ในการทำธุรกิจ หากเราสามารถทำ “สิ่งที่เป็นไปไม่ได้” ให้กลายเป็น “ความจริง” ผมเชื่อว่าสิ่งนั้นจะเรียกความสนใจได้มาก และเป็นผลดีต่อธุรกิจของเราอย่างแน่นอนครับ ผมหวังว่าบทความที่อาจจะดูไร้สาระไปบ้างชิ้นนี้ จะเป็นอีกหนึ่งมุมมองดีๆ ที่ “กล้าและลงมือทำ”
พูดถึงตุ๊กตายางแล้วเชื่อว่าหนุ่มๆหลายคนอาจจะนึกไปถึงของเล่นเฉพาะทางกันนะครับ และบางคนก็อาจจะอยากมีเป็นของตัวเองซะด้วย แต่วันนี้ผมจะพูดถึงตุ๊กตายางอีกแบบหนึ่งที่ไม่ได้เป็นสาวๆน่ารัก แต่คราวนี้สิ่งที่ผมจะพูดถึง มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก และมีแค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ! เขาคือ “ตุ๊กตายางมีชีวิต” และชื่อของเขาคือ “โยชิฮิโกะ” (ヨシヒコ) นั่นเอง

สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อในสัปดาห์นี้ ผมขออธิบายว่าผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ ครับ ! โยชิฮิโกะคือตุ๊กตายางปริศนาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่เสนอตัวเข้าแข่งขันในสมาคมมวยปล้ำ DDT ของประเทศญี่ปุ่น โดยอ้างว่าเป็นน้องชายของนักมวยปล้ำชื่อ Muscle Sakai และสามารถลบคำสบประมาทว่า “เป็นแค่ตุ๊กตายางจะทำอะไรได้” ลงอย่างราบคาบ เมื่อเขาสามารถคว้าแชมป์ของสมาคมได้ถึง 2 เส้นท่ามกลางความตื่นตะลึงของชาวญี่ปุ่นและแฟนกีฬาทั่วโลก

โย ชิฮิโกะสูง 120 เซนติเมตร และหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น จุดเด่นของเขาตามที่แจ้งไว้ในเว็บของสมาคมอย่างเป็นทางการคือเขามีความ คล่องแคล่วว่องไว และไม่ต้องรับประทานอาหารแต่อย่างใด สิ่งที่เขาต้องการคือ “ลม” ที่มีคนคอยเป่าให้ตัวพองเท่านั้น

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นข้อเสียของตุ๊กตายางที่มีชีวิตก็คือน้ำหนักตัวที่เบามากๆ ครับ ทำให้ไม่สามารถต้านทานแรงของคู่ต่อสู้ได้มาก และคู่ต่อสู้ก็อาศัยข้อแตกต่างเรื่องน้ำหนักนี้แหละ มาใช้ท่าไม้ตายแปลกๆ ที่เราหาไม่ได้จากสมาคมอื่น อย่างเช่นท่าไม้ตาย FINAL ATOMIC BUSTER จากการ์ตูนเรื่อง Street Fighter ที่เขาถูกคู่ต่อสู้เล่นงานจนหมดสภาพ ซึ่งสร้างความตระหนกตกใจให้กับคนในสนามทุกคน ติดตามได้จากคลิปข้างล่างนี้ครับ
สมาคมมวยปล้ำของประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่องความ “แปลกใหม่” อยู่แล้วครับ ผมขอยกตัวอย่างเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับโยชิฮิโกะบ้างดีกว่าครับ ว่ากันว่าปัจจุบันเราเดินทางมาถึงร่างที่ 5 ของโยชิฮิโกะแล้ว โดยร่างที่ 1 ของเขานั้น ถูกฆ่าโดยนักมวยปล้ำชื่อ Antonio Honda หลังจากที่เขาเล่นงานโยชิฮิโกะด้วยหัวเข่า จนตุ๊กตาหัวรั่ว เสียชีวิตไปในที่สุด ติดตามเหตุการณ์ได้จากข้างล่างนี้ครับ (บางคนถึงกับร้องไห้ให้กับการสูญเสียครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ)
จากคลิปด้านบนเหตุการณ์ที่โยชิฮิโกะเสียชีวิต จะอยู่ในนาทีที่ 4.23 ครับ และช่วงเวลาที่ โยชิฮิโกะร่าง 2 ฟื้นคืนชีพกลับมา จะอยู่ในนาทีที่ 5.55 ครับ โดยในร่างนี้ โยชิฮิโกะมาในบทบาทของ THE GREAT MUTA เป็นนักมวยปล้ำระดับตำนานของประเทศญี่ปุ่น มีจุดเด่นคือการ “พ่นสารพิษ” สีเขียวออกมาเล่นงานคู่ต่อสู้ โดยคนที่โดนสารพิษนี้จะปวดแสบปวดร้อนและมองไม่เห็นไปชั่วขณะหนึ่ง ถือว่าเป็นท่าไม้ตายที่น่ากลัวของโยชิฮิโกะในตอนนั้นเลยครับ อย่างไรก็ตามโยชิฮิโกะร่างที่ 2 ก็เสียชีวิตในเวลาไม่นาน หลังจากถูกยิงโดยฝ่ายตรงข้าม (ซึ่งไม่สามารถต่อสู้กันบนเวทีได้ เลยเล่นวิธีสกปรก) นั่นทำให้ร่างที่ 3 และร่างที่ 4 และ… ฯลฯ ของโยชิฮิโกะ โผล่มาเรื่อยๆ ทุกคนสามารถดูไฮไลท์ของโยชิฮิโกะได้จากคลิปด้านล่างนี้ครับ รับรองว่าจะสนุก
โดยส่วนตัวผมได้ชมการปล้ำของโยชิฮิโกะแบบสดๆ มาแล้วหนึ่งครั้งเมื่อช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้เองครับ ต้องบอกว่าแฟนๆ ชื่นชอบเขามากๆ เลย ที่พิมพ์ซะยืดยาวขนาดนี้ก็คือการจะบอกให้ผู้อ่านได้เห็นว่า DDT คือสมาคมมวยปล้ำเล็กๆ ค่ายหนึ่งในญี่ปุ่นครับ ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ต่อยอดให้กับสมาคม จนปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในสมาคมใหญ่ที่สุดในประเทศไปแล้ว และ “โยชิฮิโกะ” เนี่ยแหละคือ ไอเดียที่เรียกได้ว่าบรรเจิดที่สุด คือทุกคนที่มีโอกาสได้เห็น ก็ต้องเอาไปพูดต่อๆ กัน กลายเป็นประเด็นประชาสัมพันธ์ที่สมาคมไม่ต้องลงทุนอะไรเลยนอกจากทำหน้าที่ ของตัวเองให้ดีที่สุด และปล่อยให้ตัว Product เดินไปตามทางของมัน


สมาคม DDT พยายามหาอะไรใหม่ๆ มาให้กับคนดูเสมอครับ ไม่ว่าจะเป็นการไปต่อสู้กันในห้างสรรพสินค้า ในบ้านคน ในน้ำตก ในป่า หรือแม้แต่เอานักมวยปล้ำมาสู้กับ “นักมวยปล้ำล่องหน” ก็ทำมาแล้ว (คือแกก็จินตนาการไปคนเดียวแหละ) ซึ่งทางแฟนๆ ของญี่ปุ่นก็ตอบรับเป็นอย่างดีครับ จะไม่มีใครส่งเสียงแทรก หรือตั้งข้อสงสัยเลยว่า “ตุ๊กตาพวกนี้มันมีชีวิตจริงรึเปล่า” พวกเขาพร้อมที่จะเชื่อว่า “ตุ๊กตายางตัวนี้มีชีวิต และเป็นแชมป์มวยปล้ำโลกจริงๆ” นั่นทำให้ชื่อเสียงของโยชิฮิโกะ ดังไกลไปในระดับโลก แม้กระทั่งนักมวยปล้ำชั้นนำอย่าง เคิร์ท แองเกิล และ ริค แฟลร์ ยังเอ่ยปากว่าเป็นแฟนตัวยงของตุ๊กตายางผู้นี้

ในการทำธุรกิจเองก็เช่นกัน หากเราสามารถทำ “สิ่งที่เป็นไปไม่ได้” ให้กลายเป็น “ความจริง” ผมเชื่อว่าสิ่งนั้นจะเรียกความสนใจได้มาก และเป็นผลดีต่อธุรกิจของเราอย่างแน่นอนครับ ผมหวังว่าบทความที่อาจจะดูไร้สาระไปบ้างชิ้นนี้ จะเป็นอีกหนึ่งมุมมองดีๆ ที่ “กล้าและลงมือทำ” จนประสบความสำเร็จนะครับ
ผมทิ้งท้ายบทความวันนี้ไปด้วย “ท่าไม้ตาย” ของโยชิฮิโกะ ที่ได้ชื่อว่าเป็นท่ามวยปล้ำที่รุนแรงที่สุดท่าหนึ่งในประวัติศาสตร์ครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ