ด้วยนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ยกเว้นวีซ่าให้กับคนไทยเมื่อช่วงกลางปี 2556 การเดินทางไปญี่ปุ่นก็ดูจะง่ายมากขึ้น นี่ก็คืออีกเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปญี่ปุ่นมากขึ้นด้วย
“ญี่ปุ่น” หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดฮิตอันดับต้นๆ ที่อยู่ในกระแสท่องเที่ยวของคนไทย และในปีมี่ผ่านมามีสถิติคนไทยกว่า 4 แสนคนเดินทางไปเยือนดินแดนแห่งนี้ และเนื่องด้วยนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ยกเว้นวีซ่าให้กับคนไทยเมื่อช่วงกลางปี 2556 การเดินทางไปญี่ปุ่นก็ดูจะง่ายมากขึ้น นี่ก็คืออีกเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปญี่ปุ่นมากขึ้นด้วย

สำหรับช่วงเดือนเมษายน เมืองไทยเข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัวแล้ว แถมยังมีวันหยุดยาวหลายวัน ช่วงนี้จึงเหมาะที่จะใช้เวลาหลายวันเดินทางมาเที่ยวผักผ่อนในญี่ปุ่น แต่ในขณะที่บ้านเราอากาศทะยานสูงเกือบ 40 องศาเซลเซียส แต่ที่ญี่ปุ่นก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ (ช่วงมีนาคม – พฤษภาคม) อากาศกำลังอบอุ่นสบายๆ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 13 – 25 องศาเซลเซียส การมาเที่ยวในเวลานี้จึงถือเป็น high-season ที่แท้จริง เพราะเป็นช่วงฤดูแห่งดอกไม้บาน ครอบครัว คู่หนุ่มสาว กลุ่มเพื่อน ก็นัดกันไปชมดอกซากุระ จะพร้อมใจกันเบ่งบานสะพรั่งเต็มเกาะตามสถานที่ต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงนี้ต้องไม่พลาดเก็บภาพถ่ายสวยๆ เก็บไว้อวดเพื่อนๆ เพราะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยสีชมพูของดอกที่บานสะพรั่งทั่วทั้งเกาะ

และถ้าการชมดอกซากุระบานเป็นหนึ่งในโปรแกรมเที่ยวของคุณ สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเลยคือ บริเวณรอบๆปราสาทคุมะโมะโตะ ตั้งอยู่ ณ เมืองคุมะโมะโตะ จังหวัดคุมะโมะโตะ เป็นปราสาทอันเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี ซึ่งมีแนวรั้วกำแพงหินที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของประเทศ ซึ้งจะเปิดให้ชมดอกซากุระในช่วงกลางคืน ความสวยงามของปราสาทที่ถูกฉาบด้วยไฟ และถนนที่ประดับด้วยโคมไฟแล้ว ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสุดโรแมนติกเลยที่เดียว

อีกสถานที่ชมดอกซากุระ คือ สะพาน “คินไตเคียว” ตั้งอยู่ ณ เมืองอิวะกุนิ จังหวัดยะมะงุจิ เป็นสะพานไม้โบราณ และก็ถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3 สะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย เมื่อย่างเข้าเดือนเมษายนมองไปโดยรอบที่นี่ ก็จะเห็นสีชมพูของดอกซากุระบานอยู่เต็มไปหมด และเทศกาลชมดอกซากุระแห่งสะพาน “คินไตเคียว” ก็จะจัดขึ้นในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน ยามค่ำคืนจะมีการประดับแสงไฟ มีกิจกรรมที่ห้ามพลาดคือ การล่องเรือชมสะพาน “คินไตเคียว” และดอกซากุระที่บานสะพรั่ง
มาถึงญี่ปุ่นทั้งทีถ้าไม่ไปแวะเช็คอิน เดินเที่ยวเล่น ช้อปปิ้ง กินของอร่อยๆ ที่โตเกียว แบบนี้คงเรียกว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นแน่ๆ และย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งคงหนีไม่พ้น “ชินจูกุ” ย่านแฟชั่นที่นี่มีห้างสรรพสินค้ามากมาย เช่น MaruiMarui, Daimaru, Iseten มีสินค้าให้เลือกทั้งเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากทั่วโลก เครื่องสำอาง เครื่องประดับ หรือจะเป็นร้านสินค้าราคาถูกอย่าง ร้าน 100 เยน ร้านนาฬิกาไปจนถึงร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ พอตกเย็นนักท่องราตรีก็สามารถเดินเที่ยวเล่นได้อีกด้วย เนื่องจากมีร้านที่น่าสนใจ เช่น ร้านอาหาร คาราโอเกะ และร้านเครื่องเล่นของเล่นต่างๆ ที่ชาวญี่ปุ่นนิยม

อีกแหล่งที่มีชื่อคุ้นหูอย่าง “ฮาราจูกุ” (Harajuku) มาย่านนี้คุณจะตื่นเต้นตื่นตาเป็นพิเศษ เพราะเป็นศูนย์รวมของเด็กวัยรุ่น ที่ชอบการแต่งหน้าแต่งตัวแบบสุดหลุดโลก เลียนแบบตัวการ์ตูน ในเรื่องต่างๆ หรือในแบบของตัวเอง มาอวดโฉมกัน รับรองว่าคุณจะเพลินกับการถ่ายภาพจนเมมโมรีเต็มแบบไม่รู้ตัวแน่ๆ ส่วนเรื่องสินค้าที่นี่ก็จะขายของกระจุกกระจิก กิ๊บเก๋น่ารักๆ มากมาย

และเทรนด์ท่องเที่ยวยุคนี้ อินเตอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวไปแล้ว เพราะญี่ปุ่นมีสิ่งสวยงาม สถานที่แปลกตา และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้อดไม่ได้ที่จะเช็คอิน ถ่ายภาพอัพเฟสบุ๊ค อัพอินสตาแกรม หรือลงโซเชียลมีเดียต่างเผื่ออวดเพื่อนๆ เดี๋ยวนี้ทำได้ง่ายขึ้น และมีหลากหลายวิธี แต่ถ้าจะไม่ให้ยุ่งยากและเสียเวลาก็ต้องเลือกแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตแบบ Unlimited Data จะได้สนุกกับการอัพเรื่อยๆ ไม่มีสะดุด จากAIS Unlimited Data Roaming ราคาเริ่มต้นเพียง 280 บาท/วัน ใช้เน็ตไม่อั้น ไม่จำกัดเมก แถมการันตีเน็ตไม่รั่วอีกด้วย
รายละเอียดแพ็กเกจ http://www.ais.co.th/roaming/th/3g-postpaid/index.aspx#nav_tab

การไปเที่ยวญี่ปุ่น ได้เจอสถานที่ใหม่ๆ ถนนหนทางที่ไม่คุ้นเคย การพกโทรศัพท์ติดตัวไว้หลายคนคิดว่าไม่สำคัญ แต่ถ้าเราเกิดพลัดหลงกับกรุ๊ปทัวร์ระหว่างช้อปปิ้ง เชื่อว่าการติดต่อสื่อสารนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน แต่คุณก็จะสามารถโทร. ติดต่อนัดหมายกันได้อย่างมั่นใจถ้ามี “โทรศัพท์” หรือถ้าใครที่เป็นโรคติดบ้านเวลาไปเที่ยวต่างประเทศก็แอบคิดถึงคนที่บ้านไม่ได้เป็นต้องโทรหาตลอด… อยากจะโทรเม้าท์สนุกๆ กับคุณแม่ เพื่อนๆ หรือคนรู้ใจ ก็ทำได้ถ้ามี “โทรศัพท์” ยิ่งเทคโนโลยีสมัยนี้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว การโทร.จากญี่ปุ่นกลับเมืองไทย หรือการโทร. ระหว่างเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นก็ทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น ที่สำคัญไม่ต้องกลัวอีกด้วยว่าใครจะติดต่อเราไม่ได้ แค่พกโทรศัพท์ไว้และเลือกแพ็กเกจที่แสนจะคุ้มอย่าง Hassle-Free Voice แพ็กเกจเดียวที่ใช้โทรและส่ง SMS ได้พร้อมกัน แถมยังใช้ได้ในกว่า 62 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย และที่สำคัญ AIS คืนค่าแพ็กเกจให้หากไม่ได้ใช้ด้วย (สามารถใช้โทรระหว่างเบอร์ที่ญี่ปุ่นและเบอร์ที่ไทยได้ แต่ค่าบริการในแพ็กเกจไม่รวมการรับสายหรือโทรไปยังประเทศที่ 3)
รายละเอียดแพ็กเกจ http://www.ais.co.th/roaming/th/page/Hassle-Free-Voice&Data-Roaming-Package
ทิปน่ารู้
สำหรับการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ต้องเช็ควันให้พร้อม ที่สำคัญแนะนำเลี่ยงการเดินทางไปช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือ Golden Week ของชาวญี่ปุ่น เพราะสถานที่ต่างๆ จะหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว ช่วงที่ว่านี้ก็จะมีวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม, วันอังคารที่ 29 เมษายน และวันที่ 3 – 6 พฤษภาคม (สำหรับช่วงฤดูใบไม้ผลิระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – พฤกษภาคม) ของปีนี้