เพื่อนๆ ทราบมั้ยคะว่า เจ้าวาซาบิกองเล็กๆ ข้างจานปลาดิบนี่ เป็นพืชที่ว่ากันว่า “ปลูก (ด้านเศรษฐกิจ) ได้ยากที่สุดในโลก!” เพราะอะไร วันนี้เรามีงานวิจัยที่น่าสนใจมาแบ่งปันกันค่ะ
คนไทยอย่างเราๆ คงจะรู้จักเจ้า “วาซาบิ” นี้เป็นอย่างดี เพราะกระแสวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ที่บูมมาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน ทำให้เจ้าผักวาซาบินี้เป็นที่รู้จักกันในนามของ “ความเผ็ดขึ้นจมูก” ที่อาจแสบไปจนถึงตาถึงสมองกันเลยทีเดียว
เรามักจะเจอวาซาบิได้ตามเมนู ”ซาชิมิ” หรือปลาดิบ และ “ซูชิ” หรือข้าวปั้นหน้าปลาดิบ เพราะคนญี่ปุ่นว่ากันว่า วาซาบิจะช่วยกำจัดพญาธิที่อาจจะปนเปื้อนอยู่ในเนื้อปลาดิบได้ รับประทานโดยการป้ายวาซาบิหั่นฝอยเพียงเล็กน้อยลงบนปลา หรือถ้าเป็นซูชิ คนทำซูชิก็จะแอบป้ายไว้ที่ชิ้นเนื้อด้านในที่ติดกับข้าว ใครที่ไม่ถนัดกินวาซาบิก็ต้องระวังกันหน่อย จากนั้นจึงแตะโชยุหรือซอสถั่วเหลืองสีดำที่เนื้อปลาเล็กน้อยจึงรับประทาน จุดนี้คนไทยมักจะแตะโชยุกันที่ข้าว และผลคือ ข้าวแตกโพละ! ลอยกระจายอยู่บนโชยุนั่นเอง

วนกลับมาที่เรื่องวาซาบินะคะ เพื่อนๆ ทราบมั้ยคะว่า เจ้าวาซาบิกองเล็กๆ ข้างจานปลาดิบนี่ เป็นพืชที่ว่ากันว่า “ปลูก (ด้านเศรษฐกิจ) ได้ยากที่สุดในโลก!” เพราะอะไร วันนี้ de_sa_inn มีงานวิจัยที่น่าสนใจมาแบ่งปันกันค่ะ
1. การเลี้ยงดูนี้แสนลำบาก และว่ากันว่าไม่เหมือนพืชเศรษฐกิจใดในโลก วาซาบิต้องการน้ำปริมาณมากๆตลอดเวลา แต่ต้องไม่ท่วมน้ำแบบต้นข้าว หรือก็คือต้องปลูกแบบให้น้ำไหลผ่านผิวดินเรื่อยๆ ลองนึกภาพลำธารเล็กๆ ตื้นๆ แบบที่เอาเท้าย่ำน้ำเล่น ในวันอากาศร้อนๆ นะคะ

2. ต้องรอถึง 6 ปี จึงจะได้เมล็ดวาซาบิที่สามารถนำไปปลูกได้ โดยที่ประเทศญี่ปุ่น จะมีครอบครัวที่ขายเมล็ดวาซาบิโดยเฉพาะมาตั้งแต่ช่วงปี 1600 ด้วยล่ะ
3. ความชื้น หรือสัดส่วนอาหารที่ผิดหรือไม่คงที่ ก็สามารถทำให้ทั้งไร่วาซาบินั้น ตายยกไร่ได้เหมือนกัน
4. จากต้นอ่อนวาซิบิ ต้องใช้เวลา 1 ปีหรือมากกว่านั้นจึงจะเก็บเกี่ยวได้ เพราะฉะนั้น ชาวไร่วาซาบิมือใหม่ที่เริ่มปลูกล็อตแรก ก็จะต้องรองไปอีกเป็นปีจึงจะได้ขายทำเงิน
5. เรื่องโรคของวาซาบิก็ทำให้ชาวไร่ปวดหัวไม่แพ้เรื่องอื่น เพราะถ้าเกิดวันดีคืนดี ต้นใดต้นหนึ่งติดโรคอะไรขึ้นมา มันก็จะพาเพื่อนๆ วาซาบิติดโรคนั้นไปด้วย ดีไม่ดีรักษาไม่หายก็ถอนยกไร่อีกเช่นกัน

เพราะความโหดหินของอุปสรรคการทำไร่วาซาบิ ทำให้ชาวไร่ต้องยอมแพ้กันไปหลายคน แต่ถ้าคนไหนทำสำเร็จแล้วล่ะก็ จะทำรายได้ได้ถึง 160 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว และยังขายได้หมดทุกๆ กรัม ถึงแม้วาซาบิจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกยากมาก แต่กำไรก็งามที่สุดในโลก
ผลสำรวจยังบอกอีกว่า มีเพียง 5% ของร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วโลกที่เสิร์ฟวาซาบิของแท้ ส่วนอีก 95% ที่เหลือจะเป็นพืชจำพวกมัสตาดที่มีรสคล้ายวาซาบิเท่านั้น

เพื่อนๆ ทราบหรือไม่คะว่าวาซาบิกองไหนเป็นของจริง? คำตอบคือกองซ้ายมือค่ะ สังเกตได้ว่า ของแท้จะมีเส้นใยเล็กๆ เป็นกากใยอาหารจากพืช และมีสีเขียวอ่อน เป็นก้อนหลวมๆ ของปลอมจะมีสีเขียวสดและเนื้อเป็นครีม
สุดท้ายนี้ขอส่งท้ายเพื่อนๆ ด้วยรูปไร่วาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในโลก แน่นอนว่าอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น มีชื่อว่า ไร่ Daio Wasabi Farm


ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
-http://www.cals.ncsu.edu/specialty_crops/publications/reports/collins2.html
-http://www.hotsauceblog.com/hotsaucearchives/real-wasabi/
-http://www.spoon-tamago.com/2014/09/19/wasabi-the-hardest-plant-to-grow-in-the-world/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Wasabi
#Wasabi