วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (88) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): สิบเอ็ด ปัจฉิมลิขิต
โอ้ ท่านผู้อ่านที่รักครับ คุณพระคุณเจ้า ในที่สุด “คัมภีร์แห่งวาโย” ก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะครับ สิ่งที่อยากจะบอกท่านผู้อ่านก็คือ ผมเองก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลกลใด เขียนซีรี่ส์นี้มาจะสองปี จากที่แต่ก่อนมีคนกดไลค์ในเพจ marumura แค่หลักสิบ (บางทีก็ไม่ถึงสิบด้วยซ้ำ) แต่ก็เข้าใจครับว่างานที่แลดู “เฉพาะกลุ่ม” (niche) เอามากๆ ยังไงมันก็ไม่น่าแมสอยู่แล้ว (แต่ขอแค่ให้มีคนอ่านเถอะ ผมยินดีจะเขียน เขียนด้วยใจจริงๆ จนแบบ เอามันจบจนได้) พอหลังจากที่เขียนเรื่องโรคซึมเศร้า ปรากฎว่ายอดไลค์ของซีรี่ส์นี้มาได้ถึงห้าหกสิบไลค์ติดกันสองตอนละ ตกใจมาก จะจบอยู่แล้วนะนั่น อย่างที่บอกไปว่า เดือน พ.ย. นี้ก็อาจเขียนเรื่องแทรกแบบ ไม่ค่อยมีสาระ คั่นรายการสักเดือนหนึ่งก่อน แล้วค่อยเปิดซีรี่ส์ใหม่ “บูชิโด” ก็ขอให้ท่านที่ติดตามมาตลอดก็อย่าลืมติดตาม “บูชิโด” ด้วยนะครับ
อ่ะ มาอ่านต้นฉบับกันเลยครับผม
คำแปลข้อความต้นฉบับ
風の巻
คัมภีร์แห่งวาโย
一一 後書
สิบเอ็ด ปัจฉิมลิขิต
`右他流の兵法を九ケ条として `風の巻 `に有増書付る所一々流々口より奥に至るまでさだかに書顕すべき事なれ共わざと `何流の何の大事 `共名を書しるさず `其故は一流一流の見たて其道其道のいひわけ人により心に任せてそれぞれの存分有ものなれば同じ流にも少々の替るものなれば後々までの為に `ながれ筋 `共書のせず `他流の大体九ツに云分て世の中の道人の直なる道理より見せば長さにかたつき短きを理にし強き弱きもかたつきあらきこまかなると云事も皆へんなる道なれば `他流の口奥 `と顕はさず共皆人の知るべき儀也
ที่ได้เขียนเพิ่มไว้มีใน “คัมภีร์แห่งวาโย” ซึ่งพิชัยสงครามของสายสำนักอื่นข้างต้นเป็นเก้าข้อ แม้เป็นสิ่งที่สมควรเขียนสำแดงไว้เป็นแม่นมั่น ทีละอันๆ สายสำนักๆ จากปากทางถึงด้านใน แต่ก็จงใจ มิได้เขียนบันทึกชื่อ ว่า “เรื่องใหญ่ใดของสำนักใด” เหตุผลนั้นคือ ข้อวินิจฉัยของสายสำนักหนึ่งสำนักหนึ่ง การพูดแยก (กล่าวอรรถกถา) ซึ่งวิถีนั้นวิถีนั้น หากให้เป็นเรื่องแล้วแต่คน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจิต มีความคิดไปต่างๆ ล่ะก็ แม้ในสายสำนักเดียวกัน หากกลายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนเล็กน้อยล่ะก็ ต่อไปถึงชั้นหลังๆ แม้แต่ “สายสำนัก” ก็ไม่อาจเขียนลงไว้ได้ เมื่อพูดแยกสายสำนักอื่นเป็นอย่างใหญ่เก้าอย่าง หากมองจากหลักการเหตุผลที่ตรงของคนหรือวิถีในโลก ที่เรียกว่า ลำเอียงไปทางยาว เอาสั้นเป็นหลัก ลำเอียงแข็งแรงอ่อนแอ หยาบละเอียด ก็ล้วนหากเป็นวิถีที่ลำเอียง แม้ไม่สำแดงว่า “ปากทาง ด้านในของสายสำนักอื่น” ล้วนเป็นนัยที่คนสมควรรู้ได้
`我一流に於て太刀に奥口なし `構に極りなし `唯心を以て其徳を弁ふる事是兵法の肝心也
ในสายสำนักของข้าฯ ไม่มี ด้านใน ปากทาง ในทะจิ ในการตั้งท่าไม่มีว่าที่สุด เพียงอาศัยจิต รู้ซึ้งซึ่งคุณความดีนั้น นี้คือเรื่องใหญ่ใจสำคัญของพิชัยสงคราม
`正保二年五月十二目 新免武蔵
`寺尾孫之丞殿
วันที่สิบสอง เดือนห้า ปีที่สองแห่งศักราชโชโฮ ชินเม็งมูซาชิ
ถึง เทราโอะ มาโกะโนะโจ
`寛文七年二月五日 寺尾夢世勝延 花押
`山本源介殿
วันที่ห้า เดือนสอง ปีที่เจ็ดแห่งศักราชคัมบุน เทราโอะมุเซคัตสึโนบุ ลงเครื่องหมายแทนชื่อ
ถึง ยามาโมโตะ เก็นสุเกะ
การตีความและอภิปราย
ท่านผู้อ่านที่รักครับ
ก่อนที่ผมจะจบการอภิปราย “คัมภีร์แห่งวาโย” และเข้าสู่คัมภีร์สุดท้าย “คัมภีร์แห่งอากาศ” ผมขอคัดข้อความบางส่วนจากการวิพาษณ์ “พิชัยสงครามของสายสำนักอื่น” ทั้งเก้าข้อ มาเป็น “ข้อคิดเตือนใจ” ดังนี้ครับ
- อาศัยความยาว คิดจะเอาชนะระยะไกล นั้น อาศัยเหตุที่จิตอ่อนแอ จึงวินิจฉัยว่าเป็นพิชัยสงครามอ่อนแอ
- ด้วยทะจิที่แรง พาดทะจิของคนอื่นโดยแรงละก็ จักพาดเกินไป ย่อมเป็นจิตที่เลวแน่ หากกระทบถูกดาบของคนอื่นโดยแรง ดาบของตนก็จะหักทลายด้วย ดังนั้น ต้องไม่มีสิ่งที่เรียกว่าทะจิแรง
- อาศัยทะจิสั้น “จักฟัน” “จักโดด” “จักกุม” ซึ่งช่องว่างที่คนแกว่งทะจิ นั้น (เป็นของ) ลำเอียงและเลว อีกทั้ง การมีจิตที่ว่า เล็งช่องโหว่ ทุกเรื่องเห็นเป็นลงมือทีหลัง แล้วพัวพันยุ่งเหยิง นั้น เป็นเรื่องน่ารังเกียจ
- แม้ผู้รู้ก็ดี ผุ้ไม่รู้ก็ดี ผู้หญิงและเด็กก็ดี วิถีที่เรียกว่า การตี ทุบฟัน นั้นไม่ได้มีมาก ถึงจะมีเปลี่ยน ก็ไม่มีนอกไปจากที่เรียกว่า “แทงทะลวง” “กวาดขวาง” ก่อนอื่นหากเป็นวิถีของการฟัน ย่อมไม่มีลูกปลีกย่อยให้จำนวนมากไป
- วิถีแห่งพิชัยสงครามสู้เอาแพ้ชนะ หากทำการตั้งท่าของคนให้เคลื่อน เข้าทำสิ่งที่ไม่มีในจิตของศัตรู หรือทำศัตรูให้ลน หรือทำให้จิตขัดข้อง หรือทำให้หวั่นกลัว รับประโยชน์ของจังหวะขณะกลืนหาย (เข้าไปยังฝั่ง) ของศัตรู เอาชนะได้ละก็ ย่อมรังเกียจจิตของการลงมือทีหลังที่เรียกว่าการตั้งท่า
- ตาที่จ้องดูนั้นเข้มแข็ง มองจิตของศัตรู มองตำแหน่งของแห่งที่นั้น จับตาดูให้ใหญ่ ดูสภาพการณ์ของการศึกนั้น ดูความเข้มแข็งอ่อนแอของเวลานั้น การได้ชัยชนะอย่างจะแจ้งนั้นเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ
- ดั่งเดินไปตามวิถีปกติ ไปตามจังหวะของศัตรู ได้เอาซึ่งตำแหน่งของกายยามเร่งรีบยามสงบนิ่ง ไม่ขาดไม่เกิน เท้าไม่มีอาการปั่นป่วนไร้ระเบียบ
- หากว่า “เร็วแล้วล้ม” ก็ไม่ทัน แน่นอนว่าช้าก็ไม่ดี นี้ก็การจะทำให้เก่ง ต้องค่อยๆ มองเห็น ไม่หลุดช่องระหว่าง สิ่งที่คนที่ทำสิ่งต่างๆ ให้เป็นนิสัยกระทำนั้น ย่อมไม่เห็นเป็นสิ่งวุ่นวาย
- แม้ในวิถีของเรื่องใด ที่ที่จะได้ประสบ (มีประโยชน์) ที่ข้างในก็มี การออกปากทางแล้วเป็นเรื่องดีก็มี ในหลักของการศึกนี้ ซ่อนสิ่งใดแล้วก็จงยังให้ปรากฎซึ่งสิ่งใดนั้น
หากใครที่สามารถตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ได้ ไม่ลืมหลง ก็คงนับได้ว่าสำเร็จ “คัมภีร์แห่งวาโย” แล้ว ก็จะไปยัง “คัมภีร์แห่งอากาศ” ได้แล้ว
ครับ ท่านผู้อ่าน สิ่งที่ผมอยากจะเล่าสู่กันฟังก่อนจะจบการอภิปรายในวันนี้ก็คือ ช่วงนี้ หลายครั้งแล้ว ที่ผมรู้สึกได้ว่า ในโลกนี้ หลักการที่ง่ายๆ ซื่อๆ ตรงไปตรงมา มันมีให้ทำนะ ซึ่งถ้าทำ มันแก้ปัญหาตรงนั้นได้เลยนะ แต่ที่คนไม่ทำ ก็เพราะความ “ยึดมั่นถือมั่น” เพียงตัวเดียวเท่านั้น
หนึ่งในหลักการที่ ง่ายๆ ซื่อๆ ที่สุด ที่ในพุทธศาสนาสอนไว้ เพื่อความสงบสุขของโลก คือ
น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ อเวเรน จ สมฺมนฺติ เอส ธมฺโม สนนฺตโน
ในกาลไหนๆ เวรทั้งหลายในโลกนี้ ย่อมไม่ระงับด้วยเวรเลย ก็แต่ย่อมระงับได้ด้วยความไม่มีเวร, ธรรมนี้เป็นของเก่า
แต่พวกยิวกับปาเลสไตน์น่ะ เวรของคนเหล่านี้ อีกร้อยปีไม่มีวันระงับได้ เพราะลัทธิศาสนาของเขาไม่ได้สอนให้เลิกละจากความยึดมั่นถือมั่น ตรงกันข้าม เขาสอนว่าต้องยึดมั่นถือมั่นให้มากๆ แผ่นดินของกู เผ่าพันธุ์ของกู ศาสนาของกู อะไรๆ ก็ “ของกู” หมด และไมได้จบที่ “ของกู” เฉยๆ แต่พอกพูนความอหังการ ถือดีว่าอะไรๆ ของกู ล้วนดีที่สุด ของคนอื่นล้วนเลวกว่าหมด
ผมเคยบอกแล้ว ถ้าคนเราเห็นอะไรอื่นที่ไม่ใช่พวกตัวของตัว ว่าเลวว่าต่ำกว่าตัวเมื่อไหร่ เมื่อนั้น ความเมตตากรุณาจะไม่มี มีแต่เข่นฆ่าทำลายอย่างเดียว ความเมตตากรุณาจะเกิดในใจคนได้ ต้องมาจากความคิดจิตใจที่มองว่า เราเขาล้วน “เสมอเหมือน” กัน (ผมไม่ได้ใช้คำว่า “เท่าเทียม” เพราะคำว่า เท่าเทียม มันต้องไขว่คว้า เปรียบเทียบ มีขีดสเกลวัด แต่คำว่า เสมอเหมือนกัน คือ ล้วนตกในสภาวะหรือเงื่อนไขเดียวกันหมด นั่นคือ ล้วนเป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับว่า จะสูงต่ำดำขาวรวยจน) ในเมื่อเราเขาล้วนเสมอเหมือนกัน แล้วทำไมต้องแบ่งแยกเพื่อเหยียดหยัน ทำร้ายกันด้วย?
ฉะนั้น วาทกรรมที่ว่าทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดีนั้น จึงเป็นเพียงการพูดบังหน้าเพื่ออุดปากไม่ให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ เท่านั้นเอง ลัทธิศาสนาในโลกล้วนมีไปต่างๆ เหมือนกับสินค้าหรืออาหารนั่นแหละ ฉะนั้น มันก็ย่อมต้องมีลัทธิศาสนาที่ดีและที่เลว อาหารที่เลวกินเข้าไปแล้วเสียสุขภาพฉันใด ลัทธิศาสนาที่เลวยอมรับนับถือมันก็ไปใจมันก็หลงไปทางเลว ทางที่เห็นผิด นำพาชีวิตจิตใจให้วิบัติวินาศ นำพาความพินาศฉิบหาย การทำลายล้าง มาสู่สังคมโลก
ผมเริ่มคิดถึงสิ่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ การเรียนรู้วิชาเพื่อ “ป้องกันตัว” มั้น มันก็เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ในฐานะที่เราเป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่ง แต่พอผมศึกษาไปถึงจุดๆ หนึ่ง ผมก็เริ่มมองถึงสิ่งที่มันสเกลใหญ่ขึ้นไป ว่าถ้าคนเราเดินตามหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา ถ้าทำได้นะ (ผมรู้ มันเป็นอุดมคติ ซึ่งแปลว่า ดีมาก แต่ทำได้ยากมาก) มันก็จะเป็นการ “ปกป้อง” โลกและผู้คนในสังคม ให้พ้นภัย ได้หรือเปล่า? การที่นักดาบอย่างมูซาชิ เป็นขาลุยตลอดมาในวัยหนุ่ม อะไรที่ดลใจให้เขามาศึกษาธรรมะ นั่งสมาธิในถ้ำ “เรย์กันโด” เมื่อชีวิตมาถึงบั้นปลาย…
บางที ผมอาจจะเริ่มเข้าใจแล้วก็ได้…
“คัมภีร์แห่งอากาศ” จะเป็นอย่างไร คราวหน้าแล้วนะครับ ตอนสุดท้ายแล้วจริงๆ ต้องอ่านกันให้ได้นะครับ สวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (87) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): สิบ สิ่งที่เรียกว่า ใน นอก ในสายสำนักอื่น
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (86) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): เก้า การใช้ความเร็วในพิชัยสงครามอื่น
– โรคซึมเศร้า สังคมญี่ปุ่น สังคมไทย เราควรเอาพุทธศาสนามาช่วยบำบัดดีไหม?
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (85) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): แปด การมีการใช้เท้าในสายสำนักอื่น
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (84) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): เจ็ด สิ่งที่เรียกว่าการจับตาดูในสายสำนักอื่น
#มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (88) คัมภีร์แห่งวาโย (ลม): สิบเอ็ด ปัจฉิมลิขิต