การโดยสารรถไฟในญี่ปุ่นที่บางคนบอกว่า ไม่ง่าย! … ตามจริงแล้วการโดยสารรถไฟ โดยเฉพาะรถด่วนพิเศษ หรือรถไฟชินคันเซ็นมักจะมีปัญหาที่แม้คนที่อยู่ญี่ปุ่นเองก็คาดไม่ถึง เช่น การอ่านตั๋วที่ได้รับจากเคาน์เตอร์แล้วเข้าใจผิด!!
ตามจริงแล้วการโดยสารรถไฟ โดยเฉพาะรถด่วนพิเศษ หรือรถไฟชินคันเซ็นมักจะมีปัญหาที่แม้คนที่อยู่ญี่ปุ่นเองก็คาดไม่ถึง เช่น การอ่านตั๋วที่ได้รับจากเคาน์เตอร์แล้วเข้าใจผิด!!
เคยบ่อยครั้งที่ตั๋วจะเขียนว่า CAR 10 แล้วเราก็นัดว่ารถเที่ยวนี้นะ เจอกันก่อนรถจะออก 5 นาที นั่นหมายถึงเป็นโบกี้ที่ 10 ของขบวนที่เราไป แต่ชานชาลาเราต้องไปดูจากหน้าจอ ปรากฎว่า!!!!
เจ้าเพื่อนตัวดีก็ไปเลยค่ะ ชานชะลาที่ 10 แต่จริงๆ แล้วหน้าจอเขียนชานชาลาที่ 24 ซึ่งเราด้วยความที่เป็นโอตาคุรถไฟ (แต่ก่อนเป็นโอตาคุก็ถามผู้ชายที่เป็นเจ้าหน้าที่ชี้เป้าด้านล่างเหมือนกันนะ) เราไปรอเลยที่หน้าตู้เบอร์ 10 นะ แต่ชานชาลาที่ 24 ไม่ได้บอกเพื่อนเพราะเพื่อนอยู่ญี่ปุ่นนานตั้งแต่เด็ก ก็ส่งไลน์ไป เธอๆ อยู่ตู้เบอร์ 10 นะ
คุณเพื่อนไปเลยค่ะ ชานชะลาที่ 10 โทรหากันโวยวายทำไมยังไม่มานั่นนี่ เพื่อนบอกฉันก็อยู่ตู้เบอร์ 10 เดี๋ยวนะ ฉันอยู่!… อยู่ชานชาลาที่ 10 ว่ะ แล้วทำไมเธออยู่ชานชาลาที่ 24 อ่ะ อ้าว! ก็เค้าเขียนไว้ที่บอร์ดอ่ะ ><! อะไรแบบนี้เป็นต้นค่ะ
เนี่ยแหล่ะ เลยคิดว่าเราควรจะมาเขียนเรื่องรถไฟกันดีมั๊ยคะ เพื่อจะให้เพื่อนๆ ไม่งง กับมัน และไม่มีปัญหากับเพื่อนอีก 555
เริ่มกันที่เรื่องตั๋วชินคันเซ็นแล้วต่อด้วยรถไฟแบบรถด่วน หรือข้อมูลชานชาลากันนะคะ
1. การอ่านตั๋วชินคันเซ็นตั๋วโดยสารรถไฟ และตั๋วจองที่นั่ง อ่านหมายเลขที่นั่ง เลขตู้ ทำไมบางครั้งมี 1 ใบ บางครั้งมี 2 ใบ หรือฉันทำหายไปไหน
ตั๋วบางคนจะสงสัยบางครั้งได้มา 2 ใบ บางครั้งได้มาใบเดียว คือชินคันเซน และรถด่วนต่างๆ เค้ามีการเก็บเงินในสองส่วนคือ 乗車券 ค่าโดยสาร และค่าใช้บริการรถด่วน 特急券 ซึ่งบางตั๋วก็ได้นำสองสิ่งนี้มารวมเป็นใบเดียวกัน เอาเข้าไป!!!
ถ้าแยก 2 ใบ ราคาจะขึ้นสองใบรวมกันเป็นราคาจ่ายจริง
เช่นใบนี้เลยเป็นราคาสองอย่างรวมกันแล้ว เราจะเห็นด้านบนสุดเค้าเขียนว่า 乗車券 และ่ 新幹線特急券 ก็อย่าได้ตกใจไปว่าทำไมเรามีแค่ใบเดียว
ในตัว 乗車券 บางสายมีอายุ 6 วัน บางสายมีอายุ 3 วัน ซึ่งถ้าเราไม่ได้โดยสารตามอายุตั๋วจะใช้ไม่ได้ เช่นถ้าเราไม่ได้ไปในวันที่เราจองตั๋วโดยสารรถพิเศษ เงินใน 乗車券 ยังถือว่าไม่ถูกตัด เราเพียงแต่ซื้อตั๋ว 新幹線特急券 เพิ่มก็ได้ แต่ถ้าเราไม่ได้ใช้ตั๋ว 新幹線特急券 ตามเวลาที่ระบุไว้ในวันเดียวกันเช่นตกรถ ก็สามารถที่จะใช้โดยสารที่นั่งแบบไม่จองได้ (Non reserved)
ขอใช้ตัวอย่าง 乗車券 新幹線特急券 ด้านบนนี้เลยนะคะ
ตั๋วนี้เขียนว่า 乗車券 มีอายุ 7 วัน โดยสารจากสถานี Kokura (小倉)ซึ่งก่อนถึง Kokura สามารถโดยสารรถไฟของเจอาร์ท้องถิ่นได้ฟรี (市内) จุดหมายคือ Tokyo (東京)โดยสารรถไฟสายในโตเกียวได้ฟรี (都区内) ก็คือถ้าเราใช้ตั๋วชินคันเซ็นเราจะสามารถเดินทางด้วยรถธรรมดาสายเจอาร์ได้ถึงปลายทางฟรี ราคาค่าโดยสาร รวมตั๋วขบวนพิเศษ อยู่ที่ราคา 22,310 เยน เค้าวงเล็บราคาแยกไว้ด้านล่างตรงหลังราคาเต็มนะคะ 内訳 การแจกแจง คือ ค่าโดยสาร 13,180 เยน ค่าขบวนรถด่วน 9,130 เยนเป็นรถขบวนไม่สูบบุหรี่
เวลาออกเดินทาง 16.05 น. (16.05 発) เวลาเดินทางถึงที่หมาย 20.53 น. (20.53着)
ชื่อรถไฟ Nozomi เบอร์ 46 (のぞみ 46号)
ที่นั่งอยู่ตู้เบอร์ 11 (11号車) หมายเลขที่นั่ง 11 (11 番) ที่นั่งแถว D (D席)
จะเห็นได้ว่าแม้กระทั่งตั๋วรถไฟ Keisei จากอุเอะโนะไปยังสนามบินก็ใช้แบบฟอร์มคล้ายๆ กัน
และแม้กระทั่วรถด่วนที่ฮอกไกโดก็ยังใช้แบบฟอร์มเดียวกัน (อาจจะเพราะเจอาร์ใช้ฟอร์มนี้)
2. การอ่านชานชะลารถไฟ มีทั้งแบบรถชินคันเซน และรถธรรมดา คนมักขึ้นผิดไปอ่านจากหน้าตั๋วคำว่า CAR คือหมายเลขชานชาลา มันไม่ไช่คร้าาาา
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เข้าใจผิดเพราะบางคนไปอ่านที่ตั๋วแล้วเข้าใจว่า CAR (号車)ว่าคือเลขชานชาลาค่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วคือหมายเลขตู้ที่เราขึ้น การดูเลขชานชาลาต้องมาดูที่ป้ายบอร์ดไฟ หรือดูในแอพพริเคชั่นที่เราค้นหาโดยส่วนมากจะเขียนไว้ค่ะ
อย่างอันนี้ถ้าเราต้องการจะไป EchigoYuzawa (越後湯沢)เที่ยว 8.04 น. สายรถไฟ Maxtanigawa 403 ก็ต้องไปขึ้นชานชาลาหมายเลข 21 (21番線) ถ้าจะไป Kanazawa (金沢) เที่ยว 8.12 สาย Kakayaki 521 ก็ต้องไปขึ้นที่ชานชาลา หมายเลข 23
ขึ้นไปได้เลยค่ะ ชานชาลาจะบอกรถที่จอดรออยู่ อย่าได้แคร์ ขึ้นไปดูป้ายด้านบนว่ารถเราเป็นคิวที่เท่าไหร่
เอาหล่ะค่ะ ขึ้นไปก็ดูด้านบนเห็นหมายเลข 23 คือปลอดภัยรายชื่อเยอะๆ เหล่านี้จะเรียงตามคิวรถ แล้วก็จะสลับภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ คราวนี้ก็เดินไปที่ตู้ที่เราจะขึ้นได้เลยค่ะ สามารถดูได้ด้านบนเหมือนกัน หมายเลขตู้ในโตเกียวดูง่ายมาก มีป้ายชัดๆ บอกด้านบนนี่เลยค่ะ Car No. 2 เบอร์ตู้จะเป็นแบบนี้แหล่ะค่ะ
ป้ายบอกทางขึ้นบันไดเลื่อน
บางทีป้ายไฟก็มีแบบไฮโซ จอบอกดีงามว่าเราต้องขึ้นบันไดเลื่อนตรงไหนจะใกล้ตู้ที่เราโดยสาร
เบอร์ชานชาลาเราก็สามารถดูได้ตั้งแต่แอพเลยเช่นกัน เค้าเขียนไว้อย่างชัดเจนไม่เคยเจอว่าบอกเบอร์ผิดนะคะ นอกจากรถไฟสายต่างจังหวัดที่มีชานชาลาเยอะเค้าจะมีวงเล็บไว้ว่าบางทีนายสถานีอาจจะเปลี่ยนให้เช็คอีกที
อันนี้รถไฟธรรมดาในโตเกียวค่ะ จะไปที่ไหนให้ดูปลายทางเค้าเขียนบอกไว้ว่าเบอร์ชานชาลาที่เท่าไหร่มีรถไปไหนบ้าง ก่อนจะขึ้นชานชาลาควรดูป้ายนี้ก่อนถ้าบางที่มีแค่สองชานชาลาก็สบายค่ะ สมมติว่าจะไปฟุนาบาชิก็ดูที่ป้าย อ่อให้ขึ้นเบอร์ 2 เราก็เดินไปขึ้นเลย ไม่ผิดแน่ๆ
3. การถามเจ้าหน้าที่เป็นภาษาญี่ปุ่นแบบง่ายๆ เกี่ยวกับหมายเลขชานชาลา รู้ไว้ก็จะดี เพราะต้องได้ใช้แน่ๆ ยามหลง!!!
กรณีที่รู้ชื่อสถานี ให้นำชื่อสถานี + Yuki (行き) แปลว่าไปเป็นภาษารถไฟ ก็สามารถถามประมาณนี้ “Funabashi Yuki nan ban ho-mu desuka?” คำว่าชานชาลาของภาษาญี่ปุ่นคือ ホーム (Ho-mu) ถ้าเค้าตอบอาจจะตอบว่า Ni Ban Sen Desu (2 番線です) ชานชาลาหมายเลขที่ 2 ค่ะ
กรณีถ้าไม่รู้หล่ะ ว่าสายไหน คือแบบข้อมูลไม่มีอะไรทั้งนั้น ออกจากโรงแรมมาก็มาพึ่งนายสถานีเนี่ยแหล่ะค่ะ อยากจะไปดูดอกวิสทิเรียที่ Kameido สักหน่อยก็ไปถามนายสถานีได้เลยว่า Kameido ikitai desu (亀戸行きたいです) ภาษาอาจจะแข็งๆ ดูแล้วไม่เพราะแต่เข้าใจได้ง่ายดีค่ะ เค้าคงเข้าใจเราต่างชาติ จากนั้นเค้าจะบอกว่าให้เราไปขึ้นที่ชานชะลาไหนตอบมายาวๆ ก็แค่ให้ทวนเค้าว่าเบอร์นี้ใช่มั๊ย (เพื่อนๆ ต้องมีพื้นฐานนับเลขนิดนึงนะ) เค้าตอบอาจจะตอบเหมือนเดิมค่ะ Ni Ban Sen Desu (2 番線です) ชานชะลาหมายเลขที่ 2 ค่ะ
4. Google ใช้หาวิธิเดินทางด้วยรถไฟได้นะ ไม่ต้องพึ่งแอพ ของดีๆ มีใกล้ๆ เนี่ยแหล่ะ
เพื่อนๆ สามารถใช้ กลูเกิ้ลค้นหาการเดินทางได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องพึ่งแอพพริเคชั่นใดๆ เพียงเติมชื่อสถานี และมีตรงกลางว่า から แล้วต่อด้วยสถานีปลายทาง เช่น Shinjuku Station からOshiage Station ก็จะขึ้นรูท เวลาโดยสาร เวลาเดินทางถึง ชื่อสายรถ ยอดค่าโดยสาร มีเลขชานชาลาให้ขึ้น และเปลี่ยนรถด้วยค่ะ
ถ้าเราอ่านไม่ออก เราก็ถามพนักงานได้สบายๆ ถ้ามีเจ้านี่เพียงชูให้เจ้าหน้าที่รถไฟ หรือคนญี่ปุ่นดู เค้าก็จะบอกเลข บอกทางเดินไปขึ้น
สะดวกสบายสุดๆ ซึ่งบางคนไม่รู้ว่ากลูเกิ้ลก็ขึ้นอย่างละเอียดให้เพียงเติมคำว่า から (Kara)ที่แปลว่าจากที่….. ไว้ตรงระหว่างจุดหมาย กับปลายทางก็รอดได้ง่ายๆ เลยค่ะ
5. ศัพท์ของรถด่วน รถเร็ว และควรระวังว่ารถบางขบวนจะไม่จอดบางสถานี โอ้ยงงกันไป อย่าว่าแต่เพื่อนๆ คนอยู่นานๆ ก็มีมึน
บางคันมีเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะคำว่า Express Rapid, Express, Semi Express, Rapid, Limited Express อะไรก็ตาม บางบริษัทรถไฟก็เขียนไม่เหมือนกัน เรามาดูตามลำดับความเร็วของรถไฟในภาษาญี่ปุ่นก็ได้ค่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้ว จะชอบขึ้นญี่ปุ่นสลับอังกฤษ อีกทั้งเพื่อนๆ ก็คงไม่มีปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษ แต่จะไม่ไหวก็ตรงญี่ปุ่นบางทีเข้าใจยากเหลือเกิน เอาเป็นความเร็วสุดก่อนนะคะและบางที่ก็จับคำพวกนี้มารวมกันอีก เช่น 快速急行 เห็นมั๊ยคะว่าไปกันใหญ่ เข้าใจยากแท้ 555 เอาแบบที่เราเห็นบ่อยๆ ดีกว่า
การนับทั้งหมดจะนับแบบพื้นฐานนะคะ บางบริษัทจะเรียกต่างกัน เช่นเจอาร์อาจจะไม่มี Kait0ku (快特)รถที่วิ่งเร็วสุดของใต้ดินอย่างสายอาสะกุสะ
ตามภาพนี่คือ 快速特急(Kaisokutokkyuu) จึงเรียกเป็นตัวย่อว่า 快特(Kaitoku) คือด่วนมากเป็นพิเศษอันนี้มีเป็นบางสายนะคะ เช่นสายนี้เค้ามีไปสนามบินเลยต้องมีรถด่วน พิเศษสุดเร็วกว่า Tokkyu อีกค่ะ แทบจะไม่จอดเลยค่ะ วันนี้เราเอาแบบใช้เยอะสุดจะดีกว่าเอาแบบนับกันที่ความเร็วมาตรฐานตามข้อดังนี้ค่ะ
5.1 特急(Tokkyu) เป็นรถที่เร็วสุด อันนี้ไม่นับพวกชินคันเซ็นนะคะ เพราะชินคันเซ็นจะมีชื่อเรียกเป็นระดับความเร็ว ซึ่งถ้าเพื่อนๆ สนใจจริงๆ ก็ควรทำเป็นรีวิวหน้า 555
นับรถสายปกติจะเป็นแบบจองหรือไม่จองที่นั่งก็แล้วแต่จะใช้คำนี้คือถ้านั่งรถนี้จะจอดได้น้อยสถานีมากๆ ถึงขั้นบางทีไปจอดสุดสายเลยก็มี คือถ้าเป็นรถเข้าสนามบิน หรือสายต่างจังหวัดเค้าก็มักจะมีเที่ยวที่จองที่นั่งได้บ้าง หรือเที่ยวนั้นทั้งเที่ยวจองที่นั่งทั้งขบวน
5.2 急行 (Kyukou) 区間快速 Section Semi Express สายนี้จะจอดเพิ่มขึ้นมาหน่อยนึงจากข้อ 1 แต่ว่าก็เร็ว เรียกว่าถ้ารีบแล้วเค้าไปสถานีใหญ่ เราก็มีสิทธิขึ้นค่ะ เช็คดีๆ
5.3 快速 (Kaisoku) อันนี้จอดไม่ทุกป้ายแต่ก็ซอยยิบเหมือนกัน แต่ก็อารมณ์ประมาณว่าดีกว่านั่งรถปกติ และมีให้งงไปกว่านั้นคือบางสาย Kaisoku ก็ไม่ได้ต่างกับ Kyukou บางสายก็ยังเร็วกว่า โอ้ยงงกันไป สรุปคือสองระดับความเร็วนี้จะไม่หนีกันมาก และก็แล้วแต่บริษัทจะตั้งระดับด้วยค่ะ
5.4 普通(Futsu) หรือ 各駅停車 (kakuekiteisha) แปลว่ารถไฟธรรมดา หรือรถไฟที่จอดทุกสถานีแล้วแต่สายไหนจะใช้นะคะ บางที่จะเขียนย่อ 各停 บนป้ายไฟ เราก็อย่าได้งงค่ะ เพราะมันยาว เค้าเลยเขียนแค่นี้แหล่ะ บางทีได้ยินเค้าประกาศก็เหมือนกันบางสายก็ประกาศว่า Futsu บ้าง Kakuekiteisha บ้างให้ยึดภาษาอังกฤษว่า Local แล้วกันนะคะ
6. ตั๋วมีราคา 2 ราคา บางคนนำกลับไปคิดเงินจากการถ่ายรูปมาแบบนี้แล้วบอกงงมาก
ราคาไหนที่เป็นราคาตัวเอง ราคาล่าง ราคาบน ถ้าเป็นผู้ใหญ่ยึดราคาแพงเลยค่ะ
บางสายเขียนว่า 小児 (Shouni) บางสายเขียนว่า こども (Kodomo) แปลว่าเด็ก ผู้ใหญ่จะมีตัวคันจิ 大หรือบางทีจะเขียนว่า 大人 (Otona) เอาเป็นว่าราคาถูกจะเป็นราคาเด็กจะถูกกว่าครึ่งราคาของผู้ใหญ่ค่ะ อย่างอันนี้ราคาผู้ใหญ่ถึงเป็นราคาปกติก็จะเป็นราคา 200 เยน ราคาเด็กจะอยู่ด้านบน เวลาเราหยอดก็ให้ใส่ตั๋วเด็กไปค่ะ
7. การโดยสารรถเสริม รถสุดสาย โดยไม่รู้ตัว
คือบางทีเราไม่รู้ว่ารถไฟนี่สุดสาย เพราะรถบางขบวนวิ่งเป็นวงกลม อารมณ์แบบ “อุ๊ตะ !! มีสุดสายด้วยหรา” อ่ะจ่ะ มีค่ะ บางทีนั่งสุดสายตอนดึกๆ เนี่ยกลัวสุดๆ กลัวรถเสริมเนี่ยจะเป็นขบวนสุดท้าย 5555
เค้าก็จะเขียนป้ายไฟไว้ค่ะว่า 当駅止り ซึ่งเคยมีนะคะที่เค้ามาตรวจว่ามีคนลงหมดรึยัง แล้วถ้าเค้าตรวจเสร็จจะปิดประตู ระหว่างนั้นมีนักท่องเที่ยวนึกว่ารถจะปิดประตูเพราะออกรถ (ไม่ได้ดูป้ายกับเวลาที่ขึ้นไว้ หรือข้างรถที่เขียนว่า 回送) รถปิดประตูจะเข้าอู่ แต่ออกไม่ได้เพราะนักท่องเที่ยว 1 คนเข้าไป นักท่องเที่ยวคือรู้ตัวเลยกดปุ่มฉุกเฉิน เสียงหวอดังไปทั่วสถานีเลยค่ะ แล้วนานด้วย บางทีก็ไม่เข้าใจ แค่เปิดประตูอาจจะจบ แต่เค้าอาจจะมีเครื่องคอนโทรลส่งรถแล้วมีคนขึ้นไปเลยทำให้ออกรถไม่ได้ เปิดประตูไม่ได้รึเปล่าถ้าเพื่อนๆ ไม่อยากตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ต้องระวังนิดนึงนะคะ
ถ้าเราได้ยินหรือเห็นคำว่า 終点 電車 (Shuuten Densha) หรือ 終点 (Shuuten) ลงเลยค่ะ ถ้าเราไม่ลงก็อาจจะมีประกาศว่า Orikaishi Densha หรือ Kaisou นั่นแหล่ะชัดเลยค่ะสถานีสุดท้ายที่รถจอด สถานีปลายทาง หรือสุดสายนั่นเองถ้าเค้าประกาศว่า Orikaishi Densha คือรถคันนั้นจะกลับไปวิ่งรูทเดิมเป็นเที่ยวขากลับ แต่ถ้าประกาศว่า Kaisou (回送)ก็หมายถึงรถจะไปจอดอู่ค่ะ
8. รถไฟมา 電車がまいります
ถ้าเห็นคำนี้ขึ้นที่บอร์ดแล้วหยอดน้ำอยู่ เพื่อนจะไปเข้าห้องน้ำก็รีบๆ เรียกมา หรืออีกอย่างนึงคือให้ระวังไว้ยืนอย่าเกินเส้นเหลือง เพราะรถไฟบางขบวนเป็นรถด่วนพิเศษจะวิ่งเร็วมาก เราต้องระวังทั้งอุบัติเหตุ และระวังจะไม่ทันรถค่ะ แนะนำว่าถ้าเช็คเวลาแล้วชัวร์ว่าขบวนนี้ ให้ขึ้นไปก่อน ถ้าจองที่นั่งไว้ ให้เดินทาตู้ทีหลัง
9. รถขบวนสุดท้าย งานวิ่งต้องมาถ้าขึ้นได้ก็จะอารมณ์ดีแบบนี้ 555
คำศัพท์ที่ต้องรู้จะมี 2 อย่าง (อาจจะมีมากกว่านี้รึเปล่าแต่เคยเจอสองคำนี้)
最終列車 (Saishuu Ressha)ส่วนใหญ่ใช้กับรถไฟ JR และ 終了 (Shuryo)ส่วนใหญ่ใช้กับรถไฟใต้ดิน แปลว่ารถไฟเที่ยวสุดท้าย ถ้าใครเห็นสองคำนี้ตามสถานีรถไฟเที่ยวดึกละก็เตรียมวิ่งได้เลยค่ะ ซึ่งพนักงานเค้าจะออกมาช่วยประกาศให้เราเร่ง หรืออีกอย่างนึงคือประกาศเพิ่มความเร้าใจ คือมันเร้าใจมากนะคะ แล้วนายสถานีบางสถานีใจดีมาก คือถ้ามีคนวิ่งอยู่เค้าจะไม่ส่งรถออก น่ารักสุดๆ
10. ตู้ 弱冷房車 (Jaku Rebou Sha) ตู้ที่เปิดเครื่องปรับอากาศอ่อนๆ ในช่วงฤดูร้อน ถ้าเราขึ้นรถไฟแล้วบ่นว่าทำไมรถไฟญี่ปุ่นมันร้อนจัง ให้ดูสติ๊กเกอร์เค้าจะติดบนกระจกหรือตามประตูค่ะ ว่าตู้นี้คือรถที่แอร์ไม่แรง เพื่อประหยัดพลังงาน และเหมาะกับคนที่ชอบแบบเบาๆ ขี้หนาว ไม่ชอบแอร์แรง
เพื่อนๆ ที่สับสนเรื่องรถไฟกับภาษาญี่ปุ่นก็อาจจะได้ความรู้ไปบ้างนะคะ หวังว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับหลายๆ คนที่มาเที่ยวแล้วสับสนค่ะ จริงๆ ยังมีอีกเยอะค่ะ แต่เอาที่บางคนงงๆ ก่อนจะดีกว่า
ส่วนเรื่องที่ยากและยังงงๆ อยู่ ก็ยังพอมีค่ะถ้าเอาไว้เจอแล้วกระจ่างรับรองมาบอกต่อกันอย่างแน่นอนค่ะ มันยากบางครั้งว่านับตู้แม่นแล้วเชียวตู้ 16 โบกี้ ตู้ 8 โบกี้ ก็มียืนผิดค่ะ คือเจ้าป้ายที่แปะไว้เนี่ย ถ้าสายรถไฟธรรมดาคือโอเคมากๆ ถ้าชินคันเซ็นตามต่างจังหวัดงงสุดๆ ไปเลยค่ะถ้าโตเกียวนี่เข้าใจง่ายสุดแล้ว
ค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น คลิ๊กที่นี่ ! >> https://goo.gl/EKDtC6
ใครที่มีความสนใจเรื่องระดับความเร็วรถไฟสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้นะคะ >> https://goo.gl/DWrDh5
ทักทายพูดคุยกับ Nat Nana ได้ที่>>> Facebook ไม่ใช่กรูรู แต่กรูรู้ ของถูกในโตเกียว
เรื่องแนะนำ :
– 11 อุปกรณ์แนะนำเที่ยวเมืองหนาวสำหรับมือใหม่
– เที่ยวชิบุย่า พักชิบุย่า ..อิ่มอร่อยที่ชิบุย่า!!
– S7 เอ้าท์เลตสุดปังใกล้โตเกียว พร้อมพิกัด
– ชีวิตสโลไลฟ์ใน Kanagawa และอิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์ปูร้านแนวๆ
– 22 หมู่บ้านและเมืองในญี่ปุ่น ที่น่ารักน่าเดินเล่น