่ายซูมจากอนุสรณ์สถานคุโรเสะโนะทสึจิ
ระยะห่างประมาณ 3 กิโลเมตร สภาพอากาศไม่ดีเลยได้แค่นี้
(ภาพโดยป้าหมวยยย)
มาต่อกันตอนหน้ากับชุมชนซาคิทสึแห่งอามาคุสะ, ชุมชนชิทสึ, และชุมชนโอโนะแห่งโซโตเมะค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– แลมรดกโลก : มรดกคริสตังลับแห่งนางาซากิและอามาคุสะ ตอนที่ 1
– คุมะมงภูมิใจนำเสนอ Amakusa Daiō : ไก่ราชันอามาคุสะ
– Tenjōkyō : สะพานที่เกือบจะได้ชื่อว่า “สะพานคุมะมง”
– สะพานทั้งห้าแห่งอามาคุสะ (Five Bridges of Amakusa)
– Asadoya Yunta : เพลงพื้นบ้านโอกินาว่าขวัญใจมหาชน
ข้อมูลจาก
https://kirishitan.jp
https://ja.wikipedia.org/wiki/中江ノ島
http://oratio.jp/
http://kyoukaigun.jp