ปีนฟูจิ…เราขอบอกว่าเส้นทางการเดินขึ้นฟูจิของจริงเริ่มต้นจากตรงนี้ … อารมณ์ประมาณว่า นี่คือ “จุดกลับใจ” ถ้าเดินขึ้นไปสูงกว่านี้แล้วอยากจะเปลี่ยนใจ เดินไม่ไหวแล้ว ก็ทำได้ แต่ถ้าคิดให้ดีตั้งแต่ตรงสถานีที่ 6 นี้ก่อน ก็จะเหนื่อยน้อยกว่านะ
สนับสนุนโดย :
เอาล่ะจ้ะ… ในที่สุดเราก็ได้ปีนฟูจิกันสักที
แล้วก็อย่างที่บอกไปในตอนที่แล้วว่าเราได้ทำการรีวิวทริปการปีนฟูจิทริปนี้เป็นการเฉพาะไว้แล้วตามลิงก์นี้>> ปีนฟูจิ (มือใหม่หัดปีนภูเขาไฟฟูจิ)
สำหรับตอนนี้เราเล่าแค่พอเพลินๆ ดีกว่า ^^
เหตุการณ์หลังจากที่เราเซย์ บ้าย บาย คุณอิชิดะ แล้วก็ฟังบริฟจากไกด์ปีนฟูจิของเรา (คุณคริส) ทั้งเราและเทียนก็เดินต้อยๆๆ ตามคุณคริสของเราอย่างเชื่อฟัง … มืออาชีพเขาว่ายังไงก็ต้องอย่างงั้นแหล่ะ ไม่งั้นจะอันตรายกับชีวิตของเราเอง จริงมะ



การเดินทางจากสถานีที่ 5 ไปยังสถานีที่ 6 นั้น ชิลมากๆ ช่วงนี้จะเห็นผู้คนปลุกพล่านอยู่พอสมควร เพราะคนที่มาเที่ยวฟูจิสถานีที่ 5 แล้วอยากลองเดินปีนขึ้นฟูจิ (แต่อาจจะมีเวลาน้อย หรือรู้ตัวว่าเดินขึ้นยอดเขาไม่ได้แน่ๆ) ทั้งเด็กน้อย ทั้งผู้สูงอายุ หรือที่มาแบบเป็นครอบครัว เขาจะเดินไปสถานีที่ 6 แล้วก็กลับมายังสถานีที่ 5 เหมือนเดิม .. อันนี้พอเดินกันไหวแน่นอน แต่จากสถานีที่ 6 ไปสถานีที่ 7 นั้น เส้นทางค่อนข้างไกล ถ้าไม่ตั้งใจจะไปจริงๆ ไม่มีใครเดินกันหรอกจ้ะ




พอออกจากสถานีที่ 5 ก็จะเป็นเส้นทางที่มีต้นไม้ใหญ่น้อยพอควร ทำให้ไม่รู้สึกร้อนตอนที่เดิน …ช่วงแรกๆ เป็นเส้นทางลงเขา ก่อนที่จะไปบรรจบกับเส้นทางจากฟูจิสถานีที่ 5 (เดิม) ซึ่งใครที่ต้องการปีนฟูจิในเส้นทางสาย Yoshida ก็สามารถมาได้จากทางสถานีที่ 5 ทั้งสถานีเก่าและสถานีใหม่ คุณคริส..ไกด์ของเราบอกอย่างนั้น แต่ยังไงซะก็จะมาเจอกัน ณ จุดหนึ่ง ที่จะเริ่มเป็นเส้นทางขึ้นเขา ผ่านป่าไม้ไปอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มเป็นเส้นทางดินโล่งๆ พอใกล้ถึงสถานีที่ 6 จะมีอุโมงค์ที่ถูกสร้างไว้ตามเส้นทางที่เคยเกิดดินถล่ม คุณคริสบอกว่าเคยมีคนที่มาปีนฟูจิตายเพียบ เพราะเกิดดินถล่มในช่วงเปิดภูเขาพอดี ก็เลยมีการสร้างอุโมงค์เอาไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างที่ว่า ก็ให้รีบวิ่งไปหลบอยู่ที่อุโมงค์… ก็ประมาณนั้น





จากสถานีที่ 5 ถึงสถานีที่ 6 ใช้เวลาเดินเพลินๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซึ่งสถานีที่ 6 นั้นก็เป็นเสมือนศูนย์นักท่องเที่ยวด้วย มีการให้ข้อมูลคำแนะนำในการปีนฟูจิที่นี่ด้วยนะ นอกจากนี้ก็ยังเป็นจุดแวะพักใหญ่ แล้วก็มีห้องน้ำด้วย (เป็นห้องน้ำที่ขอสารภาพว่า เห็นแล้วต้องยอมอั้น จนกระทั่งกลับลงมายังสถานีที่ 5 ในวันรุ่งขึ้น… ไม่สามารถทำใจได้จริงๆ)

เราขอบอกว่าเส้นทางการเดินขึ้นฟูจิของจริงเริ่มต้นจากตรงนี้ … อารมณ์ประมาณว่า นี่คือ “จุดกลับใจ” ถ้าเดินขึ้นไปสูงกว่านี้แล้วอยากจะเปลี่ยนใจ เดินไม่ไหวแล้ว ก็ทำได้ แต่ถ้าคิดให้ดีตั้งแต่ตรงสถานีที่ 6 นี้ก่อน ก็จะเหนื่อยน้อยกว่านะ


จากสถานีที่ 6 สู่สถานีที่ 7 เป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลทีเดียว แต่เรากับเทียน ยังยึดวิถีการเดินของคุณคริส ว่าเดินชิลๆ พักเป็นระยะ แต่อย่าพักนานๆ เลือกเส้นทางการก้าวที่ยกขาต่ำที่สุด และอย่าลืมหายใจเด็ดขาด (อันนี้บอกไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้ว) ซึ่งเทียนยังเดินได้แบบสบายๆ แต่เราเริ่มมีอาการไม่ค่อยดี กระทั่งคุณคริสบอกว่าลืมหายใจใช่มั้ยนั่นแหล่ะ จึงได้ถึงบางอ้อ! แต่กว่าจะหายจากอาการนั้นก็เริ่มมึนหัว มวนท้อง จะอ้วกเสียแล้ว… คณะของเราจึงพักทุก 5 นาที เพื่อให้เราปรับการหายใจใหม่ ทำอย่างนั้นอยู่ 3 รอบจึงหาย คุณคริสบอกว่า ถ้าไม่ยอมบอกไกด์ว่ามีอาการพวกนี้ตั้งแต่แรก อาจจะเดินไปไม่ถึงยอดเขา เราจึงได้เกร็ดเพิ่มเติมในการปีนฟูจิมาอีกอย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เล็กน้อยแค่ไหน บอกไกด์ไว้ก่อน ฮะ ฮะ




แม้จะเดินช้าๆ ชิลๆ เพลินๆ แค่ไหน แต่จากสถานีที่ 6 ไป 7 นี่ก็ไกล แล้วก็เริ่มเป็นทางลาดชันขึ้นเรื่อยๆ ช่วงเย็นๆ เราก็เหนื่อยกันมากแล้ว เราเดินผ่านป้าย “สถานีที่ 7” กันมาสักพัก แล้วก็เริ่มเดินผ่านกระท่อมที่พักบนภูเขาหลายแห่ง และแอบนึกในใจว่า ยังไม่ถึงที่พักที่พวกเราในคืนนี้อีกเหรอ เมื่อไหร่จะถึง เมื่อไหร่จะถึง เมื่อไหร่จะถึง….. บ่นไปในใจตลอดทาง ก็คุณคริสเล่นพาเดินผ่านหน้ากระท่อมไปทีละหนึ่ง ทีละหนึ่ง ทีละหนึ่ง ไอ้เราก็เหนื่อยจะตาย เพราะพอเข้าเส้นทางจากสถานีที่ 7 ไปสถานีที่ 8 เส้นทางเริ่มชันมากๆ มีหินก้อนใหญ่ๆ ต้องปีนบ่ายกันหลายช่วง เราก็ได้แต่ลุ้นว่ากระท่อมต่อไปจะเป็นที่นอนของเรา

พอเริ่มค่ำ (เกือบมืดสนิท) เราก็ได้รับการแจ้งจากคุณคริสว่ากระท่อมข้างหน้าจะเป็นที่พักของเรา โอ้ว! สักทีเถอะ…. Torii-sou เป็นกระท่อมสุดท้ายของสถานีที่ 7 ประมาณ 20 เมตรสุดท้าย ต้องปีนหินขึ้นไปเล็กน้อย แต่กำลังใจในการปีนล้นหลาม เพราะกระท่อมที่พักมันอยู่ตรงหน้าแล้วนี่นา




ที่กระท่อม Torii-sou เป็นเวลาอาหารค่ำพอดี มื้อค่ำบนฟูจินี้จะเน้นอาหารอุ่นๆ ร้อนๆ เพื่อร่างกายของนักปีนเขาซึ่งต้องทนกับความหนาวเย็นบนนี้ ดังนั้นเราจึงได้พบกับเมนูข้าวแกงกะหรี่ (ที่อร่อยที่สุดในโลก… เพราะเหนื่อยและหิวมั้ง) เมนูนี้..ไม่ใช่ของโปรดของเราเท่าไหร่ แต่จัดไป 2 ชาม แถมผักดองอีกพูนๆ

บริเวณโถงสำหรับรับประทานอาหาร จะมีที่นอนยกพื้นอยู่รายรอบ (อารมณ์เหมือนโรงแรมแคปซูล แต่ว่าแต่ละห้องไม่มีผนังกั้นนะ นอนเรียงหน้ากระดานทั้งหญิงชาย) แต่พวกเรากลับถูกพาไปยังหลังเคาน์เตอร์ ซึ่งต้องเดินมุดเข้าไปในซอกลืบอีกหลายเลี้ยว เหลือเชื่อว่ากระท่อมเล็กๆ นี้ จุคนได้มากขนาดนี้ เพราะบริเวณที่เราถูกพาไปมีคนนอนกันอยู่ก่อนแล้วเต็มทุกพื้นที่ คะเนได้เกือบร้อยคน โห… ถ้ารวมกับที่นอนบริเวณโถงที่เรากินข้าวนะ มีสองร้อยกว่าแน่ๆ เราค่อยๆ ย่องตามคนนำทางของเราไปยังจุดที่เราได้รับอนุญาตให้นอน ปรากฏว่าเรา 2 คนได้ที่นอนเป็นซอกในสุด ต้องคลานผ่านคนอื่นๆ ที่นอนอยู่โดยใช้ไฟฉายน้อยๆ ของเราส่อง (อย่าให้โดนคนอื่นนะ เดี๋ยวเขาตื่น) ซึ่งเป็นไฟฉายที่นักปีนฟูจิทุกคนต้องพก หากจะเดินทางกลางคืน พอหาที่นอนเจอปุ๊บเราก็วางเป้ แล้วก็หมุดลงไปนอนทันที คุยกันไม่ได้อยู่แล้ว จะรบกวนคนอื่น ห้องน้ำ..เราขอไม่เข้า เพราะขยาดจากสภาพห้องน้ำที่สถานีที่ 6 อ้อ! คุณคริสบอกว่าเรามีเวลาพักประมาณ 4 ชั่วโมง เราได้เข้านอนตอนประมาณสองทุ่ม ราวๆ เที่ยงคืนเราคงต้องตื่น สรุปว่านอนดีกว่า…


คุณคริสซึ่งคงนั่งงีบอยู่ที่ห้องโถง (หรืออาจจะไม่ได้นอนเลยก็ได้มั้ง) คลานเข้ามาปลุกพวกเราตอนห้าทุ่ม!!! ทำไมเร็วจังอ่ะ ก็ได้คำตอบว่ากรุ๊ปข้างล่างกำลังจะมาถึงที่ Torii-Sou และจะเข้าพักแล้ว เป็นกรุ๊ปใหญ่ด้วย เราจึงต้องรีบตื่น และรีบไปก่อนที่กรุ๊ปหลังๆ ซึ่งเป็นกรุ๊ปใหญ่ๆ ทั้งนั้นจะไล่หลังมาอีก เอาน่ะ… แบ่งๆ กันพัก เราก็ไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่แล้ว อยากปีนให้ถึงยอดเขาไวๆ
ขอกล่าวโดยสรุปไว้ก่อนเลยว่า … เราใช้เวลาเดินทางกลางคืนมากกว่าตอนกลางวันอีก เสื้อกันลม กับไฟฉายเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยนะ
พอออกจาก Torii-Sou มองขึ้นไปด้านบนเป็นกระท่อมแห่งแรกของสถานีที่ 8 แต่.. แต่.. แต่.. ยังไม่ทันไร พอก้าวออกจากกระท่อม Torii-Sou ปั๊บ ถ้ายังง่วงๆ อยู่ ก็ตาตื่นล่ะคร้าาาาา เพราะทางเดินที่เคยเป็นแนวลาดเอียงทั้งหลาย มันกลายเป็นกำแพงก้อนหินขนาดต่างๆ กัน ให้เรา “ปีน” ใช้คำว่า “ปีน” เลยดีกว่า… ปีนกันอย่างจริงๆ จังๆ กันเลยทีเดียว แค่ไม่กี่สิบเมตร หอบแฮ่กๆ เลย ต้องท่องในใจกันใหม่ว่า หายใจ… หายใจ… หายใจ..

พอถึงกระท่อมถัดไป… ซึ่งก็คือสถานีที่ 8 เราขอพักก่อนเลย ฮะ ฮะ หลังจากนั้น… เราก็ขอแวะพักกันเกือบทุกกระท่อม (บริเวณหน้ากระท่อมแต่ละหลัง ส่วนใหญ่จะมีจุดให้นั่งพัก)
เส้นทางที่เหลือก็เป็นประมาณนี้ไปจนถึงสถานีที่ 9 และสถานีที่ 10 ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรา… ความลำบากของจริงนั้นเริ่มตั้งแต่ออกจากกระท่อมที่เราพักนั่นเอง คุณคริสเนี่ยนะ ไม่มีเตือนกันเลย…
พอถึงสถานีที่ 9 นั้น มีทางบรรจบจากเส้นทางเดินขึ้นฟูจิเส้นทางอื่น (อย่างที่บอก..เราใช้เส้นทาง Yoshida Trail) ผู้คนเลยเยอะขึ้นมาจนกลายเป็นการจราจรติดขัด และยิ่งใกล้เวลาพระอาทิตย์ขึ้น ก็ยิ่งมีการเบียดเสียดกัน กรุ๊ปไหนเป็นกรุ๊ปไหน.. มีมั่วชัวร์ แต่เรามีกันสามชีวิต คุณคริสเลยขอกบฏนิดหน่อย เพราะไม่งั้นจะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ทัน …คือบริเวณสถานีที่ 9 เส้นทางขาขึ้นที่พวกเรากำลังเดินกันอยู่ จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่อยู่ใกล้กับเส้นทางขาลงมากๆ คุณคริสพาเดินไปทางนั้น ไม่มีคนเลย สบายสุดๆ ไม่ถึง 20 นาที เราก็ถึงยอดเขา ทันเวลาพระอาทิตย์ขึ้นตอนตีสี่ 16 นาทีพอดี (บรรยากาศราวกับ 07.30 น. ฮะ ฮะ)

ดื่มด่ำกับบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้น (แอบขอพรเล็กน้อย) เดินชมปล่องภูเขาไฟฟูจินิดหน่อย คุณคริสก็บอกว่าต้องลงแล้ว คือ.. เรามีกำหนดการต้องกลับเข้ากรุงโตเกียวในช่วงบ่ายของวันนี้นั่นเอง จึงต้องรีบกันหน่อย






เส้นทางขาลงสนุกมาก… เป็นเส้นทางดินร่วนๆ วิถีการเดินที่ถูกต้องคือเดินลงส้นเท้าก่อนตามที่คุณคริสสอน ใช้ได้ดีทีเดียว เราจึงวิ่งลงมาอย่างสนุกสนาน แซงคุณปู่คุณย่าทั้งหลายลงมาราวกับรถเฟอรารี่ทีเดียว แต่พอถึงสถานีที่ 7 เทียนเกิดอาการเจ็บเข่า คุณคริสบอกว่าเพราะเดินผิดท่า ไม่ค่อยเดินลงส้นเท้า.. คนที่มาปีนฟูจิมักจะเป็นกันเยอะมาก บางรายรักษาไม่หาย ปวดเข่าเรื้อรังกันไปเลย คุณคริสจึงปฐมพยาบาลด้วยอุปกรณ์ล็อกเข่าอย่างง่ายๆ ซึ่งทำให้เดินลำบาก ต้องเดินช้าลง


แต่อย่างไรซะ … ไม่ถึง 09.30 น. พวกเราก็กลับมาถึงสถานีที่ 5 กันอย่างปลอดภัย
หลังจากล้างหน้า ล้างตากันจนสบายตัว คุณอิชิดะก็มารับพอดี ได้เวลา เซย์ บ้าย บาย กับคุณคริสบ้างแล้ว.. คราวนี้ จากนั้นเราก็รีบลงเขา ไปที่โรงแรม Mizu no Hotel (http://www.mzn.co.jp/e_main.htm) เป็นโรงแรมเล็กๆ บรรยากาศดี ที่ทะเลสาบคาวาคูชิโกะ เราไปอาบน้ำแร่ แช่ออนเซนกันจนชุ่มปอด หลังจากไม่ได้อาบน้ำกันมาทั้งคืน แถมยังคลุกฝุ่นมาเต็มตัว (บนฟูจิ มีทั้งดิน ทั้งลูกรัง ฝุ่นเยอะมากๆ ยิ่งคนเดินข้างหน้าเราเยอะๆ ฝุ่นก็ยิ่งเต็มตัวเรา)
ก่อนเที่ยงเล็กน้อย คุณอิชิดะกับเทียนก็มาส่งเราที่สถานีรถบัส คาวาคูชิโกะ กว่าจะล่ำลากันได้ … เสียใจอยู่เหมือนกัน ทั้งคู่น่ารักมาก จากนั้นเราก็นั่งรถบัส กลับโตเกียว พักที่โตเกียวอีกหนึ่งคืนที่ Toyoko Inn Shinjuku ช้อปปิ้งของฝากเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ

ทริปปีนฟูจิในฝัน.. ก็ประสบความสำเร็จลงได้ ด้วยความช่วยเหลือจากหลายฝ่าย แม้สัปดาห์แรกจะวุ่นๆ อยู่กับการพากองถ่ายรายการทีวีตะเวรทั่วกรุงโตเกียว แต่ก็เป็นช่วงที่สนุกช่วงหนึ่ง (แม้จะเหนื่อย) เหมือนกัน ส่วนทริปปีนฟูจินั้น ยกความดีให้ทั้งคุณอิชิดะ เทียน และคุณคริส จากการส่งเสริมของทางการจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi Prefectural Government) และองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ขอบคุณนะคะที่ทำให้ฝันเป็นจริง _/\\_
แล้วพบกันใหม่ในทริปต่อๆ ไปค่ะ ^^
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยว SETOUCHI (4) : อำลา Tottori ได้เวลาล่องนาวาทะเลในเซโตะ
– เที่ยว SETOUCHI (3) : ท่องโลกแห่งตัวการ์ตูนในจังหวัด Tottori
สนับสนุนโดย :
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูล :
http://www.pref.yamanashi.jp/english/index.html
http://www4.plala.or.jp/TORII
http://www.wifi-rental.jp/
http://subaruline.jp/
http://www.mzn.co.jp/e_main.htm