พูดถึงมวยปล้ำ ‘อาชีพ’ แล้ว มีคำถามหนึ่งที่มีคนถามกันมาอย่างต่อเนื่อง ว่าอะไรที่ทำให้มวยปล้ำอาชีพแตกต่างจากมวยปล้ำสมัครเล่น บ้างก็พูดถึงประเด็นของกฏกติกา ลักษณะของทัวร์นาเมนต์แข่งขัน แต่ประเด็นที่คนเริ่มตั้งคำถามกันมากขึ้นก็คือ “รายได้” ของมวยปล้ำอาชีพนั้น มากมายและแข็งแรงพอที่จะยึดเป็น “อาชีพ” รึเปล่า?
พูดถึงมวยปล้ำ ‘อาชีพ’ แล้ว มีคำถามหนึ่งที่มีคนถามกันมาอย่างต่อเนื่อง ว่าอะไรที่ทำให้มวยปล้ำอาชีพแตกต่างจากมวยปล้ำสมัครเล่น บ้างก็พูดถึงประเด็นของกฏกติกา ลักษณะของทัวร์นาเมนต์แข่งขัน แต่ประเด็นที่คนเริ่มตั้งคำถามกันมากขึ้นก็คือ “รายได้” ของมวยปล้ำอาชีพนั้น มากมายและแข็งแรงพอที่จะยึดเป็น “อาชีพ” รึเปล่า?
ถ้าตอบกันแบบแฟร์ๆ ก็คือ “ไม่” ครับ ปัจจุบันวงการมวยปล้ำในสายตาของคนทั่วไป อาจจะเป็นสมาคมอย่าง NJPW, WWE เป็นต้น ซึ่งโอเค พวกนี้คือค่ายใหญ่ ดังนั้นสมาคมเหล่านี้ไม่มีปัญหาในเรื่องของงบประมาณอยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ สมาคมที่มีงบประมาณมากๆ ก็ถือเป็นส่วนน้อยในวงการมวยปล้ำ เพราะในประเทศญี่ปุ่นนั้นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักมวยปล้ำอาชีพมีอยู่ทั่วประเทศในสมาคมมวยปล้ำที่มีรวมๆ แล้วกว่า 100 สมาคมทั้งเล็กและใหญ่ ดังนั้นจำนวนนักมวยปล้ำทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นค่าเฉลี่ยอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เห็นว่าในภาพรวมวงการมวยปล้ำยังไม่สามารถเป็นอาชีพหลักเพียงอาชีพเดียวได้สำหรับคนที่สนใจงานในสายนี้
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งก่อนว่าวงการมวยปล้ำนั้นเป็นธุรกิจกีฬาซึ่งควบคู่ไปกับความบันเทิงคล้ายๆ กับธุรกิจภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์นั่นแหละ โดยมีข้อแตกต่างคือในสมัยก่อนนั้นธุรกิจบันเทิงต้องอาศัยสื่อโทรทัศน์หรือว่าช่องทางในการนำเสนอ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับบุคคลทั่วไป แต่วงการมวยปล้ำนั้นเป็นเหมือนทางลัดอย่างหนึ่งที่เมื่อคุณได้ฝึกฝนทักษะมวยปล้ำแล้วก็สามารถจัดโชว์ได้สามารถสร้างความบันเทิงให้กับผู้คนได้ทำให้มวยปล้ำได้รับความนิยมทั่วประเทศญี่ปุ่นในฐานะของสื่อบันเทิง ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ง่าย
เหตุนี้เมื่อมวยปล้ำเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายก็ทำให้มีคนทุกระดับเข้ามาเป็นผู้สร้างผลงานในวงการนี้ บ้านก็รวยบ้างก็มีงบประมาณเพียงน้อยนิด เรียกว่ามวยปล้ำมีทั้งระดับท้องถิ่นที่ตอบโจทย์ของคนในพื้นที่นั้นๆ และสมาคมใหญ่ๆ ที่ไม่ได้สนใจแค่ในประเทศญี่ปุ่นแต่มุ่งไปที่ระดับโลก
และทุกวันนี้ข้อแตกต่างและช่องว่างใน 2 ประเภทนี้ก็ยิ่งทวีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้มวยปล้ำจะได้รับความนิยมมากขึ้นจากการที่ทุกคนจะเข้าไปเป็นนักมวยปล้ำในค่ายใหญ่ๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นพวกเขาก็ต้องเข้าร่วมในสมาคมถึงขนาดเล็กลงไปแทนเพื่อฝึกฝนและหาโอกาสในการเติบโตในวงการนี้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาได้พบเจอในสมาคมมวยปล้ำขนาดเล็กนั้นก็คือรายได้ที่น้อยและไม่สามารถเลี้ยงดูชีวิตของตนเองได้ เหมือนกับว่ามวยปล้ำนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เติมเต็มความฝันและตัวผู้ฝึกมวยปล้ำก็กลายเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายต่างๆ เองเพื่อตามหาความฝันเพื่อก้าวไปในเส้นทางที่ตัวเองอยากจะเดินไป เหตุนี้ทำให้แล้วมวยปล้ำหลายๆ คนตัดสินใจยุติอาชีพของตนเองตั้งแต่ปล้ำอยู่เล็กๆ แม้บางคนจะมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่หากเขามองไม่เห็นโอกาสในการขึ้นปล้ำในค่ายใหญ่ๆ ก็อาจจะตัดสินใจในการเลิกปล้ำได้ เพราะ ‘ความแตกต่างระหว่างการเป็นซุปเปอร์สตาร์ในค่ายเล็กๆ กับการเป็นนักมวยปล้ำระดับล่างในค่ายใหญ่ๆ มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง’
หากมองในมุมนี้จะหมายความว่าวงการมวยปล้ำมีศักยภาพต่ำหรือไม่? ผมมองว่าจริงๆ แล้วรูปแบบนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากการที่คนไปเรียนเทควันโด ไปเรียนคาราเต้หรือกีฬาต่อสู้อื่นๆ ที่ได้รับความนิยมในสังคม ณ ปัจจุบัน แต่สิ่งที่ทำให้วงการมวยปล้ำลำบากกว่าธุรกิจอื่นๆ ก็เป็นเพราะว่าวงการมวยปล้ำเป็นธุรกิจที่สืบเนื่องกับวงการบันเทิงอย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ไม่เหมือนกับกีฬาอื่นๆ ซึ่งมีความเป็นกีฬาจริงๆ ทำให้มีรูปแบบของการแข่งขันที่กำหนดออกมาอย่างชัดเจน อย่างน้อยผู้ที่เรียนก็ทราบว่าเขาสามารถนำความรู้ไปใช้ทำอะไรได้บ้าง
แต่สำหรับมวยปล้ำนักมวยปล้ำส่วนใหญ่นั้นจะสังกัดอยู่กับสมาคมใดสมาคมหนึ่ง ดังนั้นก็เหมือนกับว่าเขาเอาอนาคตของตนเองฝากไว้กับแผนงานของสมาคมนั้น หากสมาคมน้ำแข็งแรงมีแมตช์การปล้ำบ่อยครั้ง เขาก็จะมีฝีมือดีขึ้นและจะมีรายได้มากขึ้นจากจำนวนการแข่งขันที่มาก แต่ถ้าสมาคมของเขามีการบริหารที่ไม่ดีไม่มีแมตช์การปล้ำไม่มีรายได้เข้ามาก็จะทำให้เขาหมดอนาคตในวงการโดยปริยาย นี่ก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้นักมวยปล้ำหลายๆคนตัดสินใจยุติอาชีพก่อนวัยอันควร
รายได้ของนักมวยปล้ำในสมาคมทั่วไปนั้นอยู่ที่ประมาณ 3,000 ถึง 5,000 เยนต่อแมตช์เท่านั้น ลองจินตนาการดูว่าอาหารในญี่ปุ่นนั้นราคาเริ่มตั้งแต่ประมาณ 500 เยนขึ้นไปต่อมื้อ ใน 1 วันค่าอาหารรวมค่าเดินทางก็แทบจะเป็นจำนวนเงินเท่ากับรายได้จากการแข่งขันแล้ว เหตุนี้ทำให้นักมวยปล้ำหลายๆ คนต้องรับการปล้ำมากกว่า 1 รายการต่อวัน ซึ่งอาจจะช่วยในเรื่องของรายได้บ้าง แต่ในระยะยาวก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย และเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บเป็นอย่างสูง ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีนัก
นอกจากนี้ในบางสมาคมยังให้นักมวยปล้ำที่เป็นเด็กฝึกแข่งขันโดยไม่มีรายได้ด้วยซ้ำ เพราะตามระบบจริงๆ ของญี่ปุ่นแล้วนักมวยปล้ำมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตนเอง การมาเรียนมวยปล้ําเป็นศาสตร์ที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก การขึ้นปล้ำในครั้งแรกๆ นั้นจึงเป็นเหมือนการทดลองให้คนดูได้ทำความรู้จักเปรียบเทียบแล้วก็เหมือนกับการที่เราเรียนดนตรีและโรงเรียนให้มีงานจัดแสดงต่อหน้าผู้ปกครองหรือเพื่อนๆ ในโรงเรียนนั้นเอง ทั้งนี้ก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียเสมอไปเพราะระบบของวงการมวยปล้ำในญี่ปุ่นนั้นแข็งแรงมากๆ และผู้ชายหลายๆ คนก็เลือกที่จะมาอยู่ในสังคมแบบนี้เป็นเหมือนการฝึกตนเองและเป็นการตามความฝันซึ่งพวกเขาคิดว่ามันคุ้มค่าต่อความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำบากที่เขาต้องพบเจอ
ในสมัยก่อนนั้นวงการมวยปล้ำมีความจริงจังในการคัดเลือกผู้คนมากกว่านี้ แต่ปัจจุบันได้ลดความเข้มข้นลงทำให้มีคนสนใจเป็นนักมวยปล้ำมากขึ้น และด้วยความที่สมัยก่อนมีความจริงจังทางสมาคมเองจึงมีระบบในแง่ที่ว่าต้องตอบแทนนักมวยปล้ำให้เหมาะสมพอสมควร แต่ปัจจุบันเมื่อทุกอย่างมีการผ่อนปรนและรายรับจากการทำธุรกิจนี้ก็ไม่ได้เฟื่องฟูอย่างที่เคยเป็น ทำให้เรามีนักมวยปล้ำที่มาแข่งขันเป็นงานอดิเรกเท่านั้นมากขึ้น ทั้งนี้เพราะว่ารายได้จากมวยปล้ำอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต และการมีงานประจำก็ทำให้มีความมั่นคงรองรับในกรณีที่เลิกเป็นนักมวยปล้ำในอนาคต ถือว่าเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมสำหรับทั้งสองฝ่าย และเป็นเหมือนทางออกสำคัญในวงการมวยปล้ำซึ่งไม่สามารถให้รายได้กับตัวนักมวยปล้ำได้มากเท่าที่ควร
มีคำกล่าวว่า ‘คนที่สามารถเป็นนักมวยปล้ำเพียงอย่างเดียวถือเป็นเรื่องวิเศษ’ มีนักมวยปล้ำจำนวนน้อยมากๆที่สามารถทำแบบนี้ได้ และทางสมาคมบางสมาคมในประเทศญี่ปุ่น ก็ถึงกับใช้วิธีการสร้างธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมภายใต้การบริหารเดียวกัน อย่างเช่นร้านเหล้า ร้านอาหาร หรือร้านค้ารูปแบบอื่นๆ เพื่อให้นักมวยปล้ำสามารถมาทำงานพิเศษได้ ตรงนี้มีข้อดีคือนักมวยปล้ำไม่สามารถทำงานอื่นได้ง่ายนักเพราะการเป็นนักมวยปล้ำต้องเดินทางอยู่เสมอและมีวันหยุดที่ไม่เป็นเวลา การทำธุรกิจและให้นักมวยปล้ำเป็นพนักงานก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่ายเช่นกัน คือแฟนๆ ก็อยากเจอนักมวยปล้ำแบบใกล้ชิด นักมวยปล้ำก็ได้เงินเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นประเด็นนี้เป็นสิ่งที่วงการมวยปล้ำญี่ปุ่นและวงการมวยปล้ำอิสระทั่วโลกต้องการจะถ่ายทอดและทำความเข้าใจกับแฟนๆ ซึ่งอาจจะสนใจเป็นนักมวยปล้ำ มวยปล้ำแม้จะไม่สามารถเลี้ยงดูชีวิตได้อย่างธุรกิจหรือหน้าที่การงานอื่นๆ แต่หากเราฝึกฝนจนมีความสามารถมากพอแล้ว วงการมวยปล้ำนั้นก็มักจะมีความยินดีที่จะติดต่อซึ่งกันและกันเพื่อให้โอกาส ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับความขยันและความทุ่มเทของตัวนักมวยปล้ำเองอีกด้วย กีฬามวยปล้ำเป็นกีฬาที่ต้องเชื่อมั่นในความฝันของตัวเองอย่างแรงกล้าเพราะหากไม่สามารถยอมรับความเปลี่ยนแปลงของมันได้ ก็อาจจะทำให้ไม่เชื่อมั่นมากพอที่จะลองเสี่ยงกับกีฬาชนิดนี้ ยอมเจ็บตัวเพื่อความฝัน และยอมแพ้กับมันเร็วที่สุด
สุดท้ายนี้เป็นสิ่งที่ต้องยืนยันว่าสมาคมมวยปล้ำแต่ละสมาคมก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะตอบแทนนักมวยปล้ำของพวกเค้าให้เหมาะสมอยู่เสมอ และหากมีคนสนใจเป็นนักมวยปล้ำ ทุกๆ สมาคมก็ยินดีที่จะหาทางออกสำหรับพวกเขาเสมอ ผมได้ยินเลยหลายคนพูดว่า หากเราทำความเข้าใจกับคนดูมวยปล้ำในปัจจุบันว่าวงการมวยปล้ำขณะนี้เป็นอย่างไร และภาพอันสวยงามที่พวกเขาเห็นจากสมาคมชื่อดังของโลกเหล่านั้น เป็นเพียงส่วนน้อย มันก็จะช่วยให้วงการมวยปล้ำเดินไปในทางที่ถูกต้องชัดเจน และทำให้ตัวผู้ฝึกฝนสามารถคาดหวังในสิ่งที่เป็นไปได้ ไม่ใช่หวังในสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปได้ยากนั่นเอง
เรื่องราวของวงการมวยปล้ำญี่ปุ่นยังมีรายละเอียดอีกมากซึ่งเราจะนำมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป
พบกันใหม่อาทิตย์หน้าครับ
เรื่องแนะนำ :
– จุดจบของ JWP Joshi Puroresu สมาคมมวยปล้ำหญิงที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
– ดูญี่ปุ่น ที่ British Museum!
– การกลับมาของ Fire Pro Wrestling ซีรีย์เกมมวยปล้ำที่ดีที่สุดตลอดกาล
– การกลับมาของ Fire Pro Wrestling ซีรีย์เกมมวยปล้ำที่ดีที่สุดตลอดกาล
– การมาเยือนเมืองไทยของดัมพ์ มัตสึโมโตะ