สัมภาษณ์หางาน กับเงินเดือน 250,000
*** เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ เขียนจากประสบการณ์และความเห็นของผู้เขียนกับชายญี่ปุ่นที่ไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้ โปรดใช้วิจารณจักรยานในการอ่าน แต่คำถามและหลักการหลายๆ ข้อผู้เขียนเชื่ออย่างยิ่งยวดว่าจะเกิดประโยชน์อย่างแน่นอน ***
ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพมีการเก็บข้อมูล ส่วนที่เสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินที่บินกลับมาหลังจากไปลุยกับพวกญี่ปุ่น เขาทำแบบเรื่องคล้ายๆ กับ data analytics ที่เป็นศาสตร์สุดฮิตในสมัยนี้ จุดสีแดงคือร่องรอยกระสุนที่เครื่องบินถูกโจมตี กองทัพคิดกันว่าควรจะติดเกราะเพิ่มให้กับเครื่องบินรบ เพื่อให้เครื่องบินมีโอกาสรอดกลับมามากขึ้น แต่ถ้าติดเยอะไปก็จะเสียเงินมากอีก บินก็ช้าด้วย คำถาม! เราควรติดเกราะตรงไหนดี ?
ติดตรงไหนดีน๊า..
1) A
2) B กับ D
3) B
4) A กับ C
5) D
6) ถูกทุกข้อ
7) ผิดทุกข้อ
8) ติดไรก็ได้ ขออย่าให้ติดโควิด
อ่ะ ให้เวลาคิดหนึ่งนาที…
.
ตัวอย่างนี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าให้ข้อมูลที่เรารู้ส่วนเดียว มาทำให้การตัดสินใจของเราบิดเบี้ยว อย่าหลงประเด็น
นี่คือโจทย์ที่เป็นหนึ่งในตัวอย่างการคิดแบบ Critical Thinking เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ทรงประสิทธิผล อย่าลืมว่าทุกการกระทำ ทุกอย่างที่เราคิด มีจุดมุ่งหมายคืออะไร สื่อในโลกปัจจุบันบอกว่า เป็นทักษะของโลกในศตวรรษนี้ ไม่ว่าจะสายงานไหน ก็ต้องใช้ และตอนสัมภาษณ์งาน เราจะพอเห็นได้แหล่ะว่าความคิดแต่ละคน มันคมแค่ไหน การตอบคำถามที่ไม่หลงประเด็น สำคัญมากๆ เพราะทุกการสัมภาษณ์มีเป้าหมายแค่สองข้อเท่านั้นคือ เราทำงานตำแหน่งนั้นๆ ให้องค์การได้จริง กับเราต้องเข้ากับองค์กรนั้นได้ใช่ไหม
ผมคุยกับหัวหน้าญี่ปุ่น สัมภาษณ์คนกันมากว่ายี่สิบคนแล้วตลอดเดือนเศษๆ เท่านั้น ใครคิดว่าสถานการณ์โควิด แล้วตลาดแรงงานจะซบเซา แต่ในหลายๆ ส่วนกับกลายเป็นร้อนแรง ย้ายงานหรืออัพค่าตัวกันอุตลุดไปหมด
“ผู้หญิงคนนี้อายุ 31 เขาเรียกเงินเดือนเท่าไหร่นะ”
“แสนเจ็ด”
โอ้ ไม่เบาๆ แล้วอีกคนล่ะ ที่อายุ 37 ที่บอกมีประสบการณ์ทาง IT digital สิบกว่าปีแล้ว
“อ๋อ คนนั้นถ้าอยากได้ อาจต้อง offer 280,000 เพราะปัจจุบันเห็นบอกว่าได้เดือนละ 250,000 บาทอยู่แล้ว”
เดี๋ยวนี้โลก ไม่สิเมืองไทยมันก็ไปไกลถึงขนาดนี้แล้วหรือนี่
หลายเดือนที่ผ่านมา ผู้เขียนคอนเฟิร์มได้ว่า
– งานที่ค่าจ้างหลักเกินแสนถึงหลายแสน เปิดกว้างมากสำหรับคนอายุเกินสามสิบ
– คนที่ได้งานพวกนี้ เริ่มจากคำถามแรกตอนแนะนำตัว เขารู้ว่างานที่จะทำคืออะไร และพวกเขาเล่าได้ตรงว่าประสบการณ์ที่ผ่านมามันจะทำให้เขาทำงานในตำแหน่งนั้นได้
– ทั้งๆ ที่ความจริงอีกอย่างคือ ในช่วงเวลาเพียงชั่วโมงเดียว การจะรู้ว่าแต่ละคนที่พูด โม้หรือโกหกแค่ไหน ยากมากที่จะจับได้ ดังนั้นหากคุณเตรียมตัวมาก่อน โอกาสได้งานรายได้ดีก็มีสูงมาก
– คำตอบที่คาดเดาได้ หรือไม่ได้มีหลักการ framework อะไรมาอ้างอิง มันจะดูไม่น่าได้งาน
– ยกตัวอย่างอันหนึ่งที่เห็นบ่อยเช่นเวลามีปัญหา “เรื่องคน” หลายๆ คนชอบตอบว่า “ก็ต้องคุย เพื่อให้เข้าใจจริงๆ” ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่หากเราเตรียมตัวโดยหาในเน็ตซะหน่อยจะพบว่า การจัดการเรื่องคน เขามีหลักการโดยให้ดูก่อนว่า คนที่เราจะจัดการเป็นคนประเภทไหน? รู้งานแต่ดันขี้เกียจ ไม่รู้งานและขี้เกียจด้วย หรือแค่ไม่รู้งานแต่ขยันพร้อมลุย หรือเป็นพวกทั้งรู้งานและขยันอีกต่างหาก วิธีคุยกับการจัดการก็แตกต่างกัน (ลองดูภาพข้างล่างประกอบ) เพราะอย่างเช่นคนขี้เกียจแถมไม่รู้งาน หากเราไม่สั่ง และไม่ติดตามงานทุกวันก็เจ๋งกันพอดี ตรงกันข้าม คนที่ขยันและทำงานเป็นอยู่แล้ว เขาจะเกลียดเราทันทีถ้าเราเรียกคุยหรือตามงานกับเขาบ่อยๆ
– หลายคนชอบเล่าไปเรื่อยว่าตัวเองทำอะไรมาบ้าง จนลืมไปว่าต้องบอกว่างานที่ทำ มันสร้างความสำเร็จอะไร ยิ่งถ้าบอกเป็นตัวเลขออกมาได้ยิ่งดูดี ทำแล้วยอดขายเพิ่มกี่ล้าน ลดต้นทุนได้กี่ % ยิ่งถ้าบอกต่อได้เราเรียนรู้อะไรที่เชื่อมกับงานใหม่ที่สัมภาษณ์อยู่ได้ด้วยยิ่งเท่
– เคยสัมภาษณ์งาน เราก็พูดไปโดยไม่ได้คิดอะไรว่า ปีที่แล้วตลาดหุ้นโต 16% และยังมีโมเมนต์ที่ดี เชื่อว่าปีนี้ Project ที่จะสร้าง system เพื่อรองรับการเทรดหุ้น น่าจะมีเพิ่ม เป็นโอกาสของ IT แบบเรา คนญี่ปุ่นบอกทีหลังว่าประทับใจกับที่เราจำได้ว่า หุ้นปีที่แล้วขึ้นมา 16% มันดูทำให้เราน่าเชื่อถือ เป็นคนทำการบ้านมาจริง
– หลายคนบ่นว่า จะตกม้าตายเวลาโดนคำถามโชว์กึ๋น พึ่งประสบการณ์จริงๆ เช่น ถ้ากำไรเราตกขึ้นมาสามเดือนติด แก้ปัญหาไง ถ้าโดนตัดงบ เราจะจัดการ How to handle cost management ยังไง… จริงๆ วิธีเอาตัวรอดที่ดีอย่างนึงคือ การแยกส่วนของปัญหา แยกเคสปัญหา เช่นว่า กำไรเกิดจาก ยอดขาย – ต้นทุน เราจะแก้ส่วนไหนก่อน ยอดขายมาจากอะไรบ้าง ต้นทุนมีอะไรบ้าง แค่เริ่มจากตรงนี้ ก็ดูคำตอบจะมีทรงขึ้น
“นายเชื่ออย่างหนึ่งไหม วินคุง… คุยกันเพียงชั่วโมงเดียว ถ้าไม่มีสอบข้อเขียน เราหลอกคนสัมภาษณ์ได้นะ”
“คุณเคยทำเหรอ O ซัง?”
“แหม อย่าบอกว่าแกไม่เคยทำนะ ขนาดตอนนั้นเขาอยากได้คนที่ทำ Digital Roadmap ให้บริษัทได้ ผมก็ไปเปิดเน็ต หาขั้นตอนที่พวกบริษัท Consult ดังๆ เขาทำกัน โทรไปหาเพื่อนที่สนิทสักหน่อย เราก็จะตอบคำถามพวกนี้ได้มั่นใจ”
“โหว… เคล็ดลับแบบนี่สินะที่ทำให้คุณได้งานเงินเดือนสองแสนกว่า เผลอๆ ถึงสามแสนถ้ารวมโบนัส”
ผมพูดกึ่งล้อเล่น กึ่งเหน็บแนม
เสียง O ซังซดเบียร์… พร้อมกับตอบกับมาว่า
“ป่าว เคล็ดลับคือ ผมเงินเดือนสามแสนกว่า แต่ดันมาสัมภาษณ์งานเงินเดือนสองแสนห้า”
เรื่องแนะนำ :
– วิ่งสุดท้ายแข่งกับ นีล อาร์มสตรอง ?
– น้ำตา ที่โตเกียว
– [การลาออกครั้งสุดท้าย] แด่บริษัทที่มีคนแบบเบจิต้าเต็มไปหมด
– “2021” [จากบทความ Nikkei ถึงหนังเรื่อง Soul]
– [นิทานฤดูหนาว] ปาฎิหาริย์แห่งโต๊ะจานผี
#สัมภาษณ์หางาน กับเงินเดือน 250,000