คนญี่ปุ่น พวกเขาจะมีเซ้นส์ไวมากในการมองหาอะไรสวยๆ งามๆ หรือน่ารักๆ แม้แต่ในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ เพื่อนๆ ดิฉันก็สามารมองหาความสวยงามได้ มีอยู่คนหนึ่ง เก็บภาพเต็นท์ผู้ชุมนุม และบรรยายว่า “ทุกคนตั้งเต๊นท์กันเป็นระเบียบมาก เต็นท์ก็สีหวาน น่ารักจริงๆ”
(ดิฉันคิดตรึกตรองอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม แต่ก็ตัดสินใจถ่ายทอดออกมาในที่สุด บทความนี้ ไม่เกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองของผู้เขียนหรือวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น แค่จะบอกตามหัวเรื่องว่าคนญี่ปุ่นมองสถานการณ์ตอนนี้ในบ้านเราว่าเป็นยังไง แค่นั้นแหละจ้ะ ไม่เครียดๆ ลองมาอ่านนะตะเอง…)
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ Shut Down Bangkok จนถึงเดือนนี้ มีเพื่อนและลูกศิษย์คนญี่ปุ่นของเกตุวดีเดินทางมากรุงเทพฯทั้งหมด 10 คนค่ะ ทุกคนเป็นคนที่รักเมืองไทย อยากมาเมืองไทย และตัดสินใจมาเมืองไทย ทั้งๆ ที่สถานทูตญี่ปุ่นประกาศเตือนพื้นที่อันตราย และสื่อญี่ปุ่นก็ออกข่าวทุกวันว่ามีระเบิดอะไรที่ไหนอย่างไรบ้าง
มีคู่หนึ่งน่าประทับใจมาก เป็นเพื่อนสนิทดิฉันเอง สมัยมหาลัยนางอยู่คณะอักษรฯ เอกภาษาพม่า แต่ดันอยู่หอเดียวกับคนไทย เลยเที่ยวเล่นกับคนไทยบ่อยเสียจนชอบเมืองไทยและคนไทยมาก นางเลยเบนเข็มชีวิตมาเรียนภาษาไทยแทน นางเพิ่งแต่งงานหมาดๆ ค่ะ หลังจากปรึกษาหารือแกมบังคับสามีอยู่หลายรอบ นางตัดสินใจเลือกมาฮันนีมูนที่เมืองไทย สถานที่ที่นางรู้สึก belong to แม้จะเกิดสถานการณ์ไม่สงบแบบนี้ สามีนางไม่เคยมาเมืองไทย และรู้สึกตื่นกลัวกับข่าวและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาคงกลัวนางมากกว่า เลยยอมตามมาฮันนีมูนที่นี่แต่โดยดี ความรักคือการเสียสละจริงๆ น่าประทับใจจริงๆ ค่ะ
จากการกินดื่มเม้าท์มอยกับเพื่อนๆ คนญี่ปุ่นแต่ละคนมองสถานการณ์ตอนนี้อย่างไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ
1. มองมุมน่ารักๆ
เนื่องจากสื่อในญี่ปุ่นออกข่าวว่า รัฐบาลไทยประกาศเคอร์ฟิวบ้าง เกิดระเบิดบ้าง มีการปะทะกันระหว่างประชาชนกับตำรวจบ้าง คนญี่ปุ่นทั่วไปเลยรู้สึกว่า เมืองไทยเหมือนซีเรีย เกิดระเบิดตูมตาม บ้านเมืองตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย น่ากลัวเหลือเกิน เพื่อนๆญาติๆของคนญี่ปุ่นที่จะมาเมืองไทย ก็จะห่วงพวกเขามากๆ ตักเตือนกันต่างๆ นานา
แต่เมื่อคนญี่ปุ่นผู้กล้าเหล่านั้นมาถึงเมืองไทยและพบเห็นแสงสีเสียงตามเวทีต่างๆ มีบทเพลงยุคซิคตี้บ้าง ลูกทุ่งบ้าง ปลุกใจเป็นระยะๆ พร้อมสปอตไล้ท์ที่สาดส่องไปมา เขารู้สึกโล่งใจ และมีชัยชนะเหนือเพื่อนๆ ญาติๆ ญี่ปุ่นที่ห้ามไม่ให้ไปเมืองไทย พวกเขาชอบไปเดินตลาดม็อบ และเก็บภาพความน่ารักของม็อบไทยส่งไปให้เพื่อนๆ ญาติๆ ทางโน้นสบายใจ อาทิ เช่น มุมนวดแผนไทยในหมู่ม็อบ
2. มองเป็นอาร์ท
ตามประสาคนญี่ปุ่น พวกเขาจะมีเซ้นส์ไวมากในการมองหาอะไรสวยๆ งามๆ หรือน่ารักๆ แม้แต่ในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ เพื่อนๆ ดิฉันก็สามารมองหาความสวยงามได้ มีอยู่คนหนึ่ง เก็บภาพเต็นท์ผู้ชุมนุม และบรรยายว่า “ทุกคนตั้งเต๊นท์กันเป็นระเบียบมาก เต็นท์ก็สีหวาน น่ารักจริงๆ”

คอมเม้นท์ในเฟส
คนญี่ปุ่น 1: “โอ…ดูๆ ไปก็น่ารักเนอะ”
คนญี่ปุ่น 2: “สีสันสดใส สวยงามมาก”
3. มองหาของฝาก
ร้อยละร้อยของเพื่อนดิฉันไปเดินตลาดม็อบและหาซื้อของติดไม้ติดมือกลับญี่ปุ่นทุกคน ย้ำว่าทุกคน! ทุกคนบอกว่า ไม่เคยเห็นของลายธงชาติไทยน่ารักๆ อย่างนี้ขายมาก่อนเลย ส่วนใหญ่จะชอบซื้อพวงกุญแจสายหนังที่เป็นลายธงชาติ เสื้อยืด สร้อยข้อมือ ของที่มันเบาๆ พกง่าย
มีเพื่อนคนหนึ่ง จองที่พักล่วงหน้าครึ่งปี โรงแรมที่จองก็ดันเป็นโรงแรมที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุม ฮีก็หวั่นไหวเล็กน้อย และขอให้ดิฉันคอนเฟิร์มกับทางโรงแรมให้ ทางโรงแรมก็พยายามปลอบว่า ไม่มีอะไรน่ากลัว ยังเดินทางโดยรถไฟฟ้าได้สะดวกเหมือนเดิม ฮีก็เลยยอมมาพัก แรกๆเขาก็หวาดๆ แต่พอเดินสำรวจบริเวณรอบๆ ไปมา ฮีก็เอ็นจอยกับตลาดม็อบมาก ล่าสุด ฮีไปสอยเสื้อยืดมา 2 ตัว และกลับมาถามดิฉันว่า “Popcorn Army คืออะไร”
ดิฉันถามว่า ทำไมถึงมาซื้อของที่ตลาดม็อบจัง ทุกคนตอบอย่างชิวๆ ว่า ก็มันเป็น Limited Edition เดี๋ยวเลิกชุมนุมก็หาซื้อไม่ได้แล้ว ต้องรีบซื้อเก็บและซื้อฝากคน มีเพื่อนญี่ปุ่นคนหนึ่ง ได้ข้อมูลจากเพื่อนคนญี่ปุ่นของเขาที่ทำงานในเมืองไทยว่า เราสามารถหาซื้อของม็อบในราคาถูกได้ที่ตลาดสำเพ็ง นางก็เลยตัดสินใจไปบุกสำเพ็งทันที ทุ่มเทมากเค่อะ

ของบางอย่างก็สวยเก๋ไก๋มาก เช่น สายข้อมือเส้นนี้ งานแฮนด์เม้ด สนนราคาเส้นละ 10 บาทเท่านั้นเอง เพื่อนดิฉันเลยเหมามา 10 เส้น เขาเอามาโชว์ดิฉัน ดิฉันยังอยากได้เลย
แม้คนญี่ปุ่นจะมองเมืองไทยแบบขำๆ บ้าง น่ารักๆ บ้าง แต่ทุกคนก็รักและเป็นห่วงเมืองไทย แม้เขาจะรู้ดีว่า สถานการณ์ไม่ได้รุนแรงมากเท่าการประท้วงในประเทศอื่น แต่เขาก็ยังเป็นห่วง และอยากให้สถานการณ์คลี่คลาย กลับมาดีเหมือนเดิม
ลูกศิษย์ดิฉันคนหนึ่ง (เพศชาย อายุ 58) บินมาเที่ยวและดำน้ำที่ไทย คืนก่อนกลับ แกนัดเพื่อนคนญี่ปุ่นที่เป็นประธานบริษัทใหญ่ในไทยทานข้าว แกเล่าให้ฟังว่า แกกับเพื่อนนั่งหารือกันอย่างจริงจังว่า อะไรน่าจะเป็นทางออกของประเทศไทย คุยกันนานมากกกกก แกบอกว่า ตกลงได้ข้อสรุปว่า คงต้องพึ่งในหลวงอย่างเดียว
ภาพสุดท้ายนี้ เพื่อนดิฉันถ่ายและเขียนจากใจในเฟสบุ๊คค่ะ

“วันนี้ เจอกลุ่มผู้ชุมนุมอีกแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน ฉันอยากให้ประเทศไทยกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมเร็วๆ เป็นที่ที่ทุกคนจะอาศัยอยู่ได้อย่างปลอดภัยและสงบสุขจังเลย”
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Japan Gossip by เกตุวดี Marumura
#คนญี่ปุ่นมองการเมืองไทย