จากฮอกไกโดมุ่งหน้าสู่อิบารากิ และชิบะ …ในครั้งนี้จะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปเดินเล่นปล่อยกาย สบายอารมณ์กันกับเมืองริมแม่น้ำของญี่ปุ่นเค้า ที่เรียกกันว่า “ซุยโกสามเมืองริมน้ำ (suigosanto)” ได้แก่เมืองคาชิมะ (Kashima) เมืองอิตาโกะ (Itako) ในจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) และเมือง คาโทริ (Katori) จังหวัดชิบะ (Chiba) ซึ่งเป็นเมืองริมน้ำที่บรรยากาศแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น รอช้าอยู่ใยไปเที่ยวกันเลย!
เรียบเรียงโดย : ทีมงาน www.marumura.com
ติดตามตอนที่ 1 >> นั่งเฟอร์รี่เก็บครบในคราวเดียว!! จากฮอกไกโดมุ่งหน้าสู่อิบารากิ และชิบะ (1)
ติดตามตอนที่ 2 >> นั่งเฟอร์รี่เก็บครบในคราวเดียว!! จากฮอกไกโดมุ่งหน้าสู่อิบารากิ และชิบะ (2)
ว้าาาาาาาาาาาา มาถึงตอนสุดท้ายแล้วที่จะได้พาเพื่อนๆ ไปเที่ยวด้วยกันในทริปนี้
ในครั้งนี้จะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปเดินเล่นปล่อยกาย สบายอารมณ์กันกับเมืองริมแม่น้ำของญี่ปุ่นเค้า ที่เรียกกันว่า “ซุยโกสามเมืองริมน้ำ (suigosanto)” ได้แก่เมืองคาชิมะ (Kashima) เมืองอิตาโกะ (Itako) ในจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) และเมือง คาโทริ (Katori) จังหวัดชิบะ (Chiba) ซึ่งเป็นเมืองริมน้ำที่บรรยากาศแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น รอช้าอยู่ใยไปเที่ยวกันเลย!
Kashima
การเดินทางไปคาชิมะนั้นก็มีให้เลือกหลากหลายทางทั้งจะขับรถชิลๆ จากเมืองมิโตะ (Mito) ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือสำหรับใครที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรถไฟ ก็กระโดดขึ้นรถไฟ The Kashima Rinkai Railway ที่สถานีมิโตะ (Mito station) นั่งเพลินๆ ไป 80 นาทีลงที่สถานีคาชิมะ จินกุ (kashima jingu station) และถ้าพูดถึงไฮไลท์ของเมืองคาชิมะ ก็คงต้องคิดถึงศาลเจ้าคาชิมะจินกุ (Kashima-jingu Shrine)
【ศาลเจ้าคาชิมะจินกุ / Kashima-jingu Shrine】
เมื่อเดินมาถึงประตูทางเข้าศาลเจ้าจะพบกับประตูสีแดงสดขนาดใหญ่สวยงามตระการตา และที่ศาลเจ้าแห่งนี้ก็เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งศิลปะการต่อสู้และชัยชนะจึงเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
เมื่อเดินเล่นกันมาสักพักท้องก็ร้องประท้วง ทำให้คิดได้ว่าควรเติมพลังงานกันซักหน่อยแล้วไม่ทันที่จะคิดจบหางตาก็เหลือบไปเห็นร้านสไตล์ญี่ปุ่นที่มีป้ายผ้าหน้าร้านพร้อมตัวอักษรที่อ่านได้ว่า “Hitoyasumi” ซึ่งตั้งอยู่ภายในศาลเจ้าคาชิมะจินกุเลย จะรออะไรหละรีบพุ่งตัวตามแรงดึงดูดไปที่ร้านกันเถอะ!
เข้ามาในร้านทิ้งตัวนั่งปั๊บไม่รอช้า ถามหาเมนูแนะนำทันทีตามวิถีสายรับประทานแบบเราๆ ที่นี่เมนูอาหารเค้ามีความเป็นญี่ปุ่นและเน้นว่าต้องดีต่อสุขภาพด้วยไม่ว่าจะ โซบะโฮมเมด, มิตาราชิดังโงะย่างไฟ, เครื่องดื่มเฉพาะของที่นี่, อาหารที่ใช้มิโซะ, ถั่วแดงกวนและน้ำซุปดาชิที่ทำโดยใช้น้ำที่เรียกว่า “น้ำฤดูใบไม้ผลิของการมีอายุยืนยาว” เรียกได้ว่าแต่ละเมนูนี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืนกันขนาดนี้ ถ้างั้นก็สั่งอาหารกันเลย และเตรียมพร้อมทุกวินาทีที่จะพูดคำว่า ทานแล้วนะคะ!
【Kashima Soccer Stadium / Museum】
ถ้าพูดถึง เมืองคาชิมะ ฟุตบอลคืออีกหนึ่งของดีเค้าแหละค่ะ คาชิมะเป็นบ้านของทีมฟุตบอลญี่ปุ่น ทีม “Kashima Antlers” และยังมีสนามฟุตบอลอีกด้วย ในวันที่มีการแข่งขันอื่นๆ ที่สนามหรือวันที่ไม่มีการแข่งขันเค้าก็เปิดให้ทุกๆคนเข้าไปไม่ว่าจะเที่ยวชม เดินเล่น เดินสวนสนาม เดินแคทวอล์ก อะไรก็แล้วแต่ที่คุณๆจะสบายใจกันเลย และมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงทั้งยูนิฟอร์มและถ้วยรางวัลแชมป์ให้เพื่อนๆ ได้สัมผัสกับของจริงกันไปเลย
Itako
เกาะบ่าให้ดีๆ อย่าแตกแถวเดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง ไปต่อกันเลยที่ อิตาโกะ (Itako)
ขับรถชิวๆชมนกชมไม้จากคาชิมะมาประมาณ 20 นาทีถือว่าอยู่ใกล้กันมาก แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าบรรยากาศโคตรจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไฮไลต์ของที่นี่ต้องพูดเลยว่าเค้าคือดินแดนแห่งดอกอายาเมะ
【อิตาโกะ อายาเมะ มัตซึริ/ itako ayame festival】
มาจ้าคุณๆเชิญเช็ควันเวลาจัดงานเค้าก่อนจะไปชมความงามกันนะจ๊ะ สำหรับเทศกาลอิตาโกะ อายาเมะ มัตซึริ ปกติแล้วจะจัดขึ้นในช่วง ปลายเดือนพฤษภาคม ถึง ปลายเดือนมิถุนายน ในทุกๆปี สำหรับปีนี้จะจัดในวันที่ 27 พฤษภาคม – 25 มิถุนายน 2017 และปีนี้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดจะเป็นวันที่ 10 มิถุนายน 2017
ในงานเทศกาลอิตาโกะ อายาเมะ มัตซึริ นอกจากดอกไม้ตระการตาแล้วพี่เค้ายังไม่พอใจกับความอลังจึงจัดอีกหนึ่งความงามที่คิดว่าเพื่อนๆทุกคนไม่ควรพลาดอย่าง “ขบวนเรือแต่งงาน” เน้นๆ ไปเลยกับความงามของวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เชื่อว่าเพื่อนๆ คงไม่สามารถไปเดินพบได้ตามที่ทั่วไปแน่ๆ บอกกันขนาดนี้แล้วถ้าพลาดนะจะตีให้!
แน่นอนว่า ไม่ใช่แค่งานเทศกาลเท่านั้นที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเราได้ สายรับประทานอย่างเราๆ เมื่อเปลี่ยนเมืองแล้ว ก็ต้องตามล่าหาขุมทรัพย์อาหารแสนอร่อยกันต่อไป ได้ยินแว่วๆมาว่า นิชิคุระเซมเบ้ทำมือย่าง เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่
【นิชิคุระเซมเบ้ทำมือย่าง/ Nishikura Rice Crackers shop】
ทางร้านใช้ข้าวที่ปลูกในท้องถิ่นและซอสถั่วเหลืองสูตรพิเศษอบกันชิ้นต่อชิ้น และแน่นนอนว่าในส่วนเรื่องกลิ่นนั้น…ทะลุทะลวงโซนประสาทการรับกลิ่นและที่ตามมาคือกระเพาะอาหารที่ก่อม็อบกันรุนแรงมาก ไม่ไหวแล้วพี่น้อง ขอตัวไปจัดการสลายม็อบก่อน ขอแถมอีกนิดทางร้านเค้ามีกิจกรรมที่ทุกคนจะได้แสดงฝีมือทำเซมเบ้ด้วยมือของคุณเอง แต่ต้องรบกวนทุกๆ คนจองล่วงหน้าซักหน่อยนะ
คาโทริ (ซาวาระ) Katori(Sawara)
มาถึงแล้วสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดท้ายของทริปนี้ของเรา เมืองซาวาระ!
เมืองซาวาระ ที่เราๆเรียกกันจริงๆ แล้วเนี่ยนะมันคือเมืองคาโทริ แต่ด้วยความที่พวกเราเรียกกันว่า ซาวาระ จนติดปาก เลยถ้าพูดว่า ซาวาระ คนไทยก็จะเข้าใจกันง่าย การเดินทางมาซาวาระนั้น สามารถตรงมาจากสนามบินนาริตะได้ทันทีโดยขึ้น รถไฟ JR จากสถานีนาริตะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที นอกจากนี้ยังมีรถบัสตรงจากสถานีโตเกียว Yaesu South Exitใช้เวลาประมาณ 90 นาที เป็นไงหละเราสามารถเดินทางจากฮอกไกโดและจบทริปที่โตเกียวได้ในเวลาไม่นานใช่มั๊ยหละ!
【Sawara streets】
หากให้พูดถึงไฮไลท์ของซาวาระ ก็คงเป็นตัวเมืองซาวาระที่อยู่คู่กับริมน้ำที่สวยงามและถนนที่จะทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปสมัยเอโดะ อย่ารอช้าเราจะพาเพื่อนๆ ไปนั่งเรือล่องแม่น้ำโอโนะ (Onogawa) ชิวๆชมบรรยากาศรอบๆ เมืองกันเลย ลงเรือมาปุ๊บก็ต้องตื่นเต้นกับความใส่ใจของเค้ามากๆ เพราะในเรือมีหลังคาเตรียมไว้สำหรับวันที่ฝนตกและที่ตื่นเต้นกว่านั้นคือ โคทัตสึ ที่เตรียมไว้เพื่อให้ความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาว พูดได้ว่าไม่ว่าสภาพอากาศแบบไหนเพื่อนๆก็สามารถที่จะสนุกสนานไปกับการล่องเรือได้แน่นอน! และเชื่อเลยว่าใครที่มาซาวาระแล้วพลาดการล่องเรือนี่คงมีน้อยมากๆ
【ร้านอินาเอะ/Inae】
หลังจากทั้งเดินเล่นในตัวเมืองและนั่งเรือเล่นกันหนำใจแล้วก็พักกันสักหน่อย เลยตั้งใจจะพาเพื่อนๆ มาร้าน อินาเอะ (Inae) เป็นร้านกาแฟที่ทันสมัยแต่ได้ผสมผสานความเป็นเมืองเก่าเอาไว้ด้วยกัน ภายในร้านมีความพิเศษที่ Gallery และ Shop ขายของที่ระลึก นั่นเชื่อมต่อกันเพื่อนๆสามารถเดินชมงานศิลป์สร้างความสุนทรีได้และเมื่ออยากพักสมองขอแนะนำให้เดินมาที่บริเวณ Shop ขายของที่ระลึก เพื่อนๆก็จะพบกับของที่ระลึกที่ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน
สำหรับเพื่อนๆ ที่มาในช่วงอากาศร้อนสักหน่อย ขอแนะนำ เมนูน้ำแข็งไส!น้ำแข็งใสปุยๆ ราดน้ำเชื่อมที่ทำจากผลไม้ เช่น สตรอเบอร์รี่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นรสชาติพิเศษเฉพาะที่นี่เท่านั้น
ทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมด 9 วัน เริ่มเดินทางจากเหนือสุดของญี่ปุ่นมาจนถึงตอนกลาง นอกจากนี้การเดินทางตลอดทั้งทริปของเราไม่ได้ใช้ทั้งเครื่องบินหรือชินคันเซน เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางแบบใหม่ที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว การเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่จึงถือว่าเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่สนุกรูปแบบใหม่ที่อยากแนะนำให้เพื่อนๆ มาลองกัน!
รายละเอียดสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ตลอดการเดินทางครั้งนี้ เราได้รวบรวมทำเป็นหนังสือเล่มเล็ก กระจายวางไว้ให้เพื่อนๆตามบริษัททัวร์และร้านหนังสือ (*ระยะเวลาจนกว่าของจะหมด) เพื่อนๆจะได้ทราบรายละเอียดและการแนะนำสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม เชิญมาหยิบกันได้เลยนะ!
<Information>
【ศาลเจ้าคาชิมะจินกุ / Kashima-jingu Shrine】
ที่อยู่ : Kashima City Imperial Palace 2306-1
การเดินทาง : เดิน 10 นาทีจากสถานี JR Kashima Shrine
วันหยุด : No holiday (temporary closed)
ที่จอดรถ : 60 cars, 55 cars free
Hitoyasumi (ภายในศาลเจ้าคาชิมะจินกุ)
เวลา : 9.30 น. จนถึงเวลาพระอาทิตย์ตก
【Kashima Soccer Stadium】
ที่อยู่ : Kashima-shi, Jinkoji, 26-2
การเดินทาง : Kashima Rinkai Railway Kashima Football Stadium Station เดิน 2 นาที (รถไฟจะจอดเฉพาะวันที่มีการแข่งขัน)
วันหยุด : ไม่มีวันหยุด (อาจมีวันหยุดชั่วคราว)
ที่จอดรถ : 130 คัน
【Suigo Itako Ayame Garden (Suigo Itako Ayame Festival Location)】
ที่อยู่ : Itako-shi, Ayame,1-5
การเดินทาง : จากสถานี JR Itako เดิน 3 นาที
วันหยุด : เข้าได้อิสระ
ที่จอดรถ : ไม่มี
【 นิชิคุระเซมเบ้ทำมือย่าง/ Nishikura Rice Crackers shop】
ที่อยู่ : Itako-shi, Itako, 1086-33
การเดินทาง : 10 minutes on foot from JR Itako Station
วันหยุด : วันปีใหม่
เวลา : 7.00-19.00 น.
ที่จอดรถ : ที่จอดรถสาธารณะ 30 คัน
【Sawara streets (Onogawa sightseeing ship)】
ที่อยู่ : Katori-shi,Sawarai, 1730-3
การเดินทาง : จาก JR Sawara station เดิน 15 นาที
วันหยุด : ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
เวลา : 10.00 – 16.00 น. (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล)
ที่จอด: 29 cars
【ร้านอินาเอะ/Inae】
ที่อยู่ : Katori-shi,Sawarai, 511
การเดินทาง : จากสถานี JR Sawara เดินไป 10 นาที
วันหยุด : วันพุธ
เวลา : 10: 30-17: 00
ที่จอดรถ : ไม่มี
เรียบเรียงโดย : ทีมงาน www.marumura.com
เรื่องแนะนำ :
– นั่งเฟอร์รี่เก็บครบในคราวเดียว!! จากฮอกไกโดมุ่งหน้าสู่อิบารากิ และชิบะ (1)
– นั่งเฟอร์รี่เก็บครบในคราวเดียว!! จากฮอกไกโดมุ่งหน้าสู่อิบารากิ และชิบะ (2)