เขาบอกว่านักมวยปล้ำไทยดูโดดเด่นมากเพราะมีคาร์แรกเตอร์ที่ต่างจากญี่ปุ่น หวังว่าจะเห็นคนเอามวยไทยมาใช้ในสังเวียนญี่ปุ่น เพราะมวยไทยถือว่ามีชื่อเสียงมาก คนญี่ปุ่นติดตามชมมวยไทยเยอะมาก จนบางครั้งพวกเขายังสงสัยเลยว่าคนไทยทำไมไม่ค่อยรู้จักนักมวยไทย
หลังจากที่ในสัปดาห์ก่อนเราพูดถึงบริบทต่างๆ ของการออกเดินทางในครั้งนี้ ดังนั้นในสัปดาห์นี้เราจะพาผู้อ่านทุกท่านเดินทางไปพร้อมๆ กับเราครับ
สถานที่ตั้งหลักๆ ของเราคือ ICHIGAYA ในโตเกียว ซึ่งถ้าจะเดินทางไปโอซาก้าก็ต้องใช้รถบัสสถานเดียว (คือด้วยความที่นักมวยปล้ำและทีมงานมีจำนวนหลายชีวิต การนั่งเครื่องบินไม่คุ้มอย่างแรงครับ) การเดินทางไปอุเมดะ โอซาก้า ใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมง ในขณะที่นาโกย่าใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อรวมกับการฝึกซ้อมหามรุ่งหามค่ำแล้ว ต้องถือว่าการทัวร์ครั้งนี้ “หนัก” มากๆ เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ผลตอบรับที่ได้จากแฟนๆ ก็ยอดเยี่ยมมาก จนคิดว่ามันคุ้มค่าเหลือเกินครับ

เราเริ่มการปล้ำกันที่ NASCI HALL UMEDA ในวันที่ 2 เมษายน 2014 ซึ่งมีคนไทยร่วมปล้ำทั้งหมด 3 คู่ เริ่มจาก เปปเปอร์มินต์ นักมวยปล้ำหญิงอายุ 16 ของไทย ที่ได้ขึ้นปล้ำกับ [โคโตริ] นักมวยปล้ำดาวรุ่งน้องใหม่ที่กำลังถูกจับตามองจากสื่อในญี่ปุ่น โดยแมตช์นี้เป็นทาง [โคโตริ] ที่อาศัยความคล่องแคล่วว่องไว เอาชนะเปปเปอร์มินต์ไปได้ แต่หลังจากจบการแข่งขัน หลายๆ ฝ่ายยอมรับว่านักมวยปล้ำสาวไทยของเราพัฒนาตัวเองได้ดีมากๆ และคิดว่าจะมีอนาคตที่ดีในวงการมวยปล้ำอย่างแน่นอนครับ

คู่ต่อมาเป็นการปล้ำแทคทีม 6 คน โดยนักมวยปล้ำไทย ได้แก่ P-Nutz , EK Baki และ Golem Thai ซึ่งแมตช์นี้คือการเปิดตัวในญี่ปุ่นครั้งแรกของเขา อย่างไรก็ตามคู่ต่อสู้ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นมืออาชีพชั้นนำของญี่ปุ่น ได้แก่ Masa Takanashi, Takeshi Minamino, Manjimaru ซึ่งถือว่าคนไทยต้องพกทั้งฝีมือและดวงมาอย่างมาก หากต้องการที่จะเอาชนะ


สุดท้ายก็เป็นทีมของฝั่งญี่ปุ่นที่เอาชนะไปได้แบบทุลักทุเล เพราะนักมวยปล้ำไทยสร้างผลงานเอาไว้อย่างน่าประทับใจมากๆ ครับ เล่นงานคนญี่ปุ่นซะจนไม่น่าเชื่อเลยว่ามีประสบการณ์แตกต่างกันเป็นอย่างมาก จบแมตช์ลงด้วยเสียงปรบมือของผู้ชมครับ

และคู่เอกคือการรีแมตช์ของ “บลู โลตัส” นักมวยปล้ำหญิงคนแรกของไทยที่ต้องมาเจอคู่ต่อสู้คนเดิม แบบเดียวกับในแมตช์เปิดตัวของเธอที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอทั้งในเมืองไทย และญี่ปุ่น โดยเธอจับคู่กับ “ริโฮ” เจอกับ “เอมิ ซากุระ” และ “คาโอริ โยเนะยามะ”

หลังจากแมตช์เปิดตัวของ “บลู โลตัส” ที่ Shin- Kiba 1st Ring เมื่อช่วงปลายปีก่อน เธอทำผลงานได้ดีมาก แต่มาครั้งนี้เหมือนกับว่าคู่ต่อสู้จับทางเธอได้แล้วครับ การออกอาวุธของเธอเลยไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามคู่หูของเธออย่างน้องริโฮ ที่มีประสบการณ์ในวงการมานาน ก็คอยแก้เกมให้ตลอดเวลาจนสูสี ก่อนที่บลู โลตัส จะใช้ท่าไม้ตายจนเกือบเอาชนะไปได้

แมตช์จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ บลู โลตัส หลังจากเจอท่าไม้ตายของอาจารย์ เอมิ ซากุระ จับกดนับ 3 ไป ย้ำแค้นกับเธออีกครั้งครับ สรุปว่าการปล้ำ 3 แมตช์ของนักมวยปล้ำไทยในโอซาก้า เราแพ้รวด แต่การต่อสู้ยังไม่จบ ยังเหลือการทัวร์อีกทั้งในนาโกย่าและโตเกียว รวมถึงวันนี้ คนไทยแต่ละคนต่างแสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมที่จะเอาชนะได้ทุกเมื่อ ขาดเพียงประสบการณ์บางอย่างเท่านั้น ซึ่งเชิ่อว่ามันจะปรากฏให้เห็นในการขึ้นปล้ำวันอื่นๆต่ อจากนี้แน่นอน ส่วนใครจะกลายเป็นนักมวยปล้ำไทยคนแรกที่เอาชนะมืออาชีพจากญี่ปุ่นได้ถึงถิ่น ต้องติดตามเรื่องราวของเราต่อไปในสัปดาห์หน้าครับ

แฟนมวยปล้ำญี่ปุ่นที่มาเข้าชม มีทั้งคนที่ติดตามข่าวตราวของเราอยู่แล้วจากทางเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ หรือช่องทางใดก็แล้วแต่ โดยมีบางคนก็เพิ่งมาดูมวยปล้ำสมาคมของเราเป็นครั้งแรก นั่นหมายถึงพวกเขาก็เพิ่งเจอนักมวยปล้ำไทยเป็นครั้งแรกเช่นกัน ผมเลยเข้าไปสอบถามว่านักมวยปล้ำไทยตามมุมมองของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างไร
เขาบอกว่านักมวยปล้ำไทยดูโดดเด่นมากเพราะมีคาร์แรกเตอร์ที่ต่างจากญี่ปุ่น และเขาหวังว่าจะเห็นคนเอา “มวยไทย” มาใช้ในสังเวียนญี่ปุ่นเร็วๆ นี้ เพราะมวยไทยถือว่ามีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นติดตามชมมวยไทยเยอะมาก จนบางครั้งพวกเขายังสงสัยเลยว่าคนไทยทำไมไม่ค่อยรู้จักนักมวยไทย (บางคนมาไทยก็งงๆ ส่วนใหญ่พวกเขาจะคิดว่าคนไทยรู้จักมวยไทยทุกคน) พวกเขาอยากเห็นการประยุกต์ใช้กันครับ ตัวผมเองก็คิดว่าน่าสนใจทีเดียว
แต่ที่ประทับใจที่สุดก็คือมีคุณแม่คุณลูกคู่หนึ่งเดินมาหาเรา ซึ่งเขาพยายามพูดสื่อสารกับเรา แต่ก็ไม่ค่อยสะดวกนัก ตอนแรกผมนึกว่าเขานึกคำพูดไม่ถูก เพราะต่างตนต่างไม่เข้าใจภาษาของกันและกัน แต่สรุปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เธอพูดไม่ได้ครับ แต่เธออยากจะเข้ามาขอบคุณและให้กำลังใจเรา เธอรู่ว่ามวยปล้ำในไทยเป็นเรื่องยาก และดีใจที่เห็นเราทำตามฝัน เธอเองก็มีชีวิตอยู่แบบเป็นใบ้ได้ ก็เพราะมีกำลังใจจากทุกคน และเพื่อนๆ ที่ได้การเข้ามาชมมวยปล้ำในสมาคมของเรา ดังนั้นเธอจึงอยากให้กำลังใจนักมวยปล้ำชาวไทยให้สู่ต่อไป ตรงนี้อาจมองเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่สำหรับผมแล้วมันมีความหมายและเป็นพลังให้กับทุกคนที่ไทยมากๆ เราจะสู้กันต่อไปครับ
ติดตามการทัวร์นาโกย่าได้ในสัปดาห์หน้า หรือติดต่อผมโดยตรงได้ทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ