วันนี้เรานำเทคนิคการเช่ารถขับในญี่ปุ่นจากเว็บไซต์ Tabirai เว็บไซต์สำหรับเปรียบเทียบราคารถเช่าในญี่ปุ่นมาฝากค่ะ เพราะช่วงหลังๆ มานี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยหันมาเช่ารถขับเที่ยวในญี่ปุ่นกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไลฟ์สไตล์ที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ และคนรุ่นเก๋าอย่างคุณพ่อคุณแม่ก็ยังอยากจะเที่ยวแบบสายชิลกับเขาบ้าง มาอ่านกันเลยค่ะ ^^
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวไทยหันมาเช่ารถขับเที่ยวในญี่ปุ่นกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไลฟ์สไตล์ที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ และคนรุ่นเก๋าอย่างคุณพ่อคุณแม่ก็ยังอยากจะเที่ยวแบบสายชิลกับเขาบ้าง
วันนี้เราจึงขอนำเทคนิคการเช่ารถขับในญี่ปุ่นจากเว็บไซต์ Tabirai เว็บไซต์สำหรับเปรียบเทียบราคารถเช่าในญี่ปุ่นมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ
ด้วยความที่การเช่ารถขับเที่ยวเองในญี่ปุ่น เริ่มมีความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เว็บไซต์ Tabirai จึงถือกำเนิดขึ้นในปี 2003 โดยการนำราคาของบริษัทเช่ารถยอดนิยมในญี่ปุ่นมาเปรียบเทียบกันให้เห็นๆ ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคอย่างเรามากๆ และวิธีการจองก็ไม่ซับซ้อน (คล้ายๆ กับการจองโรงแรม หรือจองตั๋วเครื่องบินด้วยตัวเอง อย่างไรอย่างนั้น)
ที่สำคัญ … หลังจากที่เว็บไซต์ Tabirai ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เฉพาะผู้ที่ทำการจองรถเช่าในพื้นที่จังหวัดโอกินาว่า เกาะคิวชู และเกาะฮอกไกโด (3 พื้นที่นี้เหมาะอย่างยิ่งในการขับรถเที่ยวเอง) ก็มีมากกว่า 1.2 ล้านคนแล้ว เป็นการการันตีความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ Tabirai ได้เป็นอย่างดี และถือได้ว่านี่คือเว็บไซต์สำหรับจองรถเช่าอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ใครที่กำลังคิดที่จะไปเช่ารถขับเที่ยวเองในญี่ปุ่น ก็อย่าลืม ลองแวะเข้าไปส่องเว็บไซต์เขาดูนะคะ น่าจะดีแน่ๆ
ว่าแล้วก็มาติดตาม “เทคนิคการเช่ารถขับในญี่ปุ่น” ที่เราได้จากเว็บ Tabirai กันเลยดีกว่าค่ะ
สำหรับเทคนิคการเช่ารถขับในญี่ปุ่น ที่จะมาแนะนำกันในครั้งนี้ ถือเป็นเคล็ดลับแบบง่ายๆ มือใหม่หัดเช่ารถขับในญี่ปุ่นก็สามารถนำมาปรับใช้ได้สบายๆ เลยล่ะค่ะ
อันดับแรก เมื่อเพื่อนๆ สนใจ อยากจะไปขับรถเที่ยวเองในญี่ปุ่น เราก็ต้องหาข้อมูลประกอบกันหน่อยเพื่อสร้างความมั่นใจว่า “ฉันนั้นสามารถเช่ารถขับในญี่ปุ่นได้” ก่อนที่ ตัดสินใจ ฟันธงลงไปว่า “ทริปญี่ปุ่นทริปนี้ ฉันจะลุยด้วยการเช่ารถขับ!” และนี่คือข้อมูลที่เราท่านควรพิจารณากันนะคะ
1. เช่ารถขับในญี่ปุ่นดีไหม
หลายๆ คน เมื่อคิดถึงการเช่ารถขับในญี่ปุ่น ก็ย่อมจะต้องมีคำถามผุดขึ้นมามากมายใช่ไหมล่ะค่ะ เช่น รถจะขับยากไหม ถนนหนทางจะวกวนเกินความเข้าใจหรือเปล่า ฯลฯ ซึ่งอันที่จริงแล้วนั้น คำถาม ณ จุดนี้มักจะตอบได้ไม่ยาก เพียงแค่เราอยากลอง ก็มีโอกาสกว่า 70% แล้วในการเช่ารถขับในญี่ปุ่น เพราะการเช่ารถขับมันง่ายมากๆๆๆๆๆ
ข้อมูลประกอบเพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องนี้ …
1) รถเช่าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น เป็นระบบออโต้!
2) ตอนรับรถ มีน้ำมันเต็มถัง พร้อมขับ! (ตอนคืนรถก็เติมให้เต็มเช่นกัน … เท่านั้นจบ)
3) โดยทั่วไปแล้ว เช่ารถจากจุดไหน ก็ต้องนำมาคืนที่จุดนั้น แต่! เราก็สามารถเลือกที่จะส่งรถที่จุดอื่นได้ (one-way car rental) ซึ่งจะสะดวกมากมายสำหรับการท่องเที่ยวแบบสายชิล
4) การเช่ารถที่ญี่ปุ่น มีระบบการคิดเงิน 2 แบบ คือแบบรายวันกับแบบรายชั่วโมง! เมื่อวางแผนเส้นทางท่องเที่ยวเส้นแล้ว เอามาคำนวนว่าเช่ารถแบบไหนถูกกว่ากัน เราก็เลือกอันนั้นเลย ประหยัดได้อีกตามความเหมาะสม 😉
5) เอกสารในการใช้เช่ารถขับในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวแต่ละชาติจะต้องเตรียมหลักฐานแตกต่างกันไป ซึ่งสำหรับพวกเราชาวไทยแล้วนั้น มีเพียงแค่ พาสปอร์ตกับใบขับขี่อินเตอร์ฯ หรือใบขับขี่สากล (International Driver’s License) ก็สามารถขับรถในญี่ปุ่นได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายญี่ปุ่นแล้วล่ะ ดี๊ดี ไม่ยุ่งยาก (^^)
6) ถ้าถามว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่ารถขับเที่ยวในญี่ปุ่นกันเยอะไหม ตอบเลยว่ามาก ปีๆ นึงมีเป็นแสน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยนะ
ข้อมูลเบื้องต้นพวกนี้ น่าจะสร้างความสบายใจได้ในระดับหนึ่ง ถ้ามั่นใจ ฟันธงแล้วว่าจะเช่ารถขับเที่ยวในญี่ปุ่นแล้ว…
อันดับต่อมา ก็ต้องมาดูในเรื่องรายละเอียด …
2. เลือกเช่ารถอย่างไร วิธีการใช้งานยากไหม
แน่นอนเลยว่าข้อสำคัญในการเลือกเช่ารถ ก็ต้องเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเรา ผู้ร่วมคณะของเรา สัมภาระของเรา และเส้นทางการเดินทางของเรา
สิ่งสำคัญที่อยากจะให้พิจารณากันหนักๆ ก็คือการเลือกบริษัทรถเช่า
เนื่องจากบริษัทรถเช่าในญี่ปุ่นมีค่อนข้างหลากหลาย ทางที่ดีเราก็ควรจะต้องเลือกบริษัทใหญ่ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือหน่อย ซึ่งแม้แต่บริษัทใหญ่ๆ เอง ยังมีรถให้เช่าขับทั้งที่เป็นรถใหม่ และรถมือสองด้วยเลยนะ* ตอนที่เช่าก็ต้องคอนเฟิร์มกับทางบริษัทให้ดีๆ สำหรับใครที่ซีเรียสในเรื่องนี้อ่ะนะ โดยข้อดีของบริษัทเช่ารถเจ้าใหญ่ๆ นี่ก็คือ …
1) มีจุดให้เช่ารถมากมาย และสะดวก ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน หรือสถานีรถไฟ
2) รถเช่าส่วนใหญ่เป็นรถใหม่
3) มีร้าน (สาขา) เยอะ ซึ่งสามารถเช่าแบบ one-way rental car ได้ง่าย คือไม่ต้องเอารถกลับมาคืน ณ จุดเดิม
4) มีระบบนำทาง (Navigation system) ที่ได้มาตรฐาน ใช้งานง่าย
5) มักจะรวมค่าบัตรทางด่วน (ETC CARD) ให้ด้วย บางเจ้ามีให้แม้กระทั่ง child seat
6) มีบริการด้านการประกันภัยต่างๆ อย่างครบถ้วน
7) เลือกได้ ว่าจะเอารถแบบสูบบุหรี่ได้ หรือว่า non-smoking car
8) มีรถเช่าให้เลือกทั้งแบบเติมน้ำมัน และแบบ Hybrid ใช้ไฟฟ้าได้
9) มักจะมี Plan ให้เลือกหลากหลาย เช่น .. คุณไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันก่อนนำรถมาคืนก็ได้ เป็นต้น
*บริษัทใหญ่ๆ ที่ให้บริการเช่ารถมือสอง ก็มีประโยชน์ด้านค่าเช่าที่ประหยัดกว่า และส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นการเช่าในบริเวณที่จำกัด เช่นในภูมิภาค หรือเกาะใดเกาะหนึ่งไปเลย ซึ่งคุณภาพรถเช่ามือสองถือว่าโอเคได้อยู่
แล้วเราก็ต้องเลือกรถที่จะเช่าอย่างเหมาะสม ซึ่งเราก็ควรจะต้องมีแผนการเดินทางคร่าวๆ ก่อนการตัดสินใจเลือกรถ อย่างน้อยควรจะต้องรู้ว่าไปกันกี่คน ใช้กระเป๋าเดินทางกี่ใบ ไปจังหวัดไหนบ้าง และต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า
1) รถรุ่นไหน เหมาะกับผู้โดยสารกี่คน
2) รถรุ่นไหน จุสัมภาระได้เยอะ (คำนึงถึงกระเป๋าเดินทางแล้ว อย่าลืมที่ว่างสำหรับการช้อปปิ้งด้วยเน้อ)
3) รถรุ่นไหน เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้โดยสาร มาเป็นคู่ มาเป็นกลุ่มเพื่อน มาเป็นครอบครัว (มีเด็ก/ผู้สูงอายุ) หรือมากับผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เป็นต้น
4) รถรุ่นไหน เหมาะกับการขับทางไกล หรือรุ่นไหนเหมาะกับเส้นทางใกล้ๆ
รถแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ อาจจะมีรถรุ่นอื่น ยี่ห้ออื่นที่มีคุณสมบัติเทียบเคียงกันได้ อย่าลืมเช็คในจุดนี้ด้วย เพราะเราอาจจะได้ราคาที่ดีกว่า เมื่อพิจารณาสิ่งเหล่านี้เสร็จ เราอาจจะสามารถเลือกรถที่เหมาะสมกับเราได้ในราคาสุดประหยัดเลยนะ
“เริ่มต้นที่ไหน และจบที่ใดดี” นี่เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เพราะเราจะต้องระบุทั้งจุดเริ่มต้น และจุดหมายปลายทางตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างพวกเราแล้ว จุดที่นิยมในการเริ่มต้นการเดินทางก็คือสนามบิน แต่ที่สำหรับคืนรถ อาจจะแตกต่างกันไป แล้วแต่ความสะดวก…
– บางคนเลือกเริ่มต้นที่สนามบิน คืนที่สถานีรถไฟที่ไหนสักแห่งที่มีจุดคืนรถ
– บางคนเลือกเริ่มต้นที่สนามบินแห่งหนึ่ง แต่คืนรถที่สนามบินอีกแห่งหนึ่ง
– บางคนเลือกเริ่มต้นที่สนามบิน แต่ก็นำไปคืนตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ก็มี
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวก และแผนการเดินทางของแต่ละคน
“บัตรทางด่วน ETC CARD สำคัญไฉน”
บัตรนี้เป็นความสะดวกสบายในการผ่านด่านทางด่วน ที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องสาละวนหาเงินมาคอยจ่ายค่าทางด่วนทุกด่าน แถมคิวก็อาจจะยาว ในขณะที่ช่องทาง ETC CARD นั้น เราสามารถวิ่งผ่านไปได้อย่างสวยๆ โดยตัดค่าทางด่วนผ่านบัตร ETC แถมบางทีก็ยังได้ส่วนลดพิเศษบางอย่างด้วย โดยรถเช่าของเรานอกจากจะต้องมีบัตร ETC CARD แล้ว ต้องมีเครื่องอ่านบัตรหรือ ETC in-vehicle unit อยู่ด้วย อย่าลืมเช็คกับบริษัทเช่ารถให้ดีล่ะ เพราะถ้าต้องขับรถข้ามจังหวัด ต้องได้ใช้ทางด่วนแน่นอน
“Fixed ค่าทางด่วนได้ด้วย?!?”
อันนี้เป็นบริการของแต่ละภูมิภาค ซึ่งต้องศึกษากันนิดนึง บางภูมิภาคเราขับผ่านแต่ละด่านราคารวมกันอาจแพงลิ่ว แต่พอเราเลือกแบบ Fixed ค่าทางด่วน ส่วนใหญ่แล้วจะประหยัดกว่า เช่น ผ่าน 3 ด่านใน 3 วัน เราก็ต้องจ่ายราคาเต็ม แต่หากเราเลือก Fixed แบบ 3 วัน ผ่าน 3 ด่านนั้นอาจจะถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง .. อันนี้ต้องศึกษาหน่อย แค่อยากบอกว่ามันมีแบบนี้ด้วยนะ! ปรึกษากับบริษัทรถเช่าได้
“Navigation system ใช้ยากไหม”
ตัวช่วยสำคัญในการขับรถเที่ยว ก็ต้องแบบ Navigation System นี่แหล่ะ และปัญหาหลักที่อาจจะต้องเจอก็คือเรื่องของภาษา ซึ่งโดยปกติแล้ว บริษัทใหญ่ๆ มักจะเปลี่ยนภาษาของระบบนำทาง Navigation system เตรียมไว้ให้เราเลย แม้ว่าเราจะสามารถเปลี่ยนเองได้ไม่ยาก แต่ก่อนออกตัว .. ให้เขาเปลี่ยนให้ก่อน จะเวิร์คกว่านะ
และในส่วนของการระบุจุดหมายปลายทาง ก็มีให้เลือกอยู่ 3 แบบใหญ่ๆ
1) ระบุจุดหมายโดย MAPCODE (หาได้ตามคู่มือนำเที่ยวญี่ปุ่น แผนที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น หรือ google)
2) ระบุจุดหมายโดยเบอร์โทร (อันนี้น่าจะง่าย และสะดวกสุด)
3) ระบุจุดหมายโดยที่อยู่ (ถ้ารู้ที่อยู่ ก็จัดไปเลย)
กำหนดจุดหมายปลายทางเรียบร้อย ก็ขับตามเส้นทางที่ระบบแนะนำไปเลย ง่ายใช่ไหมล่ะ
อันดับสุดท้าย ที่สำคัญที่สุด “การจอง” น่ะสิ
ก่อนที่จะลงมือจอง เราก็ควรทบทวน หรือโน้ตสิ่งที่เราตัดสินใจเลือกไว้ให้ดี ว่าต้องการเช่ารถกับบริษัทไหน จองรถอะไร ใช้รถเมื่อไร ใช้รถอย่างไร เลือก Plan ที่เหมาะสมแล้วจองได้เลย
การจองรถเช่าในปัจจุบันจองง่ายมาก ไม่ว่าจะจองผ่านเน็ตหรือจองทางโทรศัพท์ อย่างเช่นถ้าเราจองผ่านเว็บไซต์ Tabirai ซึ่งก็เป็นระบบการจองแบบออนไลน์ เราก็ระบุข้อมูลต่างๆ ตามที่เราตัดสินใจเลือกไว้ เมื่อเดินทางไปถึง เราก็สามารถไปชำระค่าบริการที่สำนักงานเช่ารถได้เลย จะเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้ … อันนี้ถือว่าสะดวกมาก






ระหว่างที่จองก็อย่าลืมลงรายละเอียด ที่นอกจากจะต้องดูเรื่องรุ่นของรถแล้ว ก็ยังต้องระบุจุดรับรถและคืนรถ
ถ้ามีเด็ก ก็ต้องเลือกขนาดอีก ว่าจะต้องใช้ที่นั่งเด็กเป็นแบบ Baby seat, Child seat, หรือ Junior seat
*การขับรถในญี่ปุ่น เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ต้องมีที่นั่งสำหรับเด็กนะจ้ะ
ระบุเรื่องประกัน โดยบริษัทเช่ารถเจ้าใหญ่ๆ มักจะรวมประกันบุคคลที่สาม ประกันตัวรถ ไว้ด้วยในการประกันอุบัติเหตุ แต่ก็ต้องสอบถามข้อมูลกับทางบริษัทให้ละเอียด ซึ่งหากเกิดเหตุขึ้นมา บางสิ่งเราก็อาจจะต้องจ่ายเอง ต้องถามให้หมด
ที่สำคัญ ต้องตรวจสอบเรื่องกำหนดการจอง คือต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยกี่วัน ยกเลิกกี่วันล่วงหน้าแล้วไม่เสียค่าปรับ เรื่องนี้ก็สำคัญมาก ต้องเช็คให้ดี
*ในขั้นตอนการรับรถ หากเราจะต้องขับรถในช่วงหน้าหนาว ก็ต้องดูเรื่องยางให้ดี ว่าทางบริษัทได้ปรับเปลี่ยนยางสำหรับ snow road หรือ icy road ไว้ให้หรือเปล่า ใส่ใจทุกขั้นตอนจะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเอง 😉
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทคนิคเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนจะไปเช่ารถขับเที่ยวในญี่ปุ่นกันอยู่นะคะ และสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่นี่ >>
Tabirai Rental Car (ทั่วญี่ปุ่น) : http://en.tabirai.net/car/?al=media_th1
Hokkaido Rental Car : http://en.tabirai.net/car/hokkaido/?al=media_th1
Okinawa Rental Car : http://en.tabirai.net/car/okinawa/?al=media_th1
Kyushu Rental Car : http://en.tabirai.net/car/fukuoka/?al=media_th1
หรือถ้าต้องเปรียบเทียบราคารถเช่าในญี่ปุ่น ก็สามารถเข้าไปได้ที่ Tabirai เลยจ้า
เขาเปรียบเทียบราคาของบริษัทรถเช่าเจ้าใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นให้แล้ว จึงมีบริการแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Navigation system ที่รองรับภาษาอังกฤษ บัตร ETC รวมไปถึงประกันภัยต่างๆ และทำให้เราสามารถเลือกใช้บริการรถเช่าได้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคในญี่ปุ่นเลยนะ แล้วพบกันใหม่คราวหน้า สวัสดีค่ะ (^^)/