หลังจากในตอนก่อนหน้านี้ผมได้พูดถึงอากิฮาบาระ และ AKB48 Café & Shop ไปแล้ว มาในวันนี้ ผมจะมาพูดถึงการเดินทางไปที่ Shop ของอีกหนึ่งวงน้องสาวในตระกูล 48 อย่าง SKE48 กันบ้างครับ ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยได้ติดตาม SKE มากนัก จะไปในสายของ HKT48 มากกว่า แต่ยังไงมาถึงที่ญี่ปุ่นแล้ว ก็ควรจะแวะมาสักครั้ง ไม่งั้นคงน่าเสียดายมากเลยล่ะ

พูดตรงๆ ก็คือผมไม่ทราบมาก่อนว่ามีร้านของ SKE48 อยู่ด้วยในโตเกียว แต่มันไปบังเอิญเจอขณะที่เดินเที่ยวอยู่ในชิบูย่า โดยร้านนี้จะตั้งอยู่ที่ห้าง PARCO ซึ่งเป็นแหล่งแฟชั่นที่น่าสนใจอีกแห่งนึงในย่านนี้ ร้าน SKE48 Café & Shop เป็นร้านที่มาเปิดชั่วคราวเท่านั้นตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม จนถึงวันที่ 2 กันยายน (ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว) เพื่อโปรโมทซิงเกิล Utsukushii Inazuma ซิงเกิลลำดับที่ 12 ของวง ที่วางขายตั้งแต่วันที่ 17 กรกฏาคมที่ผ่านมา (แต่เอาจริงๆ ต้องบอกว่าในย่านชิบูย่า เปิด PV เพลงนี้บ่อยมาก บ่อยจนแทบจะร้องตามได้เลยทีเดียว เรียกว่าตรงไหนมีจอ มันต้องมีเพลงนี้โผล่มาอย่างแน่นอน)

เราเดินทางมาถึงชั้นบนของห้าง PARCO ซึ่งเป็นชั้นที่รวบรวมร้านอาหารเอาไว้มากมาย แต่เหมือนทุกร้านก็ถูกมนต์สะกดของสาวๆ SKE ทำให้มีเพียงร้านเดียวที่มีคนต่อคิวยาวเหยียดหลายเมตร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตัวร้านที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ไม่เพียงพอกับจำนวนคนที่มากมาย และร้านนี้ก็เป็นเพียงร้านชั่วคราวที่ตั้งขึ้นมาโปรโมทซิงเกิลเท่านั้น ทางทีมงานจึงอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ตามสะดวก ตลอดจนมีการจัดมุมแสดงสินค้าและลายเซ็นของศิลปินทุกคน โดยแบ่งเป็นทีมๆ ได้แก่ทีม S ทีม KII และทีม E ซึ่งในวันที่ไปนั้น มีการแข่งขันทายลายเซ็นเพื่อชิงของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ จากทางร้านด้วย



โดยส่วนตัวผมมองว่าการจัดวางร้านและดีไซน์ในภาพรวมของที่นี่ ดูดีกว่า AKB48 Café & Shop มากเลยล่ะ อาจเพราะอิมเมจของวงที่แตกต่างกัน แต่อีกเหตุผลหนึ่ง หลังจากที่ผมได้คุยกับแฟนๆ บางส่วนที่มาต่อคิวรอเข้าร้าน เขาก็บอกว่า “จริงๆแล้ว เขาก็ไม่ได้เป็นแฟนของ SKE48 นัก รู้จักแต่เรนะ และ จูรินะ แต่สิ่งที่ดีของร้านนี้ก็คือพนักงานบริการได้ดี เอาใจลูกค้า และรู้สึกผ่อนคลายกว่า ต่างจากร้านของ AKB ที่เต็มไปด้วยข้อห้าม” ซึ่งก็เป็นมุมหนึ่งที่ผมสัมผัสได้เช่นกัน
มาพูดถึงตัวสินค้ากันบ้าง ราคาก็จะไม่แพงมากครับ อยู่ที่ใกล้เคียงกับร้านของ AKB อย่างเช่นแฟ้มปกแข็ง อยู่ที่ 2,000 เยน พัดอยู่ที่ 500 เยน หรือเสื้ออยู่ที่ 2,500 เยน และจากการสังเกต ก็พบว่าของที่ขายดีที่สุดก็คือ “พัด” เพราะช่วงที่ผมไป อากาศในโตเกียวร้อนมาก ร้อนจนมีรายงานว่าบางพื้นที่ของญี่ปุ่นอุณหภูมิสูงไปถึง 40 องศาเซลเซียสด้วยซ้ำ (ToT) และที่สำคัญ พัดมีราคาถูก บางคนจึงเลือกซื้อไปเป็นของฝากได้หลายอัน


น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้เข้าไปใน Café เพราะทีแรกผมมีแพลนจะต้องไปดูสเตจของ AKB48 Team A ที่โอไดบะ แต่ด้วยปัญหาเรื่องตั๋ว (ไฟลท์บินผมดีเลย์ประมาณ 3 ชั่วโมง ทำให้คอนเฟิร์มตั๋วไม่ได้) ซึ่งยอมรับว่าเสียดายมาก เพราะเป้าหมายหนึ่งในช่วงวัยหนุ่ม ก็คือการเห็นโซจัง ทาคาฮาชิ มินามิ สักครั้ง (ฮา) ดังนั้นผมจึงต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน ผมตัดสินใจไปร่วมงานของไอดอลวงหนึ่งที่ชิบูย่า ซึ่งเป็นงานที่ให้ไอดอลมาสอนเต้น (?) โดยมีโปรดิวเซอร์ซึ่งมีประสบการณ์คิดท่าเต้นให้กับวงดังๆ อย่าง Momoiro Clover Z หรือ AKB48 มาแล้ว
วงที่ผมไปชมก็คือวง ANNA☆S ซึ่งอยู่ในสังกัดของ ALLOVER PROJECT ครับ พูดมาถึงตรงนี้ขอเล่านอกเรื่องนิดหนึ่ง คือผมไปสร้างปัญหานิดๆ ที่ญี่ปุ่น ในเรื่องของ “การถ่ายภาพพร่ำเพรื่อ”
เรื่องของเรื่องก็คือผมติดนิสัยจากเมืองไทยไป เราชอบอะไร เราพอใจอะไรเราก็ถ่ายภาพไป เพราะคนไทยไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว แต่พอเป็นที่ญี่ปุ่น ยิ่งเป็นงานไอดอลแบบนี้แล้ว บางคนเขาจะถือว่ามันเป็นงาน Private บางคนก็แต่งตัวจัดมาก คือมีผ้าพันคอ มีเข็มกลัด มีหมวก มีอะไรมากมายห้อยตามตัว
แล้วผมดันทะลึ่งไปถ่ายภาพเขา จนทีมงานต้องมาขอให้ลบภาพออกทั้งหมด เพื่อตัดปัญหา เนื่องจาก “แฟนไอดอลหลายท่าน ไม่อยากเปิดเผยตัวตน เพราะบางคนก็เป็นพนักงานบริษัทดีๆ เป็นผู้บริหาร ซึ่งอาจทำลายภาพลักษณ์ได้นั่นเอง” (ยกตัวอย่าง ถ้าเราเห็นบอสตัวเองมาตะโกน ไทก้า ไฟย่า … จาจ้า !!! เราคงรู้สึกแปลกๆ) ดังนั้นผมขอแนะนำเลยว่าการถ่ายภาพในงานไอดอล หรือที่สาธารณะก็แล้วแต่ ยังไงเราต้องคำนึงถึง Privacy ส่วนบุคคลด้วยนะครับ ไม่งั้นอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ (ผมไม่มีภาพในงาน แต่ก็ได้ CD ของ ANNA☆S มาแทน)


สำหรับในตัวงาน มันค่อนข้างที่จะเข้าไม่ถึงครับ ไม่ใช่ว่าประตูไม่เปิด แต่ผมมองว่ามันอยู่เหนือความต้องการของผมมากเกินไป เนื่องจากภายในงานเปรียบได้กับการปลดปล่อยของแฟนๆ ที่มาสนุกกันเต็มที่ กระโดดโลดเต้น รวมถึงศิลปินทั้ง 3 ก็จะมาเล่นกับคนดูอย่างถึงเนื้อถึงตัว มีการเอาปืนฉีดน้ำมาฉีดๆ แล้วแฟนๆ ก็จะตะโกนให้ “ฉีดฉันหน่อย” อะไรแบบนี้ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจ บอกลาบัตรราคา 3.500 เยน แล้วออกมานั่งคุยกับสตาฟข้างนอกดีกว่า เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรมาเล่าให้ฟังบ้าง
เขาบอกว่าปัจจุบันมีวง IDOL เกิดขึ้นมาเยอะมาก ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด เรื่อยไปจนถึงระดับประเทศ ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีกว่าหลักๆ แล้วแฟนไอดอล จะไปอยู่ที่ตระกูล 48 แต่พอเวลาผ่านไป การเคยเป็น “ไอดอลที่เข้าถึงได้” กลับกลายเป็น “ไอดอลที่เข้าถึงได้นิดหน่อย” และจุดนี้เองที่ทำให้วงอื่น มองว่ามันเป็นช่องทางที่จะดึงแฟนๆ มาได้ ในเมื่องานจับมือของตระกูล 48 ให้เวลาแค่ประมาณ 3 วิ แต่ไอดอลเหล่านี้เข้าถึงแฟนๆ ด้วยตัวของพวกเธอเอง จึงเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะจิตวิทยาอย่างนึงสำหรับแฟนๆ ก็คือ “ความอยากเป็นเพื่อน อยากรู้จักเป็นการส่วนตัวกับไอดอล” ซึ่งเป็นสิ่งที่ตระกูล 48 ไม่มีทางตอบสนองได้อย่างเต็มที่แน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าการชอบไอดอลสักคนนึงทำให้ชีวิตมีความสุข ก็ขอให้ชอบต่อไป ไม่ต้องสนว่าใครจะว่ายังไงครับ (^__^)
ติดตามข่าวสารของ AKB48 ได้ทาง https://www.facebook.com/akb48thailandfanclub และติดต่อผู้เขียนได้ทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ ^^