อิบารากิ (Ibaraki) ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือฤดูใบไม้ร่วงนั้น เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ในฤดูนี้ ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ครั้งนี้เอาไฮไลท์มาแนะนำกันนิดหน่อยค่ะ
อิบารากิ (Ibaraki) ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือฤดูใบไม้ร่วงนั้น เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ในฤดูนี้ ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ครั้งนี้เอาไฮไลท์มาแนะนำกันนิดหน่อยค่ะ มาเริ่มต้นกันที่ที่แรก ที่เป็นสถานที่ที่โดดเด่น แบบว่าไม่พูดถึงไม่ได้ ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค นั่นเอง ^^
ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) ที่นี่มีทุ่งดอกไม้ให้ชมแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล สำหรับในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนั้น ไม่ควรพลาด “พุ่มโคเคีย” ที่ดูเหมือนจะเป็นแค่ไม้พุ่มธรรมดาๆ แต่ขอบอกเลยค่ะ เขาเปลี่ยนสีได้เหมือนต้นโมมิจิ (เมเปิ้ล) เปลี่ยนจากใบสีเขียว เป็นแดง เป็นเหลืองทอง คล้ายๆ กันเลย ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตที่ใครจังหวัดอิบารากิในฤดูนี้พลาดไม่ได้เลยทีเดียว โดยช่วงที่นักท่องเที่ยวจะไปชมพุ่มโคเคียก็คือปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมนั่นเอง ถ้าวันไหนฟ้าใส ท้องฟ้าเคลียร์ บอกเลยว่าพุ่มโคเคียสีแดง ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า ถ่ายรูปออกมา..เลอค่าสุดๆ เลยค่ะ
โคเคีย..จากพุ่มของต้นหญ้า พืชล้มลุกธรรมด๊า ธรรมดา ที่มีอายุสั้นๆ แค่เพียง 1 ปีเท่านั้น แล้วสมัยก่อนก็ยังนิยมนำมาทำเป็นไม้กวาดอีกต่างหาก …กลับกลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งคนญี่ปุ่นเอง และชาวต่างชาติได้ปีละมากมายในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ บอกเลยว่านางเกิดมากๆ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมจะชมพุ่มโคเคียที่ Hitachi Seaside Park (จัดมาให้กันอีกครั้งแบบเน้นๆ)
・ฤดูร้อน : เนินเขาแห่งนี้จะเต็มไปด้วยพุ่มโคเคียสีเขียวสด (เนินเขาที่ปลูกพุ่มโคเคียนี้เรียกว่า “มิฮาราชิโนะโอกะ”)
・ปลายกันยายน-ต้นตุลาคม : ไล่เฉดสี จากสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีแดง
・กลางตุลาคม : พุ่มโคเคียจะเปลี่ยนเนินเขาให้เป็นสีแดงสด และที่ปลายเนินเขาจะยังมีดอกคอสมอสหรือดาวกระจายให้ถ่ายรูปเล่นกันอีกด้วย ช่วยเพิ่มความงดงามให้อีก
・ปลายตุลาคม : พุ่มโคเคียจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ตอนพระอาทิตย์ตกดิน จะได้ฉากที่เจ๋งมากๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://en.hitachikaihin.jp/
และถ้าใครได้มาเยือนอิบารากิในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยเฉพาะในเดือนตุลาคม แนะนำเลยว่าอย่าพลาดไปสักการะพระพุทธรูปปางยืนที่กินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่าสูงที่สุดในโลก! (The Tallest Buddha) คือสูงถึง 120 เมตร หนักตั้ง 4,000 ตัน “พระพุทธรูปอุชิคุไดบุทสึ” (Ushiku Daibutsu) ภายในองค์พระถูกแบ่งออกเป็น 5 ชั้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นลิฟต์ไปชมวิวจากภายในองค์พระได้ที่ความสูง 85 เมตร (ระดับพระอุระ หรือทรวงอกนั่นเอง) และนอกจากตัวองค์พระเองจะเป็นไฮไลท์เด็ดแล้ว ที่บริเวณฐานขององค์พระจะถูกรายล้อมไปด้วยสวนกว้าง ตรงนี้แหล่ะทีเด็ด เพราะในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี ที่นี่จะกลายเป็นทุ่งดอกคอสมอส (ดอกดาวกระจาย) ที่ทำให้บริเวณรอบองค์พระนั้นงดงามราวกับแดนสุขาวดี ตามคอนเซ็ปที่ผู้สร้างองค์พระนี้ต้องการเลยจริงๆ แถมที่น่าเดินทางได้สะดวก โดยนั่งรถไฟสาย JR Joban มาลงที่สถานีอุชิคุได้เลย ง่ายมากๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://thai.ibarakiguide.jp/db-kanko/ushiku_daibutsu.html, http://daibutu.net/ (ภาษาญี่ปุ่น)
อีกหนึ่งจุดที่อยากให้นักท่องเที่ยวชาวไทย ได้มีโอกาสไปเยือนดูสักครั้ง นั่นก็คือ น้ำตกฟุคุโรดะ (Furukoda Falls) ที่นี่เป็นหนึ่งในสามน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น เป็นน้ำตก 4 ชั้น ที่มีสายน้ำไหลผ่านหน้าผาหินไล่ระดับกันลงมา ซึ่งที่จริงแล้ว สวยทุกฤดู
… แต่ในฤดูใบไม้ร่วง ทั้งฉากหน้า ฉากหลังของน้ำตก เป็นต้นเมเปิ้ล และต้นไม้ผลัดใบอีกหลายชนิดที่กำลังเปลี่ยนสี พอถ่ายรูปคู่กับน้ำตกฟุคุโรดะแล้วววว งดงาม งดงาม งดงาม บอกได้แค่นี้ต้องลองไปดูกันเองค่ะ ฮ่าๆ
ขอแถมอีกสักหนึ่งจุด นั่นคือสะพานแขวนริวจิน (Ryujinkyo) สะพานที่ถูกสร้างอยู่เหนือเขื่อนริวจิน ความยาว 375 เมตร ขอบอกว่าเป็นสะพานแขวนสำหรับคนเดิน ที่ยาวที่สุดในเกาะฮอนชูเลยนะจ้ะ แล้วก็เช่นเดียวกับน้ำตกฟุคุโรดะ คือสวยทุกฤดู
แต่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีงี้ ก็จะมีใบไม้สีส้มแดง เป็นฉากให้เราถ่ายคู่กับสะพาน เป็นความแปลกแยกที่เข้ากั้นเข้ากันเลยนะ คือสวยอ่ะ การเดินทางแถบนี้ต้องใช้บริการรถบัสกันหน่อย นั่งจากสถานีฮิตาจิโอตะไปลงที่ป้ายริวจิน โอทสึริบาชิ แล้วเดินทางเท้าชมความงามแบบชิลๆ ไปอีก 20 นาทีจ้า (แต่ถ้าใครมีใบขับขี่ระหว่างประเทศ แนะนำว่าเช่ารถขับเลย จังหวัดนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเจ๋งๆ ที่รถยนต์เข้าถึงได้ง่ายๆ เพียบเลย!)
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://ohtsuribashi.ryujinkyo.jp/
นอกจากนี้ในฤดูใบไม้ร่วงยังมีสถานที่อื่นๆ อีกที่น่าสนใจในอิบารากิอีกหลายแห่ง ทั้งหุบเขาฮานะนุกิ ภูเขาทสึคุบะ แล้วก็เทศกาลนู่น นี่ นั่น อีกเยอะ ไว้โอกาสหน้าจะค่อยๆ ทยอยนำมาฝากกันทีละจุดละกันนะ
ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ (2016) จังหวัดอิบารากิ นั้นยังมีการจัดเทศกาลศิลปะนานาชาติแนวร่วมสมัยชื่อว่า “Kenpoku Art 2016” ขึ้นอีก เพื่อดึงดูดทั้งศิลปินและผู้ที่รักงานศิลปะจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยือน (มีศิลปินจากไทยด้วยนะ) ไปเที่ยวชมงานกันได้นะจ้ะ
เทศกาลศิลปะนานาชาติ KENPOKU ART 2016
คอนเซ็ปในครั้งนี้ : ทะเล ภูเขา หรือ ศิลปะ?
ผู้ควบคุมการจัดงาน : ฟุมิโอะ นันโจ
วัน-เวลา : 17 กันยายน – 20 พฤศจิกายน 2016
ศิลปินที่เข้าร่วม : ประมาณ 100 คน จากทั่วโลก (ราว 20 ประเทศ)
ศิลปินไทย : นิพันธ์ โอฬารนิเวศน์, ทักษิณา พิพิธกุล, สุดศิริ ปุยอ๊อก, ธวัชชัยพันธุ์สวัสดิ์, นิธิภัค สามเสน
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://kenpoku-art.jp/en/
แล้วถ้าพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับคนไทย ที่เมืองคาซามะ ของจังหวัดอิบารากินั้นมีเครื่องปั้นดินเผาที่โดดเด่นมาก มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เรียกว่า “คาซามะยากิ” ที่เมืองนี้เขามีความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ของไทยเมื่อปีที่แล้ว (เมษายน 2015) โดยมีการส่งช่างฝีมือจากเมืองคาซามะมาสอนเทคนิคการปั้นที่เมืองไทย แล้วก็รับนักศึกษาจากไทยไปฝึกงานที่คาซามะด้วย …ไปชมกันว่าเจ๋งแค่ไหน หรือไปลองฝีมือ ไปลองปั้นกันดูก็ได้เน้อ
ไปกันๆ อิบารากิ..ในฤดูใบไม้ร่วง (^^)/
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://thai.ibarakiguide.jp/
http://en.hitachikaihin.jp/
https://kenpoku-art.jp/en/
http://thai.ibarakiguide.jp/db-kanko/ushiku_daibutsu.html