ศิลปะป้องกันตัวของญี่ปุ่นมีอยู่มากมายหลายประเภท แต่ถ้าพูดถึงยูโด (Yudo) หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นภาพของกีฬาประเภทนี้ตามละครหรือหนังสือใช่ไหมล่ะคะ
ศิลปะป้องกันตัวของญี่ปุ่นมีอยู่มากมายหลายประเภท แต่ถ้าพูดถึงยูโด (柔道) หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นภาพของกีฬาประเภทนี้ตามละครหรือหนังสือใช่ไหมล่ะคะ ซึ่งกีฬายูโดที่ผู้เขียนพูดถึงอยู่เนี่ย ไม่ได้เป็นเพียงกีฬาที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่ยูโดยังเป็นกีฬาที่ฝึกสมาธิจิตใจให้มั่นคงอีกด้วยค่ะ
คำว่า “ยูโด” มาจากอักษรคันจิของคำว่า ยู (柔) แปลว่า ความอ่อนนุ่ม และ โด (道) แปลว่า วิถีทาง ดังนั้นคำว่า ยูโด (柔道) ถ้าแปลตามความหมายก็คือ วิถีทางแห่งความอ่อนนุ่ม แต่ถ้าจะอธิบายกันให้ยาวกว่านี้ล่ะก็ อาจพูดได้ว่ายูโด คือวิถีทางที่นำพลังกายมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนำศิลปะการป้องกันตัวและการฝึกสมาธิให้แน่วแน่มาผสมผสานกันนั่นเองค่ะ
ต้นกำเนิดของยูโดเริ่มมาจากศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวชนิดหนึ่งในสมัยเมจิ (Meiji) ชื่อว่า จูจุทสึ (Jujutsu)ซึ่ง คาโน จิโงโระ (Kano Jigoro) นักศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้เป็นผู้เริ่มคิดกฎเกณฑ์ของกีฬาประเภทนี้ขึ้นมา โดยคาโนผู้นี้เองที่เป็นผู้ตั้งชื่อ “ยูโด” และทำการศึกษา รวมถึงจัดตั้งโรงเรียนสอนยูโดขึ้นในปี ค.ศ.1882 มีชื่อเรียกว่า “โคโดคัง” (Kodokan) การฝึกยูโดนั้น นอกจากจะเป็นการฝึกฝนร่างกายแล้วยังได้ขัดเกลาจิตใจอีกด้วย
การเล่นยูโด จะเล่นในสนามสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาวด้านละ 14.15 เมตร ตรงกลางเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาวด้านละ 9.1 เมตร โดยผู้เล่นทุกคนจะต้องสวมชุดยูโดเรียกว่า จูโดงิ (Judoji) เทคนิคของยูโดมี 3 ประเภท คือนาเงวาซะ (Nage-waza) คือ การทุ่ม คาทาเมวาซะ (Katame-waza) คือ การจับ และ อาเทมิวาซะ (Atemi-waza) คือ การจู่โจมจุดสำคัญ นอกจากนี้ยูโดยังมีการวัดระดับ โดยแบ่งเป็น ดัง (Dan) แปลว่า ขั้น และ คิว (Kyuu) แปลว่า ระดับ พูดให้เข้าใจก็คือ ระดับคิว คือระดับก่อนสายดำที่อาจเรียกว่า นักเรียน ส่วนระดับดัง คือระดับที่เรียกว่า ผู้นำ เป็นผู้ซึ่งมีความสามารถสูง ทั้งระดับนักเรียนและระดับผู้นำนี้ยังแบ่งออกเป็นระดับย่อยๆ ลงอีก โดยมีสีประจำแต่ละระดับไว้ซึ่งสีเหล่านี้แต่ละประเทศจะกำหนดไม่เหมือนกันค่ะ
ยูโดจะเน้นที่มารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติมาก ผู้ที่เข้าไปในห้องฝึกยูโดจะต้องสำรวมกิริยาให้สุภาพ เช่น ไม่พูดเสียงดังเกินไป ไม่กล่าวคำหยาบคาย ไม่ตลกคะนอง ไม่สูบบุหรี่ ไม่สวมรองเท้าขึ้นไปบนเบาะยูโด และระหว่างฝึกซ้อมจะต้องตั้งใจฟังคำบรรยายจากครูอาจารย์ด้วยความเคารพและต้องปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนอย่างเคร่งครัดด้วยค่ะ
ไม่เพียงแต่ยูโดเท่านั้น ศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นตั้งแต่เดิม เช่น เคนโด คิวโด คาราเทะโด ล้วนแล้วแต่ลงท้ายด้วยคำว่าโดทั้งสิ้น ซึ่งกล่าวได้ว่าศิลปะการต่อสู้ต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้หมายถึงแค่เพียงการแข่งขันแพ้ชนะเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการฝึกฝนขัดเกลาจิตใจไปพร้อมกับการแข่งขันอีกด้วยค่ะ
ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจก็ลองศึกษาและเล่นดูได้นะคะ นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้วยังฝึกสมาธิอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามการเล่นต้องอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญหรือครูอาจารย์นะคะ มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายได้ค่ะ แล้วพบกันใหม่คราวหน้านะคะ ^^
เรื่องแนะนำ :
– รีวิว Lipton Earl Grey Tea Latte ชานมใหม่หอมนุ่มละมุนลิ้น
– แนะนำขนมออกใหม่ 5 อย่างในร้านดองกี้โฮเต้ (Don Quijote)
– มาเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาลฮาโลวีนในร้าน 100 เยน กันเถอะ
– เทรนด์เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงของสาวญี่ปุ่นที่ Lumine Est Shinjuku
– เที่ยวศาลเจ้าโคอะมิ (Koami Jinja) … ศาลเจ้าเล็กๆ ใจกลางกรุงโตเกียว
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://ja.wikipedia.org/wiki/%E6%9F%94%E9%81%93
http://www.rokusen.com/SHOP/531928/list.html
http://www.buzz-leak.com/wp-content/uploads/2012/08/e65.jpg
http://www.sportsota.or.jp/kamei-dantai/18ju.htm
http://www.butsugen.or.jp