ในช่วงปีใหม่ในญี่ปุ่นจะมีประเพณีหนึ่งที่เรียกว่าคางามิโมจิ (Kagami Mochi) เป็นการประดับมุมหนึ่งของบ้านเพื่อถวายแด่เทพเจ้า เพราะจะนำพามาซึ่งความสุขและโชคลาภตลอดทั้งปี
ในช่วงปีใหม่จะมีประเพณีหนึ่งที่เรียกว่าคางามิโมจิ (Kagami Mochi) เป็นการประดับมุมหนึ่งของบ้านด้วยขนมคางามิโมจิเพื่อถวายแด่เทพเจ้าในช่วงปีใหม่เพราะมีความเชื่อว่าการถวายคางามิโมจิแด่เทพเจ้าจะนำพามาซึ่งความสุขและโชคลาภตลอดทั้งปี ซึ่งคางามิโมจิ (Kagami Mochi) ในที่นี้ก็คือขนมโมจิที่พวกเราคุ้นเคยกันนั้นเองค่ะ แต่คางามิโมจิจะมีลักษณะเป็นขนมโมจิที่ถูกทำให้แบนเล็กน้อยวางซ้อนกันสองชั้นและด้านบนสุดถูกประดับด้วยผลส้มไดได ลูกพลับแห้ง หรือวัตถุดิบตามแต่ละท้องถิ่น จากนั้นจึงวางคางามิโมจิลงบนแท่นวางที่ถูกเรียกว่า ซันโปะ (Sanpo) โดยรองใต้ฐานคางามิโมจิด้วยสาหร่ายคอมบุ แต่ถ้าหากไม่มีแท่นรองสามารถวางบนจานหรือถาดตามปกติได้เลยค่ะ ซึ่งการเตรียมทำคางามิโมจินั้นจะถูกเตรียมการตั้งแต่ช่วงสิ้นปีมาจนถึงต้นปีใหม่ และถึงแม้ว่าสมัยนี้จะมีเทคโนโลยีและเครื่องทุ่นแรงมากมาย แต่การทำขนมโมจิในช่วงปีใหม่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีดั้งเดิมหรือ “โมจิทสึคิ” เพียงเท่านั้นค่ะ
คางามิโมจิ (Kagami Mochi) เกิดขึ้นครั้งแรกในยุคสมัยมูโรมาจิ หรือในช่วงศตวรรษที่ 14 โดยชื่อกันว่าการทำคางามิโมจิขึ้นมานั้นเป็นการทำเลียนแบบกระจกคางามิ กระจกทรงกลมในสมัยโบราณที่ทำจากทองแดง โดยกระจกชนิดนี้ถือเป็นสิ่งที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ในเรื่องของการติดต่อกับเทพเจ้า การทำคางามิโมจิจึงเปรียบได้กับการติดต่อและเชื่อมโยงกับเทพเจ้าในสมัยนั้น ขนมโมจิในสมัยโบราณนั้นจึงถือว่าเป็นอาหารสำหรับวันพิเศษโดยเชื่อกันว่าพลังของต้นข้าวนั้นจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง
คางามิโมจิทั้งสองชั้นนั้นหมายถึงการต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง และยังหมายถึงหัวใจของมนุษย์ , หยินกับหยาง , ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ อีกด้วยค่ะ ส่วนของประดับที่ชั้นบนสุดก็ยังมีความหมายในตัวมันเองอีกด้วย อย่างเช่นผลส้มไดได หมายถึงมีอายุยืนยาว สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เพราะว่าส้มไดไดนั้นจะมีผลติดต้นนานกว่าส้มชนิดอื่น บางครั้งยาวนาน2-3 ปีเลยทีเดียวค่ะ
ในสมัยก่อนคางามิโมจิจะถูกจัดไว้ตามมุมต่างๆ ของตัวบ้าน แต่ในปัจจุบันคางามิโมจิจะถูกจัดวางไว้ในห้องครัว หรือหิ้งพระในที่นี้หมายถึงหิ้งบูชาเทพเจ้า หรือคะมิดะนะ(Kamidana) ซึ่งเป็นแท่นบูชาขนาดเล็กที่ใช้ในบ้านเรือนโดยการทำพิธีอัญเชิญเทพเจ้ามาสถิตอยู่เพื่อคุ้มครองผู้อาศัย นอกจากนี้คางามิโมจิอาจถูกจัดวางเอาไว้เป็นซุ้มเล็กๆในโทโคโนมะ (Tokonoma) ซึ่งเป็นที่จัดวางและประดับตกแต่งหลักของตัวบ้าน
คางามิโมจิจะถูกจัดวางไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงวันที่ 11 มกราคม จากนั้นก็จะสามารถนำมารับประทานได้ค่ะ โดยวิธีการรับประทานคางามิโมจินั้นจะไม่ใช้มีดหั่นเป็นชิ้นๆ นะคะ แต่จะใช้ค้อนทุบให้คางามิโมจิแตกออกจากกันวิธีนี้เรียกว่าคางามิ-บิรากิ (Kagami-biraki) ที่ต้องใช้วิธีนี้เพราะเชื่อว่าการทุบให้คางามิโมจิแตกออกเป็นเหมือนกับการเปิดกระจกเพื่อรับพลังจากเทพเจ้านั้นเองค่ะ หลังจากนั้นก็จะนำคางามิโมจิที่แตกแล้วใส่ลงไปในซุปโอะโซนิ (Ozoni) ที่นิยมทำกินกันในช่วงปีใหม่นั้นเองค่ะ
คางามิโมจิในปัจจุบันสามารถพบเห็นวางขายได้ทั่วไปในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ ทั้งในซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้าสะดวกซื้อ โดยคางามิโมจิแบบพร้อมใช้นี้จะถูกจัดวางมาใหเรียบร้อยแล้ว โดยชั้นบนสุดก็จะถูกประดับด้วยผลส้มไดได ถ้าหากเป็นผลจริงราคาก็จะสูงหน่อย แต่ถ้าอยากได้ราคาย่อมเยาก็มีแบบพลาสติกจำหน่ายค่ะ สามารถเลือกซื้อกันได้ตามงบประมาณ
ด้วยเทคโนโลยีและยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วขนบธรรมเนียมและประเพณีบางอย่างก็จำเป็นที่จะต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าหากเรายังพอมีเวลาการย้อนกลับไปใช้ชีวิตแบบวิถีดั้งเดิมเท่าที่ทำได้ก็ยังคงเป็นเสน่ห์ที่ต้องยอมรับว่าหาไม่ได้จากที่ไหน และวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง
เรื่องแนะนำ :
-ขนมยัทสึฮาชิ (Yatsuhashi)
-4 เกมกระดาน การละเล่นโบราณของญี่ปุ่น
-Hobonichi Techo 2020 วางจำหน่ายแล้ว และเปิดตัวสมุดบันทึกแบบใหม่ Day-Free เมื่อ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
– เกมจับคู่และศิลปะบนเปลือกหอย ไคอะวาเซะ (Kai-awase)
– ไพ่คารุตะ การละเล่น กีฬา และศิลปะ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
-https://ja.wikipedia.org/wiki/%E9%8F%A1%E9%A4%85
-https://en.wikipedia.org/wiki/Kagami_mochi
-https://tadaimajp.com/2015/01/kagami-mochi/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Yata_no_Kagami
-https://ja.wikipedia.org/wiki/%E9%8F%A1%E9%A4%85
-https://www.amazon.co.uk/Japanese-Shrine-Kamidana-Yanechigai-Shinden-set/dp/B00827651G