เรื่องของ ‘สีแบบดั้งเดิม’ ของชาวญี่ปุ่น
เรื่องราวของเราวันนี้เกี่ยวข้องกับ ‘สี’ ค่ะ
สีฟ้าของท้องฟ้า สีแดงของดอกกุหลาบ สีเขียวของใบไม้ และหลากหลายสีสันที่เรารู้จัก แต่นอกจากสีพื้นฐานแล้ว ในโลกนี้ยังมีเฉดสีอีกมาก ทั้งสีแดงอ่อน สีเหลืองอมเขียว สีฟ้าคราม ผสมนี่นิดผสมนั่นหน่อยก่อเกิดเป็นสีแยกย่อยที่มีชื่อเรียกต่างๆ ออกไปอีกมากมาย นอกจากนี้ในแต่ละประเทศหรือแต่ละวัฒนธรรม สีแต่ละเฉดก็มักจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป อย่างบ้านเรา ก็จะมี สีดอกเลา สีแดงชาด สีเขียวก้ามปู สีม่วงดอกตะแบก สีเขียวไข่กา สีงาช้าง สีสวาด สีนาก สีกะปิ ฯลฯ รวมไปถึงประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน ซึ่งตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน ชาวญี่ปุ่นได้พัฒนาคอลเลกชันสีแบบดั้งเดิมของตนเองที่เรียกว่า 伝統色(dentoushoku) ซึ่งยังคงเป็นที่รู้จักและใช้มาจนถึงปัจจุบัน
แน่นอนว่าการรับรู้สีของแต่ละวัฒนธรรมนั้นมีความแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะได้รับอิทธิพลมาจากสิ่งที่อยู่รอบตัว ตั้งแต่เรื่องของภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมภายในและวัฒนธรรมที่ได้รับมาจากต่างประเทศ ตามประวัติศาสตร์ที่ได้มีการบันทึกไว้ในช่วงยุคแรกสุดของญี่ปุ่นซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างข้อเท็จจริงและตำนานความเชื่อได้กล่าวถึงคำศัพท์เกี่ยวกับสีที่เก่าแก่ที่สุด 4 คำในภาษาญี่ปุ่น ได้แก่ 真 /あか(aka) หรือสีแดง , 黒/くろ(kuro)หรือสีดำ , 白/しろ(shiro) หรือสีขาว และ 青/あお (ao) หรือสีฟ้า อย่างไรก็ตาม ได้มีข้อแย้งว่าเดิมทีคำศัพท์เหล่านี้หมายถึง การตัดกันของแสงและความมืด ความชัดเจนและความคลุมเครือ
เมื่อเวลาผ่านไป คำศัพท์เกี่ยวกับสีแบบโบราณเหล่านี้ได้มีการพัฒนาให้มีความหมายถึง สีแดง สีดำ สีขาว สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นคำที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ร่องรอยของ 4 สีดั้งเดิมก็ยังคงสอดแทรกอยู่ในภาษาญี่ปุ่นสมัยใหม่ ทั้งสุภาษิตและนามสกุลส่วนใหญ่ของชาวญี่ปุ่นที่กล่าวถึงสี ก็มักจะมีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ 4 สีนี้
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นนะคะว่าภูมิศาสตร์ก็มีความเกี่ยวข้องกับสีเช่นกัน เนื่องจากชื่อของสีดั้งเดิมในประเทศญี่ปุ่นมักเกี่ยวข้องกับพืชและสัตว์พื้นเมือง โดยเฉพาะสีที่ใช้ทำสีและสีย้อม เช่นคำว่า 茜色 /あかねいろ (akaneiro) ซึ่งเป็นสีย้อมที่ได้จากรากของพืชที่มีชื่อว่า Akane หรืออีกตัวอย่างหนึ่งที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือใช้ก็คือ 小豆色/あずきいろ (azukiiro) หรือสีของถั่วอะซูกินั่นเอง
หรือสีที่ตั้งตามชื่อสัตว์ เช่นหนูหรือ nezumi ซึ่งใช้เพื่อแสดงโทนสีเทา อย่างสีเทาอมม่วง ぶどうネズミ(budou nezumi หรือ หนูองุ่น) 藤ネズミ/ふじねずみ (fuji nezumi หรือ สีเทาอมม่วงอ่อน) 柳鼠/やなぎねずみ(yanagi nezumi หรือสีเทาอมเขียวอ่อน) และ 茶鼠/ちゃねずみ (cha nezumi หรือสีเทาอมน้ำตาลอ่อน)
นอกจากเรื่องของภูมิศาสตร์แล้ว วัฒนธรรมภายในก็ถือเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสีของญี่ปุ่นได้เช่นเดียวกัน โดยจุดเริ่มต้นระบบสีแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นสามารถย้อนไปถึงปี 603 เมื่อเจ้าชายโชโตโกะได้มีการจัดระบบทางสังคม โดยกำหนดยศตามความดีความชอบ และมีการใช้สีบางสีเป็นสัญลักษณ์แสดงยศในสังคม เช่น
ในระบบนี้ มีสีต้องห้าม หรือที่เรียกว่า 禁色/きんじき(kinjiki) ซึ่งเป็นสีที่มีเพียงข้าราชการระดับสูงเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้สวมเสื้อคลุมสีเหล่านี้ ตัวอย่างนี้เป็นสี Ootan ซึ่งสงวนไว้อย่างเคร่งครัดสำหรับการใช้โดยชนชั้นสูงของญี่ปุ่น ในทางกลับกัน จะใช้สี 許色ゆるしいろ (yurushiiro) หรือสีที่อนุญาตให้ใช้สำหรับชาวบ้านทั่วไปนั่นเอง
อีกช่วงหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของสีในประเทศญี่ปุ่น นั้นก็คือสมัยเฮอัน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 794 ถึงปี ค.ศ. 1185 ยุคนี้ถือเป็นจุดสูงสุดของราชสำนักญี่ปุ่นและเป็นที่รู้จักในด้านศิลปะโดยเฉพาะในด้านบทกวีและวรรณกรรม ผลงานที่เด่นๆ ในยุคนี้ เช่น The Tale of Genji รวมไปถึงกวีนิพนธ์อื่นๆ ที่มีการใช้ชื่อสีและคำอธิบายมากมายสอดแทรกไว้ในผลงานเหล่านี้
ในส่วนของวัฒนธรรมจากภายนอก ซึ่งเป็นปัจจัยประการที่ 3 ที่มีอิทธิพลต่อเรื่องของสีในประเทศญี่ปุ่นนั้น หากจะกล่าวง่ายๆก็คือ วัฒนธรรมเกี่ยวกับสีที่เกิดขึ้นได้ถูกส่งผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศจีนและเกาหลี ถือได้ว่ามีอิทธิพลอย่างมากต่อสีแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นในช่วงต้นประวัติศาสตร์ ซึ่งได้แทรกซึมเข้ามาผ่านแนวคิดทางศาสนาและการเมือง ต่อมาในยุคเมจิ ได้มีการเกิดขึ้นของสีใหม่อีกจำนวนมากในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสาเหตุหลักๆก็มาจากสีเคมีที่ถูกนำมาใช้ผ่านการค้ากับประเทศตะวันตก
ยกตัวอย่าง ในปี 1860 ภรรยาของนโปเลียนที่ 3 จักรพรรดินียูจีนี (1826-1920) ได้สร้างสีย้อมแบบใหม่ที่เรียกว่า aniline (アニリン) โดยการอวดรองเท้าบูททหารสีแดงเพลิงของเธอต่อสาธารณชน ส่งผลให้ไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มผู้ประกอบการชาวเยอรมันได้นำสีย้อมชนิดใหม่ที่ทันสมัยเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น
นอกจากเรื่องของสีที่เป็นสิ่งบ่งชี้ระดับของชนชั้นทางสังคมในยุคหนึ่งแล้ว สีต่างๆยังมีความเกี่ยวข้องเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับเรื่องของวัฒนธรรม และประเพณีด้วย เช่น หลายประเทศมักจะให้สีดำเป็นสีแห่งความมืดมด ความเศร้าโศก ความตาย ในส่วนของประเทศญี่ปุ่นก็เช่นกัน สีหลายๆสีมักเป็นตัวแทนและเกี่ยวข้องกับความเชื่อ อย่างสีแดงนั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของอำนาจและความมั่งคั่ง เช่น ดาบของซามูไรที่มีฝักสีแดง หวีประดับสีแดง หรือเกี่ยวกับเรื่องของศาสนา ที่เห็นชัดคือ เสาโทริอิสีแดงของศาลเจ้าชินโต หรือตามธรรมเนียมเก่าแก่ ที่หญิงสาวของศาลเจ้าจะสวมชุดฮากามะสีแดง
ส่วนสีขาวที่เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์นั้น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์มักจะมีเชือกชิเมนาวะที่ประดับด้วยชิเดะสีขาว หรือการโรยด้วยก้อนกรวดหรือทรายสีขาว
สีดำแสดงถึงความมีเกียรติและเป็นทางการ และใช้สำหรับเสื้อคลุมของพระสงฆ์ เช่นเดียวกับ 紋付/もんつき (montsuki) เครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิมสำหรับผู้ชาย ที่เป็นสัญลักษณ์ของครอบครัว
ส่วนสีฟ้าหรือสีน้ำเงินนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นที่นิยมในการนำมาใช้เป็นสีสำหรับงานเซรามิกหรือเครื่องเคลือบดินเผา (染付Sometsuke ) รวมไปถึงงานวิจิตรศิลป์อย่าง ภาพพิมพ์แกะไม้ 藍摺 (aizuri-e) นอกจากนี้สีน้ำเงินยังเป็นพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมย้อมครามที่รุ่งเรืองในชิโกกุในสมัยเอโดะอีกด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่สีได้เข้ามามีอิทธิพลนั่นก็คือเครื่องแต่งกายประจำชาติที่ใครๆ ก็รู้จักอย่างกิโมโน สีที่แสดงบนชุดกิโมโนไม่ใช่การเลือกใช้สีแบบสุ่ม แต่ละชิ้นที่นำมาประกอบเป็นกิโมโนล้วนผ่านการคิดและพิจารณาอย่างรอบคอบ แม้ทุกวันนี้เราจะสามารถเลือกซื้อเลือกใส่กิโมโนได้หลากหลายสีสันตามต้องการ แต่ในอดีต เกอิชาซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่สวมใส่ชุดกิโมโนเป็นประจำนั้น ก็มีขนบในการแต่งกายตามสีแต่ละเดือนเช่นเดียวกัน (นึกถึงคนไทยสมัยก่อนที่นิยมใส่เลือกสีของชุดตามวัน)
แม้ว่าปัจจุบันเรื่องของ สี จะหลากหลายและเพิ่มทางเลือกแก่ผู้ใช้งานมากขึ้น แต่เรื่องราววัฒนธรรมของสีแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นก็ยังคงได้รับการสืบทอดและนำมาประยุกต์ใช้ในงานต่างๆอยู่เสมอ สำหรับใครที่สนใจก็สามารถดูสีเพิ่มเติมพร้อมกับคำอธิบายของชื่อแต่ละสีได้ที่ http://www.studio-mana.com/ippuku/dentousyoku/dentousyoku_shikisou.html ค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– ชวนส่อง งานศิลป์แสนละมุนของ Ippan Nakamura
– Bio c’ Bon ซูเปอร์มาร์เก็ตรัก(ษ์)โลก
– ชวนชม HIDARI งานสต๊อปโมชันจากหุ่นไม้สุดเจ๋ง
– ต้อนรับวันแห่งความรักกับหลากหลายเมนูจากช็อกโกแลต
– ชวนส่อง : สารพัดข้าวกล่องแฟนซีสุดเก๋
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
– https://www.tofugu.com/japan/color-in-japan/
– https://www.i-iro.com/dic/
#เรื่องของ ‘สีแบบดั้งเดิม’ ของชาวญี่ปุ่น