หากตอนนี้กำลังรู้สึกเฉาๆ เหมือนจะหมดไฟ หรือกำลังค้นหาสิ่งที่รักและอยากทำ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เข้ามาสร้างแรงบันดาลใจให้มีไฟอยากลุกขึ้นมาทำสิ่งที่รัก กับซีรีส์เรื่อง Unicorn ni Notte ซีรีส์แนวธุรกิจ Start-up ของฝั่งญี่ปุ่น
หากตอนนี้กำลังรู้สึกเฉาๆ เหมือนจะหมดไฟ หรือกำลังค้นหาสิ่งที่รักและอยากทำ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เข้ามาสร้างแรงบันดาลใจให้มีไฟอยากลุกขึ้นมาทำสิ่งที่รัก กับซีรีส์เรื่อง Unicorn ni Notte ซีรีส์แนวธุรกิจ Start-up ของฝั่งญี่ปุ่น
เรื่องราวของหญิงสาววัย 20 กว่าๆ ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพแนวการศึกษาขึ้นมากับเพื่อนๆ แต่เรื่องของสตาร์อัพไม่ได้หมายถึงเป็นเรื่องของวัยหนุ่มสาวเสมอไป ในทีมที่เต็มไปด้วยคนหลากหลายวัย หลากหลายความสามารถ ที่กำลังมุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน ซีรีส์แนวสตาร์ทอัพของฝั่งญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไร น่าสนใจขนาดไหน ตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ
Unicorn ni Notte ปลุกไฟให้ลุกมาทำสิ่งที่รัก และมีความหมาย
สำหรับเรื่องราวของซีรีส์เรื่อง Unicorn ni Notte ก็เริ่มจาก “ซานะ นารุคาว่า” (รับบทโดย เมย์ นากาโนะ) CEO สาววัย 26 ปี ที่มีแรงบันดาลใจอยากเปลี่ยนวงการการศึกษาให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีต้นทุนในชีวิตเท่าไหร่ก็ตาม เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงได้ เธอเลยไปชวน “โค ซุซากิ”(รับบทโดย โยสุเกะ ซุกิโนะ) และ “จิโร่ คุริกิ” (รับบทโดย โค มาเอะฮาร่า) ที่รู้จักกันโดยบังเอิญ มาร่วมกันก่อตั้ง บริษัทสตาร์อัพ “Dream Pony” ที่สร้าง application เพื่อการศึกษา
ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แต่เมื่อผ่านไป 3 ปี บริษัทก็ต้องเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ รายได้ลดลง ยอดจำนวน App Download ลดลงอย่างน่าแปลกใจ ทำให้ทุกคนตัดสินใจอยากจะเปลี่ยนแปลงบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้าให้ได้ ด้วยการรับสมาชิกทีมคนใหม่
นั่นก็คือ “ซาโตชิ โคโตริ” (รับบทโดย ฮิเดโตชิ นิชิจิมะ) ชายวัย 48 ปี อดีตนักงานธนาคารยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ตัดสินใจลาออกจากงาน และมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับบริษัทสตาร์ทอัพที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานด้านนี้มาก่อน แต่ด้วย Mindset บางอย่าง ทำให้เขาถูกซานะรับเลือก ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือ “ไคโตะ โมริโมโตะ” (รับบทโดย เรียวตะ บันโดะ) เด็กหนุ่มที่มีความสามารถด้าน Programing ที่ด้วยความสามารถของเขา ทำให้ทุกคนในทีมปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่รับเขามาทำงาน
เมื่อทีม Dream Pony ได้สมาชิกมาครบแล้ว พวกเขาก็เริ่มกันพาเดินทางไปในโลกธุรกิจการศึกษาอีกครั้ง ดูเหมือนน่าจะเป็นไปด้วยดี แต่การทำธุรกิจในยุคสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ซานะและทีมยังต้องเจออุปสรรคมากมายที่คาดไม่ถึง แต่สิ่งนี้ได้เข้ามาสอนให้พวกเขาได้เติบโตขึ้น และค้นพบสิ่งที่รักในชีวิต
สิ่งที่น่าสนใจ
1. เรื่องราวธุรกิจ Start-up แนวการศึกษา
จุดชูโรงของซีรีส์เรื่องนี้เลยก็คือ เรื่องราวของธุรกิจ Start-up ที่เจาะลึกในธุรกิจการศึกษาค่ะ ที่เล่าถึงวิธีการทำงานว่า ทีมสตาร์ทอัพทำงานกันอย่างไรบ้าง และถ้าจะทำธุรกิจด้านการศึกษา ต้องมองในมุมไหนบ้าง รวมถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจ ซึ่งความท้าทายในเรื่องนี้ก็คือ ธุรกิจที่นางเอกเลือกทำ ค่อนข้างสร้างผลกำไรได้ยาก และดึงดูดนักลงทุนได้ยากด้วย เพราะมักมองไม่เห็นว่า แล้วธุรกิจจะโตได้อย่างไร ในเมื่อเราอยากให้ทุกคนเข้ามาเรียนกันได้แบบฟรีๆ (Vision ของบริษัทคือ อยากลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เลยอยากทำ Application ที่ทุกคนเข้าไปเรียนกันได้ฟรีๆ ค่ะ) เราก็จะได้เห็นกลยุทธ์ทางธุรกิจแบบต่างๆ ที่มาช่วยผลักดันให้บริษัทนางเอกรอดจากวิกฤต และสิ่งสำคัญไม่แพ้เรื่องงานเลยก็คือ เรื่องคน การรวมตัวของคนที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน และต้องพอกันเดินไปให้ได้ตลอดรอดฝั่งไม่ใช่เรื่องง่าย พอดูแล้วก็ได้แรงบันดาลใจทั้งในมุมการทำธุรกิจและการพัฒนาวงการศึกษาไปในตัวเลยค่ะ
2. สะท้อนเรื่องความแตกต่างกันเรื่อง Generation
ความน่าสนอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ซีรีส์เรื่องนี้ได้สะท้อนเรื่องความแตกต่างทางด้าน Generation ด้วย (Generation Gap) ตัวละครหนึ่งที่เด่นไม่แพ้พระ-นางของเรื่องนี้เลยก็คือ “ซาโตชิ โคโตริ” (รับบทโดย ฮิเดะโทขิ โคโตริ) ชายวัย 48 ปี ที่ตัดสินใจลาออกจากการเป็นนายธนาคารบริษัทยักษ์ใหญ่ มาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับบริษัทสตาร์ทอัพ ที่เขาต้องมาทำงานที่ทั้งไม่ถนัด และกับกลุ่มคนวัย 20 ต้นๆ ซึ่งอายุห่างกับเขาประมาณ 20 กว่าปี อีกทั้งต้องมาอยู่ใน Culture ที่ไม่คุ้นชินเลยสักนิด จากที่ใช้แต่กระดาษทำงาน ก็ต้องมาใช้เทคโนโลยีในการทำงาน และอีกจุดหนึ่งก็คือ เป็นครั้งแรกที่เขามีหัวหน้าอายุน้อยกว่ามากๆ แต่นั่นกลับไม่ใช่อุปสรรคของโคโตริเลย
เขากลับมองว่า นี่คือ New Journey ต่างหาก ตอนเด็กๆ เราจะหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากผู้ใหญ่ แต่พอเราเติบโตขึ้น บางทีไฟมันก็จะเริ่มมอดๆ อยากจะหาอะไรใหม่ๆ มาเติมให้ชีวิตเหมือนกัน ซึ่งบางครั้ง พวกเด็กๆ ก็เป็นฝ่ายที่มอบพลังและมุมมองใหม่ๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนได้เช่นกัน และการลงมือทำตามอุดมการณ์และสิ่งที่ฝันอย่างตั้งใจ จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ แน่นอน
3. เนื้อเรื่องผสมแนวความรักให้ใจชื้นขึ้นบ้าง
แม้จะเป็นซีรีส์แนวธุรกิจ แต่ก็ไม่ใช่แนวอาชีพจ๋า ทำแต่งานอย่างเดียวนะคะ ในเรื่องก็ยังมีเรื่องราวความรักเข้ามาผสมอยู่บ้าง พอให้หัวใจชุ่มชื้น อย่างความรักระหว่าง “ซานะ” กับ “โค” ที่ทำงานด้วยกันมานาน แต่ต่างคนต่างไม่เปิดเผยความรู้สึกดีๆ ที่มากกว่าเพื่อนออกไปได้
ในขณะเดียวกัน ความอบอุ่นของโคโตริก็กลับทำให้ซานะรู้สึกหวั่นไหวเหมือนกัน ก็เอาเป็นว่า ในเรื่องนี้ก็ยังพอมีเรื่องราวความรักมาให้คนดูได้ลุ้นๆ แบบไม่น่ารำคาญ ไม่ได้เทมาทางที่ความรักมากเกินไปยังคงคอนเซ็ปต์แนวการทำงาน พร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตเป็นหลัก
4. ปลุกไฟในตัวให้อยากลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่รัก
ความน่าประทับใจของเรื่องนี้เลยก็คือ เป็นเรื่องที่ดูแล้ว ปลุกพลังใจในการทำงานมากๆ ค่ะ หรือเคยไหมคะ กับความรู้สึกอยากทำอะไรใหม่ๆ แต่ก็ยังกลัว ซึ่งเรื่องนี้จะมาช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ทั้งในมุมให้รู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่เป็นและในสิ่งที่ทำอยู่ รวมถึงกล้าให้ออกไปเผชิญสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิต แม้จะเป็นสิ่งที่อยู่นอก Comfort Zone
“ผมคิดว่าความกลัวเองก็เป็นรสชาติหนึ่งของชีวิตครับ
การที่เรากลัว แสดงว่าตอนนี้เรากำลังลองท้าทายอะไรใหม่ๆ อยู่ครับ
ตอนนี้กลายเป็นว่า ทุกวันน่าตื่นเต้น อย่างกับอยู่ในสวนสนุกเลย”
นี่ก็คือเรื่องราวของซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Unicorn ni Notte ซีรีส์แนวสตาร์ทอัพของฝั่งญี่ปุ่นค่ะ ที่ถ่ายทอดออกมาในสไตล์ญี่ปุ่น สะท้อนปัญหา ความยากลำบากที่ไม่ได้ใกล้กว่าชีวิตจริง ในขณะเดียวกันก็ผสมผสานความละมุนและอบอุ่นไปในตัว ใครอยากปลุกแรงบันดาลใจในตัว แนะนำซีรีส์เรื่องนี้เลยค่ะ
สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับละครญี่ปุ่น และพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ทาง FB: Sakura Dramas
เรื่องแนะนำ :
– No Passion ซีรีส์ญี่ปุ่น แม้ไม่ได้ทำงานที่ฝัน แต่ก็หลงรักงานที่ทำระหว่างทาง
– 4 ซีรีส์ญี่ปุ่น ปลุกไฟ “ธุรกิจ” ในตัวคุณ ให้อยากลุกมาทำอะไรใหม่ๆ
– แนะนำ 5 ซีรีส์ญี่ปุ่น สำหรับคนไม่มีเวลา ตอนละไม่เกิน 30 นาที
– รีวิว Shoujiki Fudousan นายอสังหาฯ ที่โกหกลูกค้าไม่ได้
– Hanasaki Mai ga Damatte Inai ถ้ามีเรื่องไม่ชอบมากล ฉันจะไม่เงียบ
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก:
– https://asianwiki.com/Riding_a_Unicorn
– https://mdpr.jp/drama/
– https://trilltrill.jp/
– https://tvfan.kyodo.co.jp/
– https://www.oricon.co.jp/
#รีวิวซีรีส์ญี่ปุ่นแนว Start-up: Unicorn ni Notte